‘เวียดนาม’ ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของบริษัทระดับโลก

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลเข้าประเทศ มีมูลค่า 13.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพื่อให้เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างชาตินั้น ทางหน่วยงานได้เสนอให้รัฐบาลแก้ไขหรือปรับปรุงอย่างมีประสิทธิภาพของการลงทุนจากต่างประเทศ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทั้งนี้ ธนาคารโลก (WB) ได้ตั้งข้อสังเกตว่าในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา เวียดนามประสบความสำคัญในแง่ของการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ความมั่งคงทางการเมืองและศักยภาพทางเศรษฐกิจที่เติบโตอยู่ในระดับสูง อีกทั้ง บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก อาทิเช่น ซัมซุง (Samsung), แอลจี (LG) และ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) มีแผนที่จะย้ายสายการผลิตแห่งใหม่ในเวียดนาม

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-remains-leading-destination-of-fdi-businesses-post1031393.vov

‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ แนวโน้มกลับมาฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง

นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ประจำประเทศไทยและเวียดนาม กล่าวว่าแนวโน้มเศรษฐกิจระยะกลางของเวียดนามมีทิศทางที่สดใส สาเหตุสำคัญมาจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยว การเปิดกว้างทางเศรษฐกิจและความมีเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 7% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ คาดว่าจะลดลงเหลือ 2.8% ต่ำกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.3% อย่างไรก็ตาม กิจกรรมการค้ายังคงซบเซา ซึ่งเป็นความท้าทายต่อภาคการผลิตของประเทศ ถึงแม้ว่าเวียดนามจะเกินดุลการค้ามากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 แต่ว่าภาพรวมของภาคการส่งออกกลับลดลงในปี 2565

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-economy-set-to-rebound-in-h2-report/

‘เมียนมา’ เผยไตรมาสแรก ปี 66 ส่งออกถั่วพัลส์ เกิน 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา เปิดเผยว่าในไตรมาสแรกของปี 2566 ทำรายได้จากการส่งออกถั่วพัลส์ (Pulse) ประมาณ 333.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปริมาณ 424,187.70 ตัน ในช่วงปีงบประมาณ 2566-2567 โดยส่วนใหญ่ส่งออกผ่านทางทะเล 284.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางชายแดน  48.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เมียนมาได้ส่งออกถั่วเขียวผิวดำ ถั่วเขียวและถั่วแระ ไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินเดีย จีนและยุโรป อีกทั้ง ตลาดอินเดียมีความต้องการถั่วเขียวผิวดำเพื่อการบริโภคเพิ่มสูงขึ้น และจากการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างเมียนมา-อินเดีย เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2564 ส่งผลให้อินเดียนำเข้าถั่วเขียวผิวดำและถั่วแระจากเมียนมา 250,000 ตัน และ 100,000 ตัน เป็นระยะเวลา 5 ปี ติดต่อกัน และยังไม่ส่งผลกระทบต่อโควต้าประจำปีของอินเดียที่กำหนดไว้

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-export-earnings-in-pulses-surpass-over-us330-mln-in-q1/#article-title

2024 สปป.ลาว ตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยว 4.6 ล้านคน

รัฐบาล สปป.ลาว หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างน้อย 4.6 ล้านคน ภายในช่วงปี 2024 ผ่านแคมเปญ Visit​ Laos Year​ 2024 โดยคาดว่าจะสร้างรายได้เข้าประเทศประมาณกว่า 712 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดการณ์ว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวดังกล่าวจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ข้อมูลข้างต้นกล่าวโดย Suanesavanh Vignaket​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว ซึ่งคาดว่าเทศกาลธาตุหลวงในเวียงจันทน์ การเฉลิมฉลองปีใหม่ สปป.ลาว และการเฉลิมฉลองในแขวงหลวงพระบางเพื่อเฉลิมฉลองวันออกพรรษา จะเป็นช่วงที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ออกมาเที่ยวมากที่สุด เช่นเดียวกับเทศกาลอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่กล่าว ด้านกระทรวงฯ กำลังเร่ง​ส่ง​แผนการกระตุ้นการท่องเที่ยว​ให้กับ​รัฐบาล ในการ​อนุมัติเพื่อทำการจัดแคมเปญต่อไป โดยในปี 2018 ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สปป.ลาว ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวมากถึง 4.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับปี 2017

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laostargeting130.php

ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐในกัมพูชา ก่อสร้างแล้วเสร็จ 98%

ณ วันที่ 30 มิ.ย. Sin Chanserivutha เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศและโฆษกสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนกัมพูชา ระบุว่า การก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ อังกอร์ ซึ่งมีกำหนดเปิดใช้ในเดือน ต.ค. นี้ แล้วเสร็จแล้วร้อยละ 98 โดยสนามบินแห่งใหม่นี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Siem Reap Angkor International Airport” และมีชื่อรหัสว่า VDSA (รหัส ICAO) และ SAI (รหัส IATA) ซึ่งถือเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งขนาดใหญ่ของกัมพูชาที่ใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณกว่า 880 ล้านดอลลาร์ ในปี 2019 และเพิ่มขึ้นเป็น 1,100 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 โครงการสนามบินดังกล่าวตั้งอยู่ในชุมชน Tayek เขต Sot Nikum ห่างจากเมืองเสียมราฐประมาณ 51 กม. และห่างจากนครวัด 40 กม.

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501320870/siem-reap-new-international-airport-construction-98-complete/

จีนยังคงเป็นตลาดส่งออกสำคัญของกัมพูชา

หลังจากการลงนามในข้อตกลงกัมพูชา-จีน (CCFTA) เมื่อเดือนตุลาคม 2020 และเริ่มมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างจีน และเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยปริมาณการค้าของกัมพูชาเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าระหว่างปี 2017-2021 เพิ่มขึ้นจากมูลค่า 25.44 พันล้านดอลลาร์ เป็น 48.01 พันล้านดอลลาร์ สำหรับศักยภาพในการส่งออกของกัมพูชาไปยังตลาดในภูมิภาคยังมีจำกัด ซึ่งยังคงต้องบูรณาการอย่างต่อเนื่องในส่วนของห่วงโซ่คุณค่าระดับภูมิภาค ถึงอย่างไร แม้กัมพูชาจะได้รับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่จีนและกัมพูชาก็ยังสามารถบรรลุเป้าหมายด้านปริมาณการค้าทวิภาคีได้เกินเป้าหมายที่ 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2021 ซึ่งบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับในปี 2022 จีนก็ยังคงเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา โดยคิดเป็นมูลค่าการส่งออกรวมของกัมพูชาไปยังจีน 1.24 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 5.5 ของการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501320543/china-remains-the-largest-export-market-for-cambodia/

‘เวียดนาม’ เผยช่วง 6 เดือนแรกปี 66 ยอดผู้โดยสารทางอากาศ พุ่ง 30%

จากข้อมูลขององค์กรท่าอากาศยานเวียดนาม (ACV) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีแรก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศเวียดนาม อยู่ที่ 14.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 30% ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเติบโตกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ทั้งนี้ ทางองค์กรได้เน้นย้ำถึงการปฏิบัติงานทางด้านการขนส่งและการบิน รวมถึงจำนวนผู้โดยสารที่มีแนวโน้มจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่ฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น เนื่องมาจากการดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน ประกอบกับได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้น การปรับปรุงคุณภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้น ทางองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงให้ความสำคัญกับการนำไอทีมาใช้ในอุตสาหกรรมการบินของประเทศ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1550719/air-passenger-surges-by-30-per-cent-in-first-six-months.html

กระแส! การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ในเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว

จากข้อมูลของธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) แสดงให้เห็นว่าการชำระเงินด้วย QR Code ผ่านโทรศัพท์มือถือได้รับความนิยมอย่างมากในเวียดนาม ในขณะที่การทำธุรกรรมการเงินผ่านตู้ ATM มีทิศทางที่ลดลงทั้งในแง่ของมูลค่าและปริมาณ ดังนั้น การทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้น 75.54% ในแง่ของปริมาณ และ 1.77% ในแง่ของมูลค่า ตลอดจนการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน QR Code เพิ่มขึ้น 151.14% และ 30.41% ในแง่ของปริมาณและมูลค่า ขณะที่การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านตู้ ATM ลดลง 4.62% ในแง่ของปริมาณ และ 6.43% ในแง่ของมูลค่า สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนไปใช้การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์และการใช้จ่ายไร้เงินสด ด้วยเหตุนี้ ธนาคารกลางจึงดำเนินการปรับปรุงกรอบกฎหมายสำหรับการชำระเงินทางดิจิทัล เพื่อสอดคล้องกับทิศทางการชำระเงินของคนในสังคม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1550712/electronic-payment-continues-to-flourish-in-viet-nam.html

“เมียนมา” เผยตลาดถั่วเขียวนิ่ง เหตุจากอุปสงค์ทั่วโลกซบเซา

หอการค้าและอุตสาหกรรมเขตย่างกุ้ง เปิดเผยว่าราคาถั่วเขียว (Green Gram) ตกต่ำลงมาก ตามความต้องการจากตลาดต่างประเทศที่อ่อนแอลง โดยราคาถั่วเขียวของภาคกลาง แตะระดับสูงสุดที่ 2.092 ล้านจ๊าตต่อตันในช่วงกลางเดือน พ.ค. อย่างไรก็ตาม ราคาถั่วเขียวในปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 1.765 ล้านจ๊าตต่อตัน แสดงให้เห็นว่าราคาถั่วเขียวลดลงราว 300,000 จ๊าตต่อตัน เพียงแค่ 1 เดือนครึ่ง ทั้งนี้ ในเดือน พ.ค. จีนเริ่มมีการดำเนินนโยบายภาษี ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาดถั่วเขียวและทำให้ราคาถั่วเขียวปรับตัวลดลง นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าเมียนมาเตรียมความพร้อมที่จะส่งออกถั่วเขียวไปยังสหภาพยุโรปในปีนี้ ซึ่งจะทำให้เมียนมามีส่วนแบ่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งมากขึ้นในตลาดโลก

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/green-gram-market-calms-down-on-sluggish-global-demand/#article-title

สมาชิกสภาแห่งชาติขอรัฐบาล สปป.ลาว ซ่อมแซมถนนหมายเลข 13

สภาแห่งชาติ (NA) ของแขวงหลวงพระบาง ได้ขอให้รัฐบาลดำเนินการซ่อมแซมถนนหมายเลข 13 ทางตอนเหนือของประเทศ เนื่องจากรถบรรทุกที่มีการบรรทุกน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถนนสายดังกล่าวถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญภายในประเทศ โดยเฉพาะในส่วนระหว่างอำเภอ Kasy, Phoukhoun และ Xieng Ngeun และทางเชื่อมไปยังถนนหมายเลข 7 ที่นำไปสู่จังหวัด Xieng Kuang ซึ่งหน่วยงานผู้รับผิดชอบอย่างกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง ได้เร่งพิจารณาแนวทางฉุกเฉินในการซ่อมแซมถนน เพื่อไม่ให้การเดินทางระหว่างเวียงจันทน์และแขวงทางภาคเหนือเป็นอุปสรรค อีกทั้งยังสนับสนุนให้มีการตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุกเป็นการป้องกันการบรรทุกน้ำหนักเกินขนาด จนส่งผลทำให้ถนนเสื่อมสภาพไวกว่าปกติ ในขณะเดียวกัน กระทรวงกำลังมองหาสถานที่ที่เหมาะสมในการสร้างสถานีชั่งน้ำหนักเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_128_NAmember_y23.php