2022 กัมพูชาสร้างรายได้จากภาคการท่องเที่ยวแตะ 1.4 พันล้านดอลลาร์

กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.28 ล้านคนในปีที่แล้ว สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นการขยายตัวกว่าร้อยละ 667 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2021 รายงานโดยกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ซึ่งการเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเปิดประเทศ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการด้านสุขภาพต่อสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจำนวน 13,597 แห่ง สร้างการจ้างงานให้กับคนในท้องถิ่นกว่า 320,000 ตำแหน่ง ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาได้กำหนดให้ปี 2022-2023 เป็นปีแห่งการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชาหลังประสบกับวิกฤตโควิด-19 ซึ่งในปี 2023 กัมพูชาตั้งเป้าต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 4 ล้านคน ผ่านแคมเปญ “Visit Cambodia Year 2023” ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในปี 2019 ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 6.6 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 4.92 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นร้อยละ 12.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501257327/foreign-tourist-arrivals-generated-1-4-billion-in-2022/

ททท.จัดอีเวนต์สงกรานต์ยิ่งใหญ่ 5 ภาค ดัน ‘คนไทย-ต่างชาติ’ เที่ยวไทยทั้งเดือนเมษาแตะ 20 ล้านคน

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 มองว่าจะมีความคึกคักมากกว่าปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมีการเติบโตขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่วงเกิดโควิด 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง ททท.คาดการณ์ว่าการเดินทางในประเทศทั้งเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ 17-20 ล้านคน/ครั้ง โดยได้แรงสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในเดือนเมษายนนี้ หรือเทศกาลสงกรานต์นั้น นอกจากจะมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ที่สามารถช่วยลดต้นทุนการเดินทางให้ผู้เข้าร่วมโครงการในด้านที่พักได้แล้ว ยังมีคูปองอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 600 บาทต่อวัน ที่สามารถใช้จ่ายในร้านที่เข้าร่วมโครงการด้วย ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายได้มากขึ้นอีก รวมถึง จะมีการจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองสงกรานต์แบบยิ่งใหญ่ เป็นวิจิตรสงกรานต์ 5 ภาค และการส่งเสริมการขาย อันซีนต่างๆ อาทิ แคมเปญ 365 วันเที่ยวได้ทุกวัน การจัดงานใหญ่ต่างจังหวัดต่างๆ อย่างหาดใหญ่มิดไนต์สงกรานต์ อีกทั้งมองว่าช่วงสงกรานต์เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะเที่ยวบินกลับมาได้มากขึ้น ยิ่งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้ฟื้นตัวสูงขึ้นอีก

ที่มา: https://www.matichon.co.th/region/news_3880763

เดือนก.พ 66 สปป.ลาวเกินดุลการค้า 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Lao Trade Portal เผย เดือนกุมภาพันธ์ 2566 การค้าระหว่างประเทศของสปป.ลาว อยู่ที่ 962 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเกินดุลการค้าถึง 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการส่งออก 505 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้า 457 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ มันสำปะหลัง ทองคำผสมและทองคำแท่ง แร่ทองแดง เกลือ เยื่อไม้และเศษกระดาษ ฯลฯ ส่วนสินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ น้ำมันดีเซล อุปกรณ์เครื่องจักรกล ยานพาหนะทางบก น้ำมันเบนซิน เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์พลาสติก ฯลฯ ทั้งนี้ จีนยังคงเป็นประเทศส่งออกอันดับต้น ๆ ของสปป.ลาว รองลงมาคือเวียดนามและไทย ในขณะที่ประเทศต้นทางสำคัญสำหรับการนำเข้าของสปป.ลาวคือไทย จีน และเวียดนาม

ที่มา: https://english.news.cn/20230317/b95b3c13acef4d6aac062ff9a42d3bc9/c.html

เมียนมาเร่งกระตุ้นสินค้าในประเทศผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

กระทรวงอุตสาหกรรมของเมียนมาได้เชิญผู้ประกอบการและผู้ผลิตในประเทศให้ขายสินค้าของตนเองผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่รัฐบาลจัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการส่งออก โดยผู้ประกอบการที่ต้องการใช้แพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมต่อกับหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกได้ภายในวันที่ 28 เมษายน 2566 ทั้งนี้แพลตฟอร์มดังกล่าวจะให้บริการจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีวิธีการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สะดวกมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ซื้อจากประเทศ

ที่มา: https://english.news.cn/asiapacific/20230319/9075354d3e6f4711968d2411ca797057/c.html

“เวิลด์แบงก์” ชี้ ธ.กลาง จับตาตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด

นางแคโรลีน เติร์ก ผู้อำนวยการธนาคารโลก ประจำเวียดนาม กล่าวว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มมุ่งหน้าสู่ความปั่นป่วน ขณะที่เผชิญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อุปสงค์ลดลง เงินเฟ้อสูงขึ้นและการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด โดยเฉพาะด้านสินเชื่อ ของธนาคารกลางทั่วโลก ความคิดเห็นข้างต้นนั้นเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่ธนาคารสหรัฐฯ 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (ธนาคารใหญ่เป็นอันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ) ตามมาด้วยธนาคารซิกเนเจอร์ และธนาคารซิลเวอร์เกตที่ร่วงลงมา ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก ซึ่งผู้ที่มีอำนาจในการกำกับนโยบายควรให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ในครั้งนี้และเตรียมวางแผนที่จะเข้ามาแทรกแซง หากมีความจำเป็น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1498513/central-bank-must-keep-a-close-on-the-financial-market-wb.html

“เวียดนาม” เผย 500 บริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในปี 2566

ตามรายงานของ Vietnam Report JSC และสำนักข่าว VietNamNet ระบุว่าบริษัท Tin Viet Finance JSC, บริษัท Dolphin Sea Air Services Corporation และบริษัท VPS Securities JSC เป็น 1 ใน 10 บริษัทแรกในกลุ่ม 500 บริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในเวียดนาม (FAST500) ทั้งนี้ จากผลการสำรวจบริษัท 500 รายที่เติบโตเร็วที่สุดในเวียดนาม พบว่าอัตราการเติบโตของรายได้ในกลุ่มบริษัท FAST500 ขยายตัวดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงปี 2560-2566 โดยเฉพาะภาคเอกชนที่ทำให้อัตราการเติบโตของกลุ่มดังกล่าว ขยายตัว 2.3% สะท้อนให้เห็นถึงการการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ และหากสอบถามกลุ่มตัวอย่าง จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 81.3% ยังคงรักษาระดับการเติบโตของรายได้ในปี 2565 และ 70% ทำกำไรมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/500-fastestgrowing-companies-in-2023-announced/249980.vnp

เดือนก.พ. 66 ค้าชายแดนท่าขี้เหล็ก-เกาะสอง ของเมียนมา แตะ 32.549 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย เดือนกุมภาพันธ์ 2566 การค้าระหว่างประเทศของเมียนมากับประเทศเพื่อนบ้าน ณ ชายแดนท่าขี้เหล็กและเกาะสอง มีมูลค่าประมาณ 32.549 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย ชายแดนท่าขี้เหล็กมีมูลค่าการค้ารวม 12.573 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการส่งออกมูลค่า 6.268 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้ามูลค่า 6.305 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ส่วนการค้าชายแดนเกาะสองมีมูลค่ารวม 19.976 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการส่งออกมูลค่า 17.537 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้ามูลค่า 2.439 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย มูลค่าการค้ารวมของเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เมื่อนำมาเทียบกับช่วงเดียวกับของปีก่อน (กุมภาพันธ์ 2565) พบว่า ลดลงถึง 9.003 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-carries-out-trade-worth-32-549-mln-via-tachilek-kawthoung-borders-in-feb/

นักท่องเที่ยว สปป.ลาว-ไทย แห่ชมพระธาตุกลางแม่น้ำโขง

นักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งจาก สปป.ลาวและไทย แห่ชมพระธาตุกลางแม่น้ำโขง ซึ่งคาดว่ามีอายุมากถึง 700 ปี โดยเจดีย์จะโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราวในช่วงที่ระดับน้ำในแม่น้ำลดต่ำลง ในเขตพื้นที่ตำบลหาดขาม จังหวัดหนองคาย ติดกับตำบล Hadxayfong ในนครหลวงเวียงจันทน์ ของ สปป.ลาว ตามข้อมูลของ Thailand Tourism Director ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในจังหวัด โดยเจดีย์ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขงถูกทำลายไปในช่วงปี 1766 ที่ปัจจุบันมีความสูง 12.20 เมตร และฐานของพระธาตุกว้าง 15.80 เมตร

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/03/17/tourists-from-laos-thailand-flock-to-see-buddhist-stupa-in-mekong-river/

GDT จัดเก็บภาษีแตะ 540 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.

กรมภาษีอากร (GDT) กัมพูชา จัดเก็บรายได้จากภาษีมูลค่ารวมกว่า 539 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 15 ของแผนการจัดเก็บภาษีประจำปี 2023 รายงานโดย Kong Vibol ผู้อำนวยการ GDT ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยการจัดเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการปฏิรูประบบภาษีที่รัดกุมขึ้น ภายใต้การตรวจสอบและการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งปัจจุบันกัมพูชามีสถาบันจัดเก็บภาษี 2 แห่ง รับผิดชอบในการจัดเก็บภาษี ด้าน GDT มุ่งเน้นไปที่การจัดเก็บภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ในขณะที่กรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) จะจัดเก็บภาษีสำหรับสินค้าที่เข้าและออกของประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501256139/gdt-earns-nearly-540-million-in-january-february/

สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา แม้ว่าการส่งออกจะลดลงก็ตาม

สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 34.4 แม้ว่าการส่งออกของกัมพูชาไปยังต่างประเทศจะลดลงร้อยละ 20.2 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี ที่มูลค่ากว่า 1.12 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายงานโดยกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ขณะที่ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2022 เวียดนามถือเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของกัมพูชา ที่มูลค่า 491 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวกว่าร้อยละ 36.1 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งปัจจุบันเวียดนามกินสัดส่วนการส่งออกของกัมพูชาคิดเป็นร้อยละ 15 ของการส่งออก สวนทางกันกับการส่งออกของกัมพูชาไปยังจีน ซึ่งเคยเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชาในอดีต โดยปัจจุบันครองสัดส่วนร้อยละ 6 ของการส่งออก รองจากญี่ปุ่นและไทย ซึ่งคาดว่าความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP), ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับจีนและเกาหลีใต้ จะเป็นส่วนช่วยให้กัมพูชาขยายตลาดการส่งออกได้มากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501255716/us-remains-cambodias-biggest-market-despite-declining-exports/