มูลค่าตลาด E-Commerce ในกัมพูชามีมูลค่าสูงถึง 1.12 พันล้านดอลลาร์

มูลค่าตลาด E-commerce ของกัมพูชาในปี 2024 อยู่ที่ประมาณ 1.12 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเติบโตถึง 1.81 พันล้านดอลลาร์ในปี 2029 เนื่องจากการเติบโตด้านการชำระเงินดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงประชากรวัยหนุ่มสาวเริ่มมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีมากขึ้น การเข้าถึงสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น และการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากรัฐบาล ตามรายงาน E-Commerce ปี 2024 ที่เผยแพร่โดยกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา โดย Cham Nimul รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งการขยายตัวของภาค E-commerce ในกัมพูชาสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการปฏิรูปดิจิทัล ตามที่ระบุไว้ใน Pentagonal Strategy Phase I และกรอบนโยบายเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลปี 2021-2035 โดยในอนาคตคาดตลาดดังกล่าวจะเติบโตในอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ร้อยละ 9.98 จากปี 2024 ถึง 2029 และมีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าถึง 1.81 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501645341/cambodias-e-commerce-market-hit-1-12-billion/

“BFG” ส่งต่างชาติร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ อีกกว่า 7 พันคน พบ ‘ชาวจีน’ มากสุด

วันที่ 26 ก.พ.68 หลังจากที่ กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง BGF ออกปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ในพื้นที่ เมืองชเวก๊กโก่ เมืองเมียวดี และเมืองเคเคปาร์ค ล่าสุด พบว่า สามารถรวบรวมชาวต่างชาติ รวมจำนวน 7,141 คน แบ่งเป็นชาย 6,716 คน หญิง 425 คน จำนวน 29 สัญชาติ โดยพบว่าเป็นคนจีนมากที่สุด จำนวน 4,860 คน อันดับสองรองลงมาเป็นคนเวียดนาม จำนวน 572 คน, 3.อินเดีย จำนวน 526 คน, 4.เอธิโอเปีย จำนวน 430 คน, 5.อินโดนีเซีย จำนวน 283 คน, 7.ฟิลิปปินส์ จำนวน 127 คน, 8.มาเลเซีย จำนวน 70 คน, 9.ปากีสถาน จำนวน 78 คน, 10.เคนยา จำนวน 64 คน ,11.ไต้หวัน จำนวน 25 คน, 12.เนปาล จำนวน 17 คน,13.แอฟริกาใต้ จำนวน 17 คน, 14.ยูกันดา จำนวน 13 คน, 15.แอฟริกา จำนวน 9 คน, 16.ศรีลังกา จำนวน 8 คน, 17.อุซเบกิสถาน จำนวน 8 คน, 18.ไนจีเรีย จำนวน 7 คน, 19.กานา จำนวน 6 คน, 20.แคเมอรูน จำนวน 6 คน ,21.บังคลาเทศ จำนวน 6 คน, 22.นามีเบีย จำนวน 4 คน, 23.รวันดา จำนวน 4 คน, 24.ตูนีเซีย จำนวน 3 คน, 25.เชค จำนวน 2 คน, 26.ลาว จำนวน 1 คน, 27.โรมาเนีย จำนวน 1 คน, 28.แอลจีเรีย จำนวน 1 คน และ 29.สิงคโปร์ จำนวน 1 คน โดยทั้งหมดทางกองกำลัง BGF ได้สอบถามความสมัครใจในการเดินทางกลับประเทศ พบว่าต้องการกลับประเทศทั้งหมด จึงได้จัดทำรายชื่อส่งผ่านรัฐบาลเมียนมา ประสานรัฐบาลไทยและสถานฑูตต่างๆ เพื่อเร่งดำเนินการส่งทุกคนกลับประเทศต้นทาง ต่อไป

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4436957/

การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าและจักรยานยนต์ไฟฟ้าช่วยกระตุ้นการโอนเงินกลับของพลเมืองที่ทำงานในต่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ได้ริเริ่มโครงการพิเศษที่อนุญาตให้พลเมืองเมียนมาที่ทำงานในต่างประเทศสามารถนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าและจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้ หากพวกเขาส่งเงินรายได้ส่วนหนึ่งกลับไปยังเมียนมาผ่านสถาบันการเงินอย่างเป็นทางการ โดยที่หากพลเมืองเมียนมารวมทั้งคนเดินเรือโอนเงินเดือนหรือรายได้ในต่างประเทศของตนมากกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ไปยังธนาคารในประเทศ พวกเขาจะมีสิทธิ์นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 1 คันซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่ากับร้อยละ 5 ของเงินโอนเข้าต่อปี และหากเงินโอนของบุคคลใดไม่ถึงจำนวนเงินที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าหรือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า พวกเขาสามารถนำเข้าได้พร้อมกัน นโยบายการนำเข้านี้มีขึ้นเพื่อส่งเสริมการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้และกระตุ้นยอดขายเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เมียนมายังมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 19 แห่งใน 3 เมืองใหญ่ รวมถึง 4 แห่งในเนปิดอว์ และ 5 แห่งในย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และทางด่วนย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/evs-e-bikes-import-push-to-boost-migrant-remittances/

‘EVFTA’ ผลักดันการเติบโตของการส่งออกเวียดนาม

จากรายงานของสถาบันกลางเพื่อการจัดการเศรษฐกิจ (CIEM) ของเวียดนาม เปิดเผยว่าข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม (EVFTA) ดำเนินการมาแล้ว 5 ปี และได้สร้างผลประโยชน์ในหลายด้านให้แก่เวียดนาม โดยเฉพาะสินค้าสิ่งทอ รองเท้า และสินค้าทางการเกษตร เป็นต้น นาย Nguyen Anh Duong หัวหน้าฝ่ายวิจัยทั่วไปของ CIEM กล่าวว่าหลังจากข้อตกลงการค้าเสรีฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้มาเป็นระยะเวลา 5 ปี ส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออกของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรปอย่างมาก เนื่องจากผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ทางภาษี ในขณะเดียวกัน ข้อตกลงการค้าเสรีฉบับนี้ ยังได้สร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้มีความโปร่งใส ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเทคโนโลยีขั้นสูง ความยั่งยืน การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและการปกป้องสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิติการค้า พบว่าการส่งออกของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรปในปี 2567 เพิ่มขึ้น 13.19% และเวียดนามยังคงเกินดุลการค้าอย่างมาก อยู่ที่ 35.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.nhandan.vn/evfta-generates-positive-outcomes-after-five-years-of-implementation-ciem-post144499.html

‘ไทย-เวียดนาม’ กระชับความสัมพันธ์ ตั้งเป้ายอดการค้าทวิภาคีทะลุ 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายบุ่ย แทงห์ เซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม และนาย มาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย หารือและกล่าวแสดงความสำคัญของการเยือนในครั้งนี้ โดยเฉพาะกิจกรรมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามและไทย ครบรอบ 50 ปี และการเยือนครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ เวียดนามและไทย ให้คำมั่นที่จะส่งเสริมการเชื่อมโยงการขนส่งและการท่องเที่ยว รวมถึงเห็นพ้องที่จะลดมาตรการกีดกันการค้า ส่งเสริมความร่วมมือในภาคส่วนเกิดใหม่ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ และพลังงานหมุนเวียน ในชณะเดียวกัน เวียดนามและไทย ตั้งเป้าที่จะบรรลุการค้าทวีภาคี 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.chiangraitimes.com/news/thailand-and-vietnam-strengthen-bilateral-ties-with-25-billion-trade-target/

เมียนมากวาดรายได้ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกพืชตระกูลถั่วต่างๆ ทุกปี

ตามข้อมูลของกรมการค้า กระทรวงพาณิชย์เมียนมา การส่งออกพืชตระกูลถั่วต่างๆ ของเมียนมามีส่วนสนับสนุนรายได้ประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยรายได้จากการส่งออกพืชตระกูลถั่วของเมียนมาคิดเป็น 38 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งสร้างรายได้มากกว่า 1,000-1,500 ล้านดอลลาร์ต่อปี เมียนมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตถั่วรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งภาคการเกษตรของเมียนมามีส่วนสนับสนุนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เมียนมามีพื้นที่ปลูกข้าวเปลือกมากกว่า 17 ล้านเอเคอร์และพื้นที่ปลูกพืชตระกูลถั่วและถั่ว 10 ล้านเอเคอร์ในประเทศ ซึ่งพืชตระกูลถั่วและถั่วเป็นผลผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ และครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างวันที่ 1 เมษายนถึง 19 กรกฎาคมของปีงบประมาณปัจจุบัน 2024-2025 การส่งออกพืชตระกูลถั่วต่างๆ ของเมียนมามีจำนวนมากกว่า 775,290 ตัน มูลค่า 669.89 ล้านดอลลาร์ ซึ่งประกอบด้วยการส่งออกทางทะเล มากกว่า 748,600 ตัน มูลค่า 647.7 ล้านดอลลาร์ และการส่งออกผ่านชายแดน มากกว่า 26,600 ตัน มูลค่า 22 ล้านดอลลาร์ เมียนมาเป็นผู้ส่งออกถั่วดำ ถั่วมะแฮะ และถั่วเขียวรายใหญ่ที่สุด พื้นที่เพาะปลูกคิดเป็นร้อยละ 72 ของพื้นที่เพาะปลูกถั่วทั้งหมด และปลูกถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วสีเนย ถั่วข้าว ถั่วลันเตา และถั่วชนิดอื่นๆ ในพื้นที่เพาะปลูกร้อยละ 28 ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/myanmar-bags-us1-5b-from-various-pulses-exports-yearly/

‘ก.คลังเวียดนาม’ เสนอขยายระยะเวลาชำระภาษีและค่าเช่าที่ดิน ปี 68

กระทรวงการคลังเวียดนาม (MoF) ดำเนินการระดมความคิดเห็นสาธารณชนเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาที่เสนอขยายเวลาชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และค่าเช่าที่ดินในปี 2568 ทั้งนี้ ภายใต้ร่างพระราชกฤษฎีกา จะมีการเลื่อนการชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ออกไปเป็น 6 เดือนสำหรับยอดเงินที่ครบกำหนดชำระในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และไตรมาสแรกของปี 2568 ส่วนการชำระภาษีเดือนเมษายน พฤษภาคม มิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 จะขยายเวลาออกไปอีก 5 เดือน คาดว่ายอดการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มที่เลื่อนออกไปทั้งหมด จะอยู่ที่ 62 ล้านล้านดอง โดยกำหนดเส้นตายการชำระภาษีขั้นสุดท้าย คือวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ในขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคล กระทรวงฯ ได้เสนอให้ขยายระยะเวลาการชำระภาษีชั่วคราวออกไปอีก 5 เดือนสำหรับไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยคาดว่ายอดรวมที่เลื่อนออกไปจะอยู่ที่ 36 ล้านล้านดอง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1692690/mof-proposes-tax-and-land-rent-payment-extension-for-2025.html