แตงโมเมียนมาอ่วม หลังเจอพิษโคโรน่า เสียหายถึง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สมาคมผู้ผลิตและส่งออกแตงโมและเมล่อนของเมียนมาชี้ตัวเลขการสูญเสียการส่งออกในปีนี้เกือบ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (71,400 ล้านจัต) นอกจากการสูญเสียจากการส่งออกแล้วการเลิกส่งออกยังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ในช่วงเวลาปกติรถบรรทุกประมาณ 500 ถึง 600 คันต่อวันข้ามชายแดนไปยังจีน แต่ตอนนี้มีเพียง 30 ถึง 40 ต่อวันเท่านั้นซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม ซึ่งผู้ปลูกบางรายกำลังส่งออกโดยการคาดเดาว่าจะดีขึ้น การระบาดของโรค coronavirus เมื่อเร็ว ๆ นี้ผลกระทบต่อการค้าระหว่างจีนและเมียนมาตามแนวชายแดนโดยเฉพาะอย่างยิ่งแตงโมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ซื้อแตงโมจากจีนเพิ่มขึ้นจาก 50 เป็นมากกว่า 200 ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาซึ่งบ่งชี้ว่าอาจกลับมาเป็นปกติ จากการคาดการณ์การส่งออกปีนี้ 800,000 ตัน แต่มียอดขายเพียง 300,000 ตันเท่านั้น การปิดชายแดนเพียงสองสัปดาห์ส่งผลให้การส่งออกลดลง 66.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับแตงโม 748,472 ตันในปีงบประมาณ 61-62 การส่งออกไปจีนสร้างรายได้ 77.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากผลไม้ทั้งหมด 804,024 ตันในปีงบประมาณ 60-61

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-watermelon-losses-reach-50m.html

ราคาไก่ลดฮวบ ส่งผลต่อพ่อแม่พันธุ์ในท้องถิ่น

การเข้ามาของ บริษัท ต่างประเทศในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์ปีกในประเทศทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างการผลิตและการบริโภคซึ่งส่งผลให้ราคาลดลงต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ตอนนี้เป็นความกังวลสำหรับฟาร์มขนาดเล็กและขนาดกลางใน สถานการณ์นี้อาจทำให้เกิดความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับผู้เพาะพันธุ์ในท้องถิ่น และไม่ควรได้รับอนุญาตให้บริษัทต่างชาติทำการเพาะพันธุ์ไก่ ราคาไก่ที่ต่ำไม่ใช่เพราะการนำเข้า แต่เป็นเพราะอุปทานส่วนเกิน ซึ่งบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่เริ่มทำฟาร์มเลี้ยงไก่เช่นกัน เมื่ออุปทานเพิ่มขึ้นราคาก็จะลดลง เป็นการดีที่สุดสำหรับการควบคุมราคาคือให้คนท้องถิ่นในการทำฟาร์มเลี้ยงไก่เอง ต้นทุนการผลิตสำหรับหนึ่ง viss (ประมาณ 1.63 กิโลกรัม) อยู่ที่ 2,800 จัต แต่เนื่องจากปัญหา coronavirus ส่งผลให้ราคาของไก่เนื้อลดลงถึง 2,000 จัต และ 2,300 จัต มีบริษั ต่างประเทศ 10 บริษัท ที่ทำการเพาะพันธุ์ไก่ประมาณ 3 ล้านตัว ในเขตมัณฑะเลย์ เช่น ปวยบเวและเมียงยาน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/chicken-prices-causing-difficulties-local-breeders.html

ดุลการค้าสปป.ลาวขาดดุลลดลง

มูลค่าการนำเข้าสินค้าของลาวลดลงเล็กน้อยจาก 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2018 เป็น 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 62 โดยสินค้านำเข้าห้าอันดับแรก ได้แก่ อุปกรณ์ก่อสร้างน้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นส่วนยานยนต์และอาหาร มีมูลค่าลดลงในขนาดที่สินค้าส่งออกสำคัญมีการเพิ่มขึ้นทำให้ดุลการค้าขาดดุลลดลงต่อในตลอด 3 ปี ที่ผ่านจากการส่งเสริมการส่งออกและการผลิตเพื่อบริโภคในประเทศ เมื่อมีการขาดดุลน้อยลงก็เปรียบได้ว่าสปป.ลาวมีทุนสำรองมากขึ้นเป็นตัวบ่งชี้เสถียรภาพของภาคต่างประเทศที่ดี นอกจากการเพิ่มการส่งออกและผลผลิตจะทำให้สปป.ลาวแก่ปัญหาเรื่องการขาดอาหารและยังทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องไปได้อีกด้วย

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/value-imports-dips-trade-deficit-plummets-laos-114627

รายได้ของลาวจากการขายข้าวไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้น

ข้าวที่ส่งออกไปยังจีนสร้างรายได้แก่สสป.ลาวในปี 62 มากถึง 14.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจากการลงนามการค้า ACFTA ทำให้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสปป.ลาวส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนได้มากขึ้นโดยข้อตกลงนี้จะลดหรือยกเว้นภาษีแก่สินค้าที่สปป.ลาวส่งไปยังจีนและนโยบายการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศทำให้การค้าจีนกับสปป.ลาวขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจีนถือเป็นตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดของสปป.ลาว ในแต่ละปีสปป.ลาวมีโควตาส่งออกข้าวให้แก่จีนถึง 50,000 ตันและมีแนวโน้มที่จะส่งออกได้มากกว่าเดิมจากการเติบโตของเศรษฐกิจจีนทั้งในแง่ของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น รายได้ต่อหัวที่สูงขึ้น กำลังซื้อคนในประเทศเพิ่มขึ้นปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้มีการนำเข้าข้าวจากสปป.ลาวมากขึ้นและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ 

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos%E2%80%99-earnings-rice-sales-china-rise-114545

ญี่ปุ่นให้คำมั่นสัญญาต่อกัมพูชาในการช่วยพัฒนาภาคการเกษตร

รัฐบาลญี่ปุ่นบริจาคเงินจำนวน 890,471 เหรียญสหรัฐ สำหรับการพัฒนาระบบชลประทาน การดูแลสุขภาพเยาวชนและการเสริมสร้างศักยภาพเยาวชนในกัมพูชา โดยจะมีการจัดสรรงบประมาณจำนวน 85,019 เหรียญสหรัฐ สำหรับโครงการแรกซึ่งจะเน้นการพัฒนาระบบชลประทานเพื่อส่งเสริมการเกษตรในเขตพระวิหาร ซึ่งเงินดังกล่าวจะมอบให้กับองค์กรภาครัฐคือสมาคมปราสาทพระวิหารแห่งประเทศญี่ปุ่นเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำในหมู่บ้านเชิงนิเวศของจังหวัด โดยตัวแทนของสมาคม Noritada Morita กล่าวว่าเกษตรกรในพื้นที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการเพราะเชื่อว่าจะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรโดยเฉพาะในฤดูแล้ง ร่วมปรับปรุงเทคโนโลยีการเกษตรและปรับปรุงการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการพัฒนาภูมิภาคอย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการที่สองจะได้รับเงินสนับสนุนจำนวน 452,427 เหรียญสหรัฐ เพื่อปรับปรุงการเข้าถึงบริการสุขภาพแบบครบวงจร น้ำสะอาด สุขาภิบาลและบริการด้านโภชนาการในพระวิหาร ส่วนโครงการที่สามจะเน้นการพัฒนาเยาวชนในจังหวัดไพลิน เงินจำนวนสนับสนุน 353,025 เหรียญสหรัฐจะนำไปบริจาคให้องค์กรพัฒนาเอกชน Kokkyo naki Kodomotachi เพื่อสนับสนุนเยาวชนและจัดให้พวกเขามีทักษะชีวิตและความสามารถ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50695195/japan-pledges-nearly-900000-to-improve-kingdoms-agriculture

กระทรวงฯกล่าวถึงค่าใช้จ่ายในการนำเข้าวัตถุดิบผลิตการ์เม้นท์

เพื่ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนภาคการตัดเย็บเสื้อผ้าในปัจจุบันที่ประสบปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและเพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์การขนส่ง โดยกระทรวงเศรษฐกิจและการเงินจึงเร่งออกจดหมายถึงกรมศุลกากรและสรรพสามิตเพื่อหาวิธีช่วยเหลือผู้นำเข้าและผู้ส่งออก ซึ่งถามถึงกรมศุลกากรและสรรพสามิตว่าให้ช่วยเพิ่ม “กรีนเลน” สำหรับการนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตเสื้อผ้าที่จำเป็นในกระบวนการผลิต โดยช่องทางกรีนเลนจะอำนวยความสะดวกในกระบวนการอย่างรวดเร็วสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้าสำหรับผลิตเสื้อผ้า โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสั่งให้กรมศุลกากรและสรรพสามิตช่วยอำนวยความสะดวกขั้นตอนและปล่อยสินค้าโดยเร็วที่สุด ซึ่งกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดควรร่วมมือกับสมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าในประเทศกัมพูชา (GMAC) เพื่อหารือกับผู้ส่งสินค้าร่วมกันหาทางออก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50695224/ministry-sends-letter-outlining-less-red-tape-and-import-costs-for-raw-garments

BIMA และ Smart Axiata ประกาศเพิ่มความคุ้มครองสำหรับ Smart Life Insurance

ผู้ให้บริการด้านประกันฯ BIMA และผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมสมาร์ท Axiata ประกาศเปิดตัวประกันภัยที่ครอบคลุมสำหรับลูกค้า Smart Life Insurance ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป โดยตอนนี้ผู้ถือประกันจะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้สูงถึง 5,000 เหรียญสหรัฐ ด้วยแผนอัพเกรดนี้ ซึ่งลูกค้าภายใต้ประกันชีวิต Smart  Life Insurance จะต้องชำระค่าเบี้ยระหว่าง 1.60 – 2.40 เหรียญสหรัฐต่อเดือนสำหรับการคุ้มครองข้างต้น โดยก่อนหน้านี้ครอบครัวที่มีรายได้ต่ำในกัมพูชาไม่สามารถเข้าถึงโครงการประกันสังคมและการพาณิชย์ที่สำคัญได้ ซึ่งตั้งแต่ปี 2014 การเป็นหุ้นส่วนกับ Smart Axiata และ BIMA ได้ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงประกันฯมากกว่า 1 ล้านคน ทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดหวังว่าจะสามารถขยายขอบเขตและให้บริการการบริหารความเสี่ยงที่มีคุณค่าแก่ประชาชนได้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50694703/bima-and-smart-axiata-announces-enhanced-insurance-coverage-for-smart