IMF ฟันธง “เศรษฐกิจไทย” รอดตำแหน่งบ๊วยอาเซียน

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะติดลบ 7.1% ในปีนี้ ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ว่าจะติดลบ 7.7% ขณะที่เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์จะติดลบ 8.3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ส่วนปี 2564 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4.0% ส่วนเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน-5 ซึ่งประกอบด้วยไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม คาดเศรษฐกิจอินโดนีเซียจะหดตัว 1.5% ในปีนี้ และขยายตัว 6.1% ในปีหน้า, มาเลเซียจะหดตัว 6.0% ในปีนี้ และขยายตัว 7.8% ในปีหน้า, ฟิลิปปินส์จะหดตัว 8.3% ในปีนี้ และขยายตัว 7.4% ในปีหน้า ส่วนเวียดนามเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีการขยายตัวในปีนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 1.6% ขณะที่ปีหน้าขยายตัว 6.7% IMF ยังคาดการณ์ว่าไทยมีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในอาเซียน โดยทรงตัวที่ระดับ 1.0% ในปีนี้ และปีหน้า เช่นเดียวกับในปี 2562

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/money_market/452697

สปป.ลาวและจีนเร่งส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค

จีนได้เปิดทางด่วนอีกเส้นที่เชื่อมทางตอนใต้ของประเทศกับชายแดนสปป.ลาวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคและส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีน – อาเซียน ทางด่วนเวียงจันทน์ – บอเต็นที่กำลังก่อสร้างอยู่ จะลดเวลาในการเดินทางระหว่างสองประเทศ เชื่อกันว่าจะช่วยปรับปรุงเครือข่ายถนนในภูมิภาคส่งเสริมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ระหว่างสปป.ลาวและจีนเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค ทางด่วน Xiaomengyang-Mohan สร้างขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของทางหลวงคุนหมิง – กรุงเทพฯผ่านสปป.ลาว ทางด่วนสายที่ 2 มณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนไปยังชายแดนสปป.ลาวก็เปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ เวียงจันทน์ – วังเวียงเป็นด่านแรกของทางด่วนเวียงจันทน์ – บอเต็นและมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมปีนี้ เมื่อสร้างเสร็จจะลดเวลาเดินทางระหว่างเวียงจันทน์และวังเวียงเหลือเพียง 1.5 ชั่วโมง ส่วนที่วางแผนไว้อีกสามส่วนล ได้แก่ วังเวียง – หลวงพระบาง หลวงพระบาง – อุดมไซและอุดมไซ – โบเต็น ยังขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากรัฐบาลสปป. ขณะนี้ทางรถไฟสปป.ลาว – ​​จีนสร้างเสร็จแล้วมากกว่า 90% คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการรถไฟประมาณ 14 ล้านคนต่อปี จีนมีความตั้งใจที่จะให้ทางรถไฟเชื่อมต่อเมืองหลวงของอาเซียนโดยที่คุนหมิงทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค รัฐบาลสปป.ลาวถือว่าทางรถไฟและทางด่วนเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนประเทศจากการไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นการเชื่อมต่อทางบกภายในภูมิภาคลดต้นทุนการขนส่งและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/10/13/laos-and-china-keen-to-boost-regional-connectivity

ยอดขายรถจักรยานยนต์เวียดนาม ลดลง 18.49% ในไตรมาสสามปี 2563

สมาคมผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เวียดนาม (VAMA) รายงานว่าตัวเลขยอดขายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ดิ่งลงร้อยละ 18.49 เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 677,739 คัน บริษัทฮอนด้ามอเตอร์เวียดนาม ระบุว่าในเดือนกันยายน เพียงเดือนเดียว มียอดขายรถจักรยานยนต์สูงถึง 169,917 คัน และมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 80.1 ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในไตรมาสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคม-กันยายน ยอดขายรถจักรยานยนต์ทั้งหมด อยู่ที่ 1.92 ล้านคันและยอดขายชิ้นส่วนมากกว่า 214,000 ชิ้น/เดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไม่สามารถทำยอดขายตรงตามเป้าที่ตั้งไว้ได้เหมือนกับปีก่อนๆ

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/motorcycle-sales-taper-off-1849-percent/188506.vnp

ค่าเงินด่องของเวียดนามมีแนวโน้มเสถียรภาพ

จากรายงานของฟิทช์ โซลูชันส์ (Fitch Solutions) ระบุว่าในระยะสั้น ทางธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) คาดว่ายังคงรักษาเสถียรภาพของค่าเงินด่องได้ เนื่องจากต้องควบคุมระดับของความสามารถทางการแข่งขันด้านการส่งออก ด้วยเหตุนี้  ฟิทช์ โซลูชันส์ปรับค่าเงินด่องเวียดนามเฉลี่ยที่ 23,250 ด่อง/ดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 และมาอยู่ในระดับที่ 23,400 ด่อง/ดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 ขณะที่ ค่าเงินด่องยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่เดือนก.ค. ทั้งนี้ คาดว่าการเกินดุลการค้าของเวียดนามยังคงต่อเนื่อง เนื่องจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการส่งออกยังได้รับแรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับผลกระทบจากข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ที่ช่วยกระตุ้นการส่งออกของประเทศ ในขณะที่ การไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยในปีนี้เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับผลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 นอกจากนี้ ทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือนก.ค. อยู่ที่ 84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางธนาคาร SBV มองว่ายังสามารถรักษาระดับของค่าเงินด่องในไม่กี่เดือนข้างหน้า และมีแนวโน้มว่าจำเป็นต้องซื้อเงินสำรองต่างประเทศมากขึ้น เพื่อที่จะให้ค่าเงินด่องกลับมาอ่อนค่าลง

ที่มา : http://hanoitimes.vn/stable-outlook-expected-for-vietnamese-dong-314500.html

แนวโน้มท่องเที่ยวอาเซียนบูมยุคนิวนอร์มอล

ทราเอ็กซ์เอเชีย(TraXasia) ผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณาในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เปิดเผยรายงานแนวโน้มนักท่องเที่ยวประจำไตรมาส 4 ปี 2563 ชี้การท่องเที่ยวระยะใกล้จะได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคนิวนอร์มอล ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจีนจะยังคงเป็นตลาดนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ตามมาด้วยเกาหลีใต้ ขณะไทยติดโผจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการท่องเที่ยวขาเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา และคาดว่าการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง เนื่องจากการท่องเที่ยวระยะใกล้จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในช่วงของการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดทั่วโลก นอกจากนี้ จากผลสำรวจยังพบด้วยว่า จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำที่คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปีนี้ ได้แก่ เวียดนาม (โฮจิมินห์ ฮานอย ดานัง) มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง โคตาคินาบาลู) และ ไทย (กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่)

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/902272

กัมพูชาและจีนร่วมลงนามข้อตกลงทางด้านการค้า

กัมพูชาและจีนได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ณ พนมเปญ โดยมีนายกรัฐมนตรีฮุนเซน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนเข้าร่วมพิธีลงนาม ซึ่งนายฮุนเซนพูดถึง FTA ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองต่อประเทศกัมพูชา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่าเขตการค้าเสรีจะช่วยให้กัมพูชาก้าวข้ามจากผลกระทบที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันในหลายด้าน ซึ่งฝ่ายกัมพูชามีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างกัมพูชาและจีน โดยจะยังคงสนับสนุนจีนอย่างต่อเนื่องในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและยินดีที่จะทำงานร่วมกับจีนเพื่อกระชับความร่วมมือที่ส่งผลประโยชน์ร่วมกันในด้านต่างๆต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50772642/cambodia-china-sign-trade-deal/

การจดทะเบียนธุรกิจภายในกัมพูชาทำได้สะดวกขึ้นโดยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชาอนุมัติการยื่นจดทะเบียนธุรกิจมากกว่า 1,360 รายการ ผ่านการจดทะเบียนธุรกิจออนไลน์ ณ วันที่ 2 ต.ค. หลังจากที่รัฐบาลเปิดตัวเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีผู้ยื่นขอจดทะเบียนธุรกิจทั้งหมด 1,793 ใบ โดย 1,367 ใบได้รับการอนุมัติ และ 426 รายการอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งมีจำนวนวันโดยเฉลี่ยที่ใช้ในการจดทะเบียน บริษัท อยู่ที่ 8 วัน โดยในแง่ของขนาดของการลงทุนมีทั้งหมดอยู่ที่ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทาง จีน สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งรูปแบบในการจดทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ภาคเอกชนและสาธารณชนทั่วไปกล่าวว่าระบบใหม่นี้ใช้งานง่ายและสะดวกสบายเนื่องจากการจดทะเบียนธุรกิจสามารถทำเป็นแพ็คเกจบนแพลตฟอร์มเดียวกันกับกระทรวงหรือสถาบันอื่น เช่น กระทรวงพาณิชย์ (MOC), กรมภาษีอากร และกระทรวงแรงงานเป็นต้น โดยก่อนหน้านี้ในการจดทะเบียนอาจใช้เวลาหลายเดือน ค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนของแต่ละกระทรวงหรือสถาบันรวมถึงส่วนอื่นๆลดลงประมาณร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับค่าธรรมเนียมก่อนหน้าที่จะมีระบบใหม่เข้ามา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50772450/business-registrations-far-speedier-thanks-to-internet/

เมียนมาซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา 20 ล้านจัต ในช่วงมรสุม

จากข้อมูลของกรมกิจการผู้บริโภคภายใต้กระทรวงพาณิชย์ รัฐบาลเมียนมารับซื้อข้าวเปลือกมรสุมมูลค่า 20 ล้านจัตในปีงบประมาณ 2563-2564  โดยข้าวเปลือกจะรับซื้อจาก 10 เมืองในเขตย่างกุ้ง 26 เมืองในอิระวดี 28 เมืองในเขตพะโค 7 เมืองในเขตทานินธารี และ 5 เมืองในรัฐยะไข่ ซึ่งคณะกรรมการจัดการผลิตผลทางการเกษตร (APMC) ที่นำโดยกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดราคา 520,000 จัต สำหรับทุกๆ 100 ตะกร้าเป็นราคาสำหรับเกษตรกรในช่วงมรสุมและฤดูร้อนซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน เช่น มีความชื้น 14% และไม่มีส่วนผสมของแกลบ ฝุ่น ทราย และหิน ปัจจุบันราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 500,000 จัตต่อ 100 ตะกร้าในช่วงมรสุม แม้ว่าราคาข้าวเปลือกแห้งจะสูงกว่า 500,000 จัต แต่ข้าวเปลือกที่เพิ่งเก็บเกี่ยวได้จะมีราคาต่ำกว่า 500,000 จัต

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-buy-k20-million-worth-monsoon-paddy-farmers.html