ADB เผยเศรษฐกิจเวียดนามลดลง 0.41% จากไวรัสโควิด-19

จากรายงานของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามลดลงร้อยละ 0.41 เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจากตัวรายงานฉบับนี้เผยแพร่ในหัวข้อ “ผลกระทบทางเศรษฐกิจของการระบาดของโควิด-19” ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าความเสียหายของเวียดนามนั้นอยู่ในทิศทางที่ดีเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศเอเชีย ด้วยอยู่ในอันดับที่ 9 ตามมาด้วยไทเป (0.44%), สิงคโปร์ (0.57%), มองโกเลีย (0.74%), จีน (0.76%), ฮ่องกง (0.85%), ไทย (1.11), กัมพูชา (1.59%) และมัลดีฟส์ (2.05%) ขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของไวรัสนั้น จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเอเชียและโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริโภคในประเทศลดลง การชะลอตัวของการลงทุน การท่องเที่ยวทรุดและการหยุดชะงักด้านการผลิตสินค้า รวมถึงผลกระทบด้านสุขภาพ สำหรับกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ จะเป็นกลุ่มที่ทำการค้าและการผลิตกับจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวจากจีนอีกด้วย นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกลดลงร้อยละ 0.2 ในช่วงปลายเดือนมกราคม คิดเป็นมูลค่าที่สูญเสียอยู่ที่ 156 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/adb-vietnam-to-lose-0-41-percent-of-gdp-due-to-covid-19/169850.vnp

ตลาดยาเมียนมาเข้าสู่ภาวะขาดแคลน

ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาให้ข้อมูลว่ายาบางชนิดที่นำเข้าจากอินเดียอาจขาดสต็อกในเมียนมาในไม่ช้า จากข้อมูลอุตสาหกรรมยาพบว่า 75% ของยาที่ขายในเมียนมานำเข้ามาจากอินเดียและปัจจุบันบริษัทยาอินเดียกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับการผลิต การระบาดของโรค coronavirus ในประเทศจีนได้ทำลายห่วงโซ่อุปทานของส่วนผสมและสารเคมีที่ใช้ในการทำยา ทั้งนี้รัฐบาลอินเดียยังจำกัดการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์บางประเภทไปยังประเทศอื่น ๆ เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศ อย่างไรก็ตามการแข็งค่าของเงินจัตเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนั้นก็ค่อนข้างที่จะส่งผลต่อการขาดแคลนและราคายาให้คงที่ได้เช่นกัน เมียนมานำเข้ายา 80% จากอินเดีย และประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ปากีสถาน บังกลาเทศ จีน เวียดนามฟิลิปปินส์ และยุโรป

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/market-conditions-tighten-indian-pharmaceuticals.html

เยอรมนีอนุมัติเงิน 7.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐสนับสนุนกองทุนเงินทุนเพื่อธุรกิจ

เยอรมนีอนุมัติเงินเพิ่ม 7.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับกองทุนการเข้าถึงการเงินสปป.ลาว (LAFF) เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงการเงินระยะยาวสำหรับครัวเรือนและองค์กรขนาดเล็กขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) ในพื้นที่ชนบท โดยกองทุนนี้จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของธนาคารสปป. ลาว และยังสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจลาวอย่างยั่งยืนโดยการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจสำหรับ MSME โดยธนาคารและสถาบันการเงินรายย่อยสามารถให้สินเชื่อแก่ธุรกิจได้มากถึง 500 ล้านกีบต่อธุรกิจ  ตรงตามวัตถุประสงค์หลักของโครงการคือการสนับสนุนภาคการเงินเชิงพาณิชย์ของลาวในการให้บริการทางการเงินที่ยั่งยืนและตามความต้องการของ MSMEs ในพื้นที่ชนบท สิ่งนี้จะช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนและสนับสนุนการสร้างงานและลดความยากจน

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/germany-backs-access-finance-msmes-115374

ADB เตือนภาคการท่องเที่ยวกัมพูชาอาจจะเสียหายเป็นอย่างมากจากการแพร่ของไวรัส

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) กล่าวถึงการระบาดอย่างต่อเนื่องของไวรัส COVID-19 จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังพัฒนาในเอเชีย โดยในการวิเคราะห์ล่าสุดของ ADB กล่าวว่าจะมีการลดลงอย่างมากของอุปสงค์ในประเทศ เช่นการท่องเที่ยวและการค้ารวมถึงการหยุดชะงักอย่างรุนแรงในการเชื่อมโยงการผลิตและซัพพลายเชน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับกัมพูชา ADB ประมาณการว่ารายรับจากการท่องเที่ยวของกัมพูชาอาจลดลงเหลือ 856.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว 6.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน ภาคดังกล่าวสร้างรายได้ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคิดเป็น 12% ของจีดีพี อย่างไรก็ตามในปีนี้กระทรวงการท่องเที่ยวได้คาดการณ์ไว้แล้วว่ากัมพูชาจะประสบปัญหานักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 1 ล้านคนส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง 10% โดยการท่องเที่ยวถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาหลายแห่งในเอเชีย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50699917/tourism-sector-to-lose-over-850-million-warns-the-adb

นายกฮุนเซนประกาศเปิดตัวโครงการใหม่ National Road 10

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้เปิดเผยแผนการสำหรับการก่อสร้างทางหลวงเส้นใหม่จากพระตะบองไปยังเกาะกง โดยนายกฮุนเซนได้กล่าวในพิธีเปิด National Road 55 ทางหลวงที่เพิ่งสร้างเสร็จในจังหวัดโพธิสัตว์ ซึ่งเชื่อมต่อกับทางชายแดนของไทย หากเมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วเส้นทางยุทธศาสตร์จะสร้างเส้นทางเศรษฐกิจที่สำคัญระหว่างกัมพูชาและไทย โดยหนึ่งในจุดประสงค์คือการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคและโลก จะช่วยอำนวยความสะดวกในบรรยากาศการลงทุนและปรับปรุงการค้าการท่องเที่ยว รวมถึงความร่วมมือข้ามพรมแดนในขณะเดียวกันก็จะสร้างงานและส่งเสริมสวัสดิการทางสังคมให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์จะพบว่าการค้าระหว่างกัมพูชาและไทยเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2562 เป็น 9.4 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจาก 5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2558 โดยเมื่อปีที่แล้วการส่งออกของกัมพูชามายังประเทศไทยมีมูลค่า 2.27 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 195% เมื่อเทียบเป็นรายปีในขณะที่มูลค่าการนำเข้าจากไทยอยู่ที่ 7.14 พันล้านเหรียญสหรัฐลดลง 6%

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50699905/pm-announces-new-national-road-10

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชากล่าวถึงผลกระทบจากไวรัสต่ออุตสาหกรรม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวได้ทำการเปรียบเทียบระหว่างการระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบันกับการระบาดของโรคที่ติดต่อกับทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARs) ที่เกิดขึ้นในปี 2546 ที่ได้ทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย โดยกัมพูชาประสบกับปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอย่างมากในช่วงการระบาดของโรคซาร์สในปี 2546 และเห็นปฏิกิริยาคล้ายๆกับไวรัส COVID-19 ในปัจจุบัน ซึ่งกระทรวงคาดการณ์ว่ากัมพูชาจะประสบกับการลดลงของนักท่องเที่ยว 1 ล้านคน ในปีนี้ส่งผลให้สูญเสียรายได้ประมาณ 10% สำหรับภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โดยกัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว 6.6 ล้านคน ในปี 2562 เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน สร้างรายได้ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐและคิดเป็น 12% ของจีดีพีของประเทศ กระทรวงยังกล่าวอีกว่ากัมพูชายังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอกเนื่องจากสงครามการค้าของจีนและสหรัฐฯและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีรายงานหนึ่งสรุปประมาณการณ์ความเสียหายจากไวรัสคิดเป็น 0.1% ถึง 0.4% ของ GDP โลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50699503/minister-of-tourism-says-virus-will-be-as-bad-if-not-worse-than-sars-was-for-industry