INFOGRAPHIC : เวียดนามเผยสินค้าส่งออกสำคัญ 5 รายการ มีมูลค่ารวมกว่า 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 สินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนาม จำนวน 5 รายการที่มีมูลค่ามากกว่า 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่

  • โทรศัพท์และชิ้นส่วน มีมูลค่าส่งออก 36.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (18.1% ของยอดส่งออกรวม)
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ มีมูลค่าส่งออก 32.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (15.9% ของยอดส่งออกรวม)
  • เครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ มีมูลค่าส่งออก 22.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (10.9% ของยอดส่งออกรวม)
  • เครื่องจักร อุปกรณ์และชิ้นส่วนประกอบ มีมูลค่าส่งออก 18.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (9.0% ของยอดส่งออกรวม)
  • รองเท้า มีมูลค่าส่งออก 12.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.0% ของยอดส่งออกรวม)

ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญดังกล่าว 5 รายการ มีมูลค่าส่งออกรวมกันร้อยละ 69.4 ของยอดส่งออกทั้งหมดของเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/5-commodities-record-export-values-of-over-10-billion-usd/188129.vnp

หลวงพระบางเผยกลยุทธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวสปป.ลาว

หลวงพระบางซึ่งเป็นมรดกโลกชั้นนำของสปป.ลาวกำลังลงทุนอย่างมากในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวควบคู่ไปกับแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการเดินทางภายในประเทศและกระตุ้นการท่องเที่ยว การมุ่งเน้นไปที่นักท่องเที่ยวในประเทศเป็นการตอบสนองต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่รุนแรงและไม่เคยปรากฏมาก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีผู้เยี่ยมชมจากต่างประเทศหลังจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 การล็อกดาวน์ของหลายๆประเทศทำให้กรุ๊ปทัวร์ต้องยกเลิกการจองส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสูญเสียไปอย่างน้อย 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะนี้หลวงพระบางใช้เงิน 1.7 พันล้านกีบเพื่อสร้างและอัพเกรดสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ที่ Phousy Hill และน้ำตก Kuang Xi ผู้ประกอบการหลายรายได้ลดต้นทุนแพ็คเกจทัวร์และราคาห้องพักเหลือประมาณ 1 ใน 3 ของราคาปกติโดยลดค่าใช้จ่ายลง 70 %  มีการจัดทัวร์ปั่นจักรยาน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยังมีแผนที่จะจัดคาราวานยานพาหนะเพื่อเดินทางไปเวียงจันทน์ในเดือนหน้าเพื่อเป็นช่องทางในการส่งเสริมการเดินทางภายในประเทศ ธุรกิจต่างๆฟื้นตัวเล็กน้อยเนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวสปป.ลาวจำนวนไม่น้อยที่มีกำลังซื้อจำกัด ไม่สามารถชดเชยการไม่มีลูกค้าต่างชาติได้ทั้งหมด จนถึงปีนี้หลวงพระบางมีนักท่องเที่ยวประมาณ 420,000 คนลดลง 64% เมื่อเทียบกับเป้าหมายในปี 63

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Luang_203.php

การแก้ไขเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจท่ามกลางโรคระบาดใน สปป.ลาว

ภาครัฐได้รับการกระตุ้นให้กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไปท่ามกลางการระบาดของโควิด -19 และการตกต่ำของเศรษฐกิจโลกซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของสปป.ลาว นี่เป็นประเด็นหลักประการหนึ่งของมติที่ได้รับการอนุมัติในการประชุมคณะกรรมการกลาง ยังมีเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจและผลักดันให้มีการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้น คณะกรรมการกลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาวกล่าวว่ารัฐบาลควรเพิ่มการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อให้มีการผลิตสินค้าเพื่อการบริโภคในประเทศและการส่งออกมากขึ้น ในส่วนนี้จำเป็นที่จะต้องมีการลดกฎระเบียบของระบบราชการเพื่อให้องค์กรเอกชนสามารถลดต้นทุนการผลิตและตั้งโรงงานเพื่อการส่งออกได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าสปป.ลาวจะยังคงปลอดจากผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรง แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ยังคงแพร่หลายทำลายการท่องเที่ยวก ารลงทุนและการส่งออกซึ่งเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่สำคัญ คณะกรรมการกลางพรรคซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยงานตัดสินใจทางการเมืองของสปป.ลาวได้สั่งให้รัฐบาลจัดการกับภาระหนี้ที่สำคัญของประเทศและอุดช่องโหว่ทางการเงินรวมทั้งปรับปรุงรัฐวิสาหกิจเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามโครงการพัฒนาขนาดใหญ่หลายโครงการยังคงมีความคืบหน้าตามแผน ในระหว่างนี้ทางการยังคงดิ้นรนเพื่อควบคุมราคาอาหารเนื่องจากสินค้าจำนวนมากถูกนำเข้าและต้องซื้อด้วยสกุลเงินที่อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Party_203.php

กัมพูชาร่างกฎหมายด้านการลงทุนฉบับใหม่

รัฐบาลกัมพูชากำลังส่งร่างกฎหมายเกี่ยวกับการลงทุนฉบับใหม่ให้กับภาคเอกชนเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางที่จะทำให้ร่างกฎหมายฉบับใหม่ครอบคลุมเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจภายในประเทศกัมพูชามากขึ้นและช่วยให้กัมพูชากลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับโครงการการลงทุนใหม่ๆในอนาคต โดยร่างกฎหมายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ทั้งยังปรับปรุงและเพิ่มผลผลิตของอุตสาหกรรมในท้องถิ่นเพื่อเชื่อมโยงกับห่วงโซ่คุณค่าในระดับภูมิภาคและระดับโลก ผ่านการเคลื่อนย้ายของกระแสเงินทุนจากนานาชาติ การถ่ายโอนเทคโนโลยีและความรู้ นอกจากนี้ยังปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ทางกฎหมายของนักลงทุนที่มาลงทุนยังกัมพูชาอีกด้วย ซึ่งกฎหมายจะถูกนำไปใช้กับโครงการลงทุนที่ผ่านการรับรอง (QIP) ทั้งหมด โดยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นเวลา 3-9 ปี โดยพิจารณาจากภาคส่วนและกิจกรรมการลงทุน ซึ่งหากโครงการการลงทุนภายใต้ QIP จะได้รับการสนับสนุนให้จ่ายภาษีลดลงร้อยละ 25, 50 และร้อยละ 75 ในทุก ๆ 2 ปี รวมถึงยังได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติมสำหรับการซื้อวัตถุดิบที่ผลิตภายในท้องถิ่น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50773944/new-draft-law-on-investment-mulled/

กัมพูชาหารือวางโรดแมปฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายในประเทศ

กระทรวงการท่องเที่ยวและภาคเอกชนได้หารือเกี่ยวกับร่างแผนฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ จากผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ในช่วงปี 2020-2025 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวทองคอนกล่าวในระหว่างการประชุมว่าการพัฒนาโครงการนี้จะเป็นกลไกสำคัญที่จำเป็นในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่กำลังเผชิญในปัจจุบันและในอนาคต โดยรัฐบาลจะทำการร่วมมือกับภาคเอกชน เช่น สมาคมการท่องเที่ยวกัมพูชา สมาคมโรงแรมกัมพูชา และสหพันธ์การท่องเที่ยวกัมพูชา ในการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศหลัง COVID-19 ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาถึง 7 ปี ภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศจึงจะกลับสู่สภาวะปกติ โดยกัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมกว่า 6.6 ล้านคนในปีที่แล้ว ตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ซึ่งในปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมเพียง 1.2 ล้านคน ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ลดลงกว่าร้อยละ 71.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50773942/roadmap-to-restore-tourism-discussed/

IMF เผยเวียดนามก้าวเป็นอันดับที่ 4 ของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในสัปดาห์นี้ โดยคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในปีนี้ จะสูงถึง 340.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เวียดนามก้าวเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับที่ 4 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ นิตยสาร Investement Bridge อ้างจาก IMF ระบุว่าเวียดนามยังคงเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเศรษฐกิจเติบโตในปีนี้และปีหน้า และคาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวร้อยละ 6-7 ต่อปี ในขณะที่ เศรษฐกิจสิงคโปร์จะขยายตัวร้อยละ 2-5 แสดงให้เห็นว่าส่วนหนึ่งมาจากการประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับโรคโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ทำให้เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจในเชิงบวกปีนี้ นอกจากนี้ ทาง IMF คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวประชากรเวียดนาม อยู่ในอันดับที่ 6 ในอาเซียน แตะ 3,497 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนในปีนี้ รองลงมาฟิลิปปินส์ สปป.ลาว กัมพูชาและเมียนมา ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม จีนยังคงเป็นเศรษฐกิจสำคัญเพียงประเทศเดียวที่คาดว่าขยายตัวร้อยละ 1.9 ในปีนี้ และจะสูงถึงร้อยละ 8.2 ในปี 2564 สำหรับสหรัฐอเมริกาคาดการณ์ว่า GDP จะหดตัวลงร้อยละ 4.3 ในปีนี้

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-to-become-4th-largest-economy-in-southeast-asia-said-imf-25227.html

World Bank คาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามโต 2.5-3% ในปี 2563

ธนาคารโลก (WB) เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจมหภาคของเวียดนาม เมื่อเดือนตุลาคม 2563 ระบุว่า GDP ของเวียดนามเติบโตขึ้นร้อยละ 2.5-3 ในปี 2563 ถึงแม้ว่าเวียดนามจะเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดรอบที่ 2 ก็ตาม แต่ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เศรษฐกิจเวียดนามส่งสัญญาฟื้นตัว จะขยายตัวร้อยละ 2.62 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและสูงกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 0.39 นับว่าขยายตัวขึ้น 2 เท่า ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวและยอดค้าปลีกในเดือนก.ย.เมื่อเทียบกับเดือนสิ.ค. ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามเกินดุลการค้าอยู่ที่ 16.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของเดือนสิ.ค. อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกระบุว่าเวียดนามควรให้ความสำคัญกับการลดความเสี่ยงของการคลังภาครัฐ เมื่อเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสทำให้เวียดนามสามารถเปิดธุรกิจใหม่ได้อย่างรวดเร็วและคาดว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในปีนี้ ในขณะที่ หลายประเทศกำลังเผชิญกับการหดตัวทางเศรษฐกิจอย่างมากและวิ่งเข้าหากองทุนการเงินระหว่างประเทศเพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงิน

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/wb-vietnams-gdp-forecasted-to-grow-at-25-3-in-2020-25216.html

เกษตรกรเมียนมาได้รับการเยียวยาจากการเวนคืนที่ดิน

กรมจัดการที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเมียนมายืนยันเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 63 ที่ผ่านมาโดยจะมีการจัดสรรที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจำนวน 2 พันล้านจัต โดยจะชดเชยให้แก่เกษตรกรที่สูญเสียที่ดิจากการเวนคืนที่ดินของรัฐบาลที่นำไปสร้างถนนและทางรถไฟ  ภายใต้กฎหมายกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการระดับชาติคาดว่าจะจัดสรรจำนวนเงินเป็นค่าตอบแทนแก่เกษตรกรล่วงหน้าพร้อมจะขอคำยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-farmers-receive-land-compensation.html