สปป.ลาว ยืนยันการตรวจพบ ‘เชื้อไข้หวัดนก (H5N1) ในเวียงจันทน์’

ตามการรายงานชองกรมปศุสัตว์และประมง สังกัดกระทรวงเกษตรและป่าไม้ของ สปป.ลาว ยืนยันการระบาดของไข้หวัดนก (H5N1) โดยตรวจพบที่ตลาดแห่งหนึ่งในเขตไซธานี นครหลวงเวียงจันทน์ หลังจากเก็บตัวอย่างสัตว์ปีกประมาณ 30 ตัว จาก 65 ตัวอย่าง ที่เก็บจากตลาดมีผลการทดสอบเป็นบวก หลังจากการค้นพบครั้งแรก มีการเก็บตัวอย่างเพิ่มเติมอีก 11 ตัวอย่าง ซึ่งเผยให้เห็นการมีอยู่ของไวรัส H5N1 ใน 5 ตัวอย่าง และ H9N2 ซึ่งเป็นชนิดย่อยของโรคไข้หวัดนกในอีก 5 ตัวอย่าง เพื่อตอบสนองต่อการระบาด กรมวิชาการเกษตรและป่าไม้ได้ออกคำสั่งให้ภาคปศุสัตว์ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของการติดเชื้อ รวบรวมข้อมูลที่จำเป็น แยกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และดำเนินมาตรการ เช่น การทำลายสัตว์ปีกที่ติดเชื้อ หรือการแบ่งเขตพื้นที่เสี่ยงสูง นอกจากนี้ ประชาชนในท้องถิ่นยังได้รับคำสั่งให้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการแพร่กระจายของโรคอีกด้วย ไข้หวัดใหญ่ H5N1 เป็นไข้หวัดใหญ่ที่ปกติจะแพร่กระจายระหว่างสัตว์ปีกที่ป่วย แต่บางครั้งสามารถแพร่กระจายจากสัตว์ปีกสู่คนได้ โดยผู้ป่วยจะมีอาการมีไข้ ไอ น้ำมูกไหล และโรคทางเดินหายใจรุนแรง

ที่มา : https://english.news.cn/20240205/e2c7c6f97eec4f7dac47626c3790a2b1/c.html

ปริมาณสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคในกัมพูชาเพิ่มขึ้นกว่า 5% ในไตรมาสก่อน

การขอสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคในกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 สำหรับในช่วงไตรมาส 4 ปี 2023 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า โดยปริมาณสินเชื่ออุปเพื่อโภคบริโภคทั้งหมดเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะมูลค่าสินเชื่อรวมกว่า 15.01 พันล้านดอลลาร์ สำหรับจำนวนบัญชีสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 1.76 ล้านบัญชี โดยร้อยละ 80.27 อยู่ในหมวดการเงินส่วนบุคคล รองลงมาร้อยละ 11.53 อยู่ในหมวดสินเชื่อจำนอง และร้อยละ 8.20 อยู่ในหมวดบัตรเครดิต ซึ่งการเพิ่มขึ้นของปริมาณบัญชีสินเชื่ออุปโภคบริโภคสูงสุดในช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับคุณภาพของสินเชื่อผู้บริโภคที่วัดด้วยอัตราส่วน 30+ DPD (เกินกำหนดชำระมากกว่า 30 วัน) เพื่อบ่งชี้ความน่าเชื่อถือทางเครดิตและความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้ มีการเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.14 บ่งชี้ว่าคุณภาพสินเชื่อลดลงเล็กน้อย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501434280/consumer-loan-applications-go-up-by-5-in-q4-last-year/

IMF รายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจกัมพูชาโต 5.3% ในปี 2023

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาในช่วงปี 2023 เติบโตกว่าร้อยละ 5.3 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่ม อย่างไรก็ตามความเสี่ยงก็ยังคงมีอยู่มาก โดยเฉพาะการเติบโตที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ซึ่งครองสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 40 ของการส่งออกของกัมพูชาอีกทั้งเศรษฐกิจจีนยังคงมีความเสี่ยงในหลายด้าน นอกจากนี้ ภาวะการเงินที่ตึงตัวของสหรัฐฯ และระดับหนี้ภาคเอกชนในกัมพูชาที่สูงอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของประเทศ ภายใต้ภาวะขาดดุลทางด้านการคลัง โดยคาดว่านับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปการขาดดุลของกัมพูชาจะขาดดุลลดลง ตามความมุ่งมั่นของทางการกัมพูชาที่ได้กำหนดไว้ ภายใต้มาตรการที่กำหนดไว้อย่างอย่างครอบคลุม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501434518/cambodias-economy-projected-to-have-grown-by-5-3-in-2023-imf/

‘กระทรวงฯ’ ชี้ค่าไฟปี 67 ราคาพุ่ง

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เตรียมยื่นข้อเสนอปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในปี 2564 เพื่อช่วยเหลือทางการเงินของการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) และส่งเสริมให้การไฟฟ้ามีแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนในการดำเนินงานโรงไฟฟ้า ซึ่งจากการประชุมคณะกรรมการกำกับการควบคุมราคาสินค้า นายฟาน ถิ ทัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวในที่ประชุมว่าจำเป็นที่จะต้องทบทวนราคาและต้นทุนอย่างครอบคลุม เพื่อให้สอดคล้องกับค่าพารามิเตอร์แบบไดนามิกและการจัดหาแหล่งเงินทุน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/electricity-prices-expected-to-surge-in-2024-ministry-2247284.html

‘เวียดนาม’ คู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของเกาหลีใต้ ปี 66

สมาคมการค้าระหว่างประเทศเกาหลีใต้ (KITA) เปิดเผยว่าการค้าระหว่างเกาหลีใต้และเวียดนาม มีมูลค่าสูงถึง 79.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว ยอดการส่งออกหดตัว 12.3% มาอยู่ที่ 53.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การนำเข้าลดลง 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี มูลค่าอยู่ที่ 25.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้ากับเกาหลีใต้ 27.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเวียดนามยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของเกาหลีใต้ แซงญี่ปุ่นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน รองจากจีนและสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ สมาคมฯ ของเกาหลีใต้ ชี้ว่าทั้งการค้าและการส่งออกไปยังตลาดเวียดนามปรับตัวลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องมาจากการส่งออกชิปลดลง และยอดการจัดส่งเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ไปยังเวียดนามลดลง 21.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี อยู่ที่ 12.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-remains-roks-third-trade-partner-in-2023/279236.vnp

เมียนมาวางแผนส่งออกข้าวนึ่งและข้าวหักเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2567-2568

ตามที่ U Ye Min Aung ประธานสมาพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) ระบุว่า MRF ตั้งใจที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เช่น ผงข้าวและเส้นก๋วยเตี๋ยว รวมถึงข้าวนึ่งและข้าวหักในปีงบประมาณ 2567-2568 ซึ่งการบริโภคข้าวในประเทศของเมียนมาปัจจุบันอยู่ที่ 10 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ประเทศผลิตได้ 12-14 ล้านตันต่อปี ซึ่งจำกัดความสามารถในการส่งออกเพียง 3 ล้านตันต่อปี ดังนั้นบุคลากรที่เกี่ยวข้องจึงมุ่งเน้นการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างรายได้มากขึ้นแทนที่จะส่งออกข้าวที่เพิ่มขึ้นเป็นตัน อย่างไรก็ตาม ประธานสมาพันธ์ฯ ยังกล่าวอีกว่า MRF จะเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งออกข้าวนึ่งและข้าวหักเพิ่มในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมของปีงบประมาณนี้ ในขณะที่ข้าวขาวมีกำหนดส่งออกโดยมีข้อจำกัดเพื่อให้แน่ใจว่าสต๊อกข้าวเพียงพอสำหรับการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ 2566-2567 รายได้จากการส่งออกข้าวไม่ได้ลดลง ถึงแม้ว่าการส่งออกข้าวจะลดลง 500,000 ตันก็ตาม เนื่องจากราคาข้าวทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ประเทศจึงมีรายได้สูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในบางเดือน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-plans-to-export-more-parboiled-rice-broken-rice-in-2024-25fy/#article-title

เมียนมามีรายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรมากกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐใน 10 เดือน

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา ณ วันที่ 26 มกราคม 2567 รายงานว่า การส่งออกสินค้าเกษตรสร้างรายได้มากกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2567 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวลดลง 321 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากรายได้การส่งออกช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสินค้าส่งออกทางการเกษตรขั้นต้น ได้แก่ ข้าว ข้าวหัก ถั่วและถั่ว และข้าวโพด นอกจากนี้ ยังมีการส่งออกผลไม้ ผัก งา ใบชาแห้ง น้ำตาล และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ ซึ่งผู้ซื้อผลผลิตทางการเกษตรรายใหญ่ของเมียนมาร์ ได้แก่ จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บังคลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย และศรีลังกา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/agricultural-exports-earn-over-us2-6-bln-in-10-months/#article-title

บรรยากาศเทศกาลตรุษจีนใน สปป.ลาว เริ่มคึกคัก

ขณะที่เทศกาลตรุษจีนใกล้เข้ามา บรรยากาศรื่นเริงในเวียงจันทน์ เมืองหลวงของ สปป.ลาว เริ่มคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากร้านค้าหลายแห่งตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงและการจัดวางรูปมังกรเทศกาลฤดูใบไม้ผลิตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ปีนี้ เพื่อเริ่มต้นปีแห่งมังกร ตามที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้กำหนดให้วันตรุษจีนหรือเทศกาลฤดูใบไม้ผลิเป็นวันหยุดของสหประชาชาติอย่างเป็นทางการในปฏิทินการประชุมและการประชุมที่เริ่มในปี 2567

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_24_Laowearns_y24.php

สปป.ลาว พยายามหาทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิงในประเทศ

รัฐบาล สปป.ลาว กำลังทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิงที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ และกำลังร่างกฤษฎีกากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง นอกเหนือจากความพยายามอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าประเทศจะมีเชื้อเพลิงไว้ใช้สม่ำเสมอ ในการแถลงข่าวที่จัดขึ้นไม่นานหลังจากการประชุมประจำเดือนของรัฐบาล โฆษกรัฐบาล กล่าวว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกำลังพยายามแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิง โดยต้องใช้แนวทางและมาตรการหลายประการเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลน และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างเชื้อเพลิงสำรองเพื่อจัดการกับปัญหาในระยะยาว น้ำมันดีเซลขาดตลาดทั่วประเทศลาวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ และสมาคมเชื้อเพลิงและก๊าซของลาว แนะนำให้ประชาชนใช้เชื้อเพลิงอย่างประหยัด และหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น เพื่อให้มีน้ำมันสำรองเพียงพอสำหรับการเกษตรและกิจกรรมที่จำเป็นอื่นๆ ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นพ้องด้วยว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลดความเสี่ยงของเศรษฐกิจมหภาคด้วยการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และลดอัตราเงินเฟ้อ

ที่มา : https://english.news.cn/20240201/b01174ec9f99468198dfc0013846af09/c.html

ไทยจับตาข้อตกลง 4 ชาติเพื่อนบ้าน หวังผลักดันยกเว้นวีซ่าเชงเก้น

ประเทศไทยกำลังวางแผนที่จะร่วมมือกับเวียดนาม กัมพูชา ลาว และมาเลเซีย จัดการเจรจากับสหภาพยุโรป (EU) เพื่อเปิดตัวรายการวีซ่าต่างตอบแทน นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยจะขอการสนับสนุนจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างข้อตกลงให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางอย่างเสรีระหว่าง 5 ชาติอาเซียน หลังจากได้รับวีซ่าเข้าประเทศแล้ว เขากล่าวว่าเวียดนามขอความช่วยเหลือจากไทย โดยเฉพาะเพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ประเทศไทยจะนำการเจรจาให้นักท่องเที่ยวต้องมีวีซ่าเข้าประเทศเพื่อเดินทางร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ หากรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 4 ประเทศ เห็นพ้องกันอย่างเป็นทางการ รัฐบาลไทยก็มุ่งหวังที่จะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงนี้ในการเจรจากับสหภาพยุโรป เพื่อขอยกเว้นวีซ่าเชงเก้นตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/tourism/40035307?fbclid=IwAR3NaDaOsc_k-GirkTZkYPnJXoAboLJZTt8NlE7eTe1zghWuU5UZ4n3S–g