สปป.ลาวได้เงินทุนสำหรับพัฒนาความสามารถในการแข่งขันทางการเกษตร

สมาคมการพัฒนาระหว่างประเทศ ธนาคารโลกและรัฐบาลสปปป.จัดหาเงินจำนวน 29,300,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อเป็นเงินทุนให้กับโครงการความสามารถในการแข่งขันด้านการเกษตรของสปป.ลาวซึ่งจะมีขึ้นในปี 2561 ถึง 2567 วัตถุประสงค์ของโครงการคือการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของห่วงโซ่คุณค่าทางการเกษตรที่ โครงการนี้ได้ระบุพืชที่ให้ผลผลิตมากที่สุด 3 ชนิด ได้แก่ ข้าว ผัก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตรด้วยการใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรใหม่ ๆ และการลดแรงงานและต้นทุนการผลิต โดยพื้นที่โครงการครอบคลุมพื้นที่การเกษตรมากกว่า 11,000 เฮกตาร์ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Funds101.php

กัมพูชาพลักดันการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ได้เรียกร้องให้ลูกค้าและผู้ค้าปลีกใช้ประโยชน์จาก e-wallets และแอพต่างๆ เช่น Bakong เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยทางการกัมพูชามองว่าดิจิทัลแบงกิ้งจะมีส่วนช่วยลดจำนวนการแพร่ระบาดลงได้โดยลดความจำเป็นในการทำธุรกรรมระหว่างบุคคลลง ซึ่ง NBC ยังสนับสนุนให้ธนาคารและสถาบันหลักๆ ภายในประเทศให้สิ่งจูงใจแก่ผู้บริโภคและธุรกิจที่เลือกทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ใช้ความระมัดระวังในการจับธนบัตรและแนะนำให้ประชาชนล้างมือให้สะอาดหลังจากได้สัมผัสเงิน โดยจากข้อมูลของ NBC ปัจจุบันชาวกัมพูชามากกว่าร้อยละ 59 ทำธุรกรรมช่องทางออนไลน์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50862261/customers-and-retailers-urged-to-pay-online-to-help-prevent-covid-19-spread/

กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรในช่วง 5 เดือนแรกรวมกว่า 4.1 ล้านตัน

กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรประมาณกว่า 4.1 ล้านตัน ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นถึง 1.1 ล้านตันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กล่าวโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมง ซึ่งเป็นการส่งออกข้าวเปลือกมากที่สุดจำนวน 1.6 ล้านตัน มันสำปะหลัง 1.2 ล้านตัน เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 800,000 ตันและข้าวโพด 134,000 ตัน ส่วนสินค้าส่งออกอื่น ๆ ได้แก่ ถั่ว 11,000 ตัน กล้วย 197,588 ตัน ส้มโอ 21,118 ตัน มะม่วง 152,090 ตัน น้ำมันปาล์ม 19,916 ตัน พริกไทย 6,800 ตัน พริก 56,500 ตัน และแยมมะม่วง 10,500 ตัน โดยตลาดหลักสำคัญสำหรับสินค้าเกษตรของกัมพูชา ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป ประเทศในกลุ่มอาเซียน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย ออสเตรเลียและประเทศอื่นๆ อีกมากมาย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50862233/4-1-million-tonnes-of-agricultural-products-exported-in-first-five-months/

ไทยฉีดวัคซีนแก่ประชาชน อันดับต้นๆของอาเซียน

ประเทศไทยเดินหน้าฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน รวมกว่า 3 ล้านโดสแล้ว ขึ้นเป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียน ด้านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประกาศให้การ “ฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ” และช่วงตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งระดมฉีดวัคซีนให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข อสม. ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว ตามจำนวนวัคซีนที่เข้ามา ทั้งนี้จากรายงานล่าสุดเมื่อ 25 พฤษภาคม 2564 ไทยมีจำนวนการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วถึง 3,024,313 โดส เป็นอันดับ 5 ของอาเซียนและจะเลื่อนขึ้นเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน ด้วยการระดมฉีดวัคซีนอีก 6-8 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อมแล้วกว่า 7,931,765 คน

ที่มา : https://www.businesstoday.co/covid-19/26/05/2021/70356/

มณฑลฉงชิ่งของจีนมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับสปป.ลาวที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

มณฑลฉงชิ่งของจีนแสดงความปรารถนาที่จะยกระดับการค้าทวิภาคีกับสปป.ลาวโดยการสร้างเมืองแห่งมิตรภาพและตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้าต่างๆระหว่างสองประเทศ ผู้แทนหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว (LNCCI) ในมณฑลฉงชิ่งได้ให้ข้อเสนอแนะในระหว่างการพบปะกับ Mrs Khamphao Ernthavanh เอกอัครราชทูตสปป.ลาวประจำประเทศจีนในขณะที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้าการลงทุนและการค้าตะวันตกของจีนครั้งที่ 3 เจ้าหน้าที่จีนกล่าวว่าพวกเขาต้องการที่จะสร้างการค้าทวิภาคีต่อไป พวกเขายังหวังที่จะให้บริการเที่ยวบินระหว่างสปป.ลาวและจีนมากขึ้นเพื่อส่งเสริมการขยายธุรกิจของจีนในสปป.ลาวและส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างสปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_China_99.php

พิษโควิดฉุดอสังหาฯ เขตอีอีซี ค้างสต๊อก 2.2 แสนล้าน

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผย แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ในปี 64 มีทิศทางชะลอตัวลงชัดเจนจากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ทำให้ยอดขายหดตัวลงทั้งจำนวนและมูลค่า จนคาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยเหลือค้างสต๊อกมากถึง 68,170 หน่วย มูลค่า 2.21 แสนล้านบาท

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/845527