‘เวียดนาม’ เผยการท่องเที่ยวฟื้นตัว แซงระดับก่อนวิกฤติการแพร่ระบาด

จากข้อมูลของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) เปิดเผยตัวเลขสถิติด้านการท่องเที่ยว พบว่าในเดือน เม.ย. 67 เวียดนามต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 58.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนเวียดนามในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 6.2 ล้านคน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวไปในทิศทางที่เป็นบวก ทั้งในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ของการท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวเอเชียเดินทางมาเวียดนาม เพิ่มขึ้น 77.2% ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวยุโรป เพิ่มขึ้น 63.8% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างขาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มีจำนวน 1.6 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 25.8% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม

นอกจากนี้ เหงียน จุง คานห์ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม กล่าวว่าผลจากนโยบายวีซ่าใหม่ ส่งผลต่อความสำเร็จของการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และได้รับความชื่นชมจากนานาประเทศด้วย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-inbound-tourism-booms-surpassing-pre-pandemic-levels-post285643.vnp

‘เวียดนาม’ ร่วมมือออสเตรเลีย หนุนภาคการเกษตรที่ยั่งยืน

Do Thanh Trung รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม ได้แสดงความปรารถนาดีที่จะได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยด้านการเกษตรระหว่างประเทศของออสเตรเลีย (ACIAR) ในการยกระดับประสิทธิภาพทางการเกษตร โดยวิสัยทัศย์ของเวียดนามจะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการเกษตรที่มีความยั่งยืน ประกอบกับการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ให้ดีชึ้น ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันและเชื่อมโยงกับหั่วโซ่อุปทาน ตั้งแต่การแปรรูป การเก็บรักษาหลังการเก็บเกี่ยว นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีการพัฒนาระบบเกษตรสู่การเติบโตสีเขียว เกษตรอินทรีย์และเกษตรกรรมหมุนเวียน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-seeks-collaboration-with-australia-on-sustainable-agriculture-post1093824.vov

ภาคการผลิตของเมียนมาดึงดูด FDI ทั้งหมด 40 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนเมษายน

ตามสถิติที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัท (DICA) การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 39.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไหลเข้าสู่ภาคการผลิตของเมียนมาจากวิสาหกิจ 8 แห่งในเดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2567-2568 (เมษายน-มีนาคม) โดยในเดือนเมษายน ภาคการผลิตมีส่วนดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ 100% ซึ่งบริษัทจีนมีการลงทุนในภาคการผลิตเป็นหลักโดยมี 4 โครงการ ตามมาด้วยอินโดนีเซีย อินเดีย จีนไทเป และสิงคโปร์ในแต่ละโครงการ สถานประกอบการผลิตที่ต้องการกำลังแรงงานจำนวนมากได้รับการจัดลำดับความสำคัญเพื่อสร้างโอกาสในการทำงานให้กับคนในท้องถิ่น ทั้งนี้ ภาคการผลิตของเมียนมาส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปและสิ่งทอที่ผลิตในรูปแบบ CMP และมีส่วนช่วยต่อ GDP ของประเทศในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี ตามคำแถลงของ สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปเมียนมา (MGMA) สมาคมฯ มุ่งมั่นที่จะเร่งความพยายามในการพัฒนาภาคส่วนสิ่งทอและเสื้อผ้าของเมียนมา โดยร่วมมือกับแบรนด์และพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่ง ณ เดือนเมษายน 2567 มีโรงงานที่ดำเนินการอยู่ 539 แห่งที่ดำเนินการภายใต้ MGMA ซึ่งประกอบด้วยโรงงานในจีน 315 แห่ง, เกาหลีใต้ 55 แห่ง, ญี่ปุ่น 18 แห่ง, จากประเทศอื่น ๆ 16 แห่ง, โรงงานในประเทศ 62 แห่ง และกิจการร่วมค้า 27 แห่ง และมีโรงงานกว่า 50 แห่งที่ปิดชั่วคราวในขณะนี้

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-manufacturing-sector-attracts-whole-fdi-of-us40m-in-april/#article-title

การค้าชายแดนกลับมาดำเนินต่อไปหลังจากสะพานมิตรภาพเปิดอีกครั้ง

ตามการระบุของผู้ค้าและผู้อยู่อาศัยบริเวณชายแดนเมียนวดี กล่าวว่า เมียวดีกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และการค้าชายแดนก็กลับมาดำเนินต่อตามปกติ หลังจากสะพานมิตรภาพ 2 แห่งถูกเปิดอีกครั้ง  สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์แห่งที่ 1 เชื่อมระหว่างไทยและเมียวดีได้เปิดอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 เมษายน หลังจากที่ปิดไปเมื่อวันที่ 23 เมษายน และสะพานแห่งที่ 2 เปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 30 เมษายน หลังจากปิดในวันที่ 11 เมษายน อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสะพานหมายเลข 2 ได้เปิดขึ้นอีกครั้ง และการค้าชายแดนได้ดำเนินการอีกครั้งตามปกติ สินค้าไทยเข้าเมียนมา และสินค้าเมียนมาส่งออกไปยังไทย ขณะนี้อุปทานสินค้าเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เมียวดีกลับคืนสู่สภาพเดิม ทั้งนี้ แม้ว่าทางหลวงสายเอเชียจะยังคงถูกปิดกั้น จึงมีการใช้ถนนทางเลือกเพื่อการค้าชายแดน และผ่านมาประมาณ 5 เดือนแล้ว ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งและค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้ค้าต้องใช้ช่องทางอื่นในการซื้อขาย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/border-trade-resumes-after-friendship-bridges-reopened/

รัฐบาล สปป.ลาว และภาคเอกชน เดินหน้าโครงการเครดิตคาร์บอนจากป่าไม้

รัฐบาล สปป.ลาว ร่วมมือกับบริษัทเอกชน ริเริ่มโครงการคาร์บอนเครดิตจากป่าไม้ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า โครงการนี้จะครอบคลุมพื้นที่ป่าไม้ 8 แห่ง มีพื้นที่รวมประมาณ 1.4 ล้านเฮกตาร์ ภายใต้ข้อตกลงระหว่างกระทรวงเกษตรและป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ AIDC Green Forest จะมีการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เพื่อความก้าวหน้าในการซื้อและการขายคาร์บอนเครดิตในอนาคต นายเพชรสภา ภูมิมาศักดิ์ ประธานโครงการ AIDC Green Forest กล่าวว่า โครงการริเริ่มดังกล่าวจะช่วยปกป้องและฟื้นฟูป่าไม้ ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศและการพัฒนาสังคมโดยรวม นอกจากนี้ยังจะเป็นก้าวสำคัญในการช่วยให้ลาวสามารถซื้อและขายคาร์บอนเครดิตจากป่าไม้ตามกลไกตลาดของลาวและต่างประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_86_Govt_y24.php

‘เวียดนาม’ เผยเม็ดเงินทุนจากต่างประเทศ ทะลักไหลเข้าอสังหาฯ และอุตสาหกรรม

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าประมาณ 6.28 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับว่าเป็นเม็ดเงินทุนไหลเข้ามากที่สุดในรอบ 5 ปี โดยภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงได้รับเงินทุนจากต่างประเทศมากที่สุด มูลค่า 4.93 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 78.5% ของเงินทุน FDI ทั้งหมด รองลงมาภาคอสังหาฯ 607.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศนั้น มีส่วนสำคัญอย่างมากในการส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศ และการลงทุนด้านทรัพย์สินทางปัญญาในหลายๆ โครงการใหม่ อย่างไรก็ดี เวียดนามจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมกำลังแรงงานให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fdi-flows-strongly-into-manufacturing-real-estate-post285568.vnp

‘หุ้น VinFast’ แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนาม ร่วงหนัก 65%

หุ้นวินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่สัญชาติเวียดนาม ร่วงลง 65% ในปีนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทจะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 1 แสนคัน เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในปีนี้ แต่ว่าผลประกอบการไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ในไตรมาสแรก ในชณะเดียวกัน บริษัทเตรียมระดมทุนในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยมีแผนที่จะสร้างโรงงานในรัฐนอร์ธ แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา รวมถึงอินโดนีเซียและอินเดีย

ทั้งนี้ Ken Foong นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence กล่าวว่าวินฟาสต์ ทำได้ดีในตลาดเวียดนาม เนื่องจากการแข่งขันไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่ในสหรัฐฯ และภูมิภาคอื่นๆ มีการแข่งขันรุนแรงมากกว่านี้ ทั้งนี้ในแง่ของการใช้กลยุทธ์ลดราคารถยนต์อย่างบริษัทเทสลา (Tesla)

นอกจากนี้ Jochen Siebert กรรมการผู้จัดการของ JSC Automotive Consulting กล่าวว่าวินฟาสต์ อาจบรรลุเป้าหมายการผลิต แต่จะไม่สามารถบรรลุยอดขายได้ เนื่องจากตลาดในประเทศของอ่อนแอเกินไป และขนาดของตลาดรถยนต์ในประเทศไม่ได้ใหญ่มากนัก ตลอดจนราคารถยนต์ค่อนข้างแพงและเล็กสำหรับตลาดรถหรู

ที่มา : https://finance.yahoo.com/news/vinfast-ev-ambitions-reality-check-230000804.html