‘เวียดนาม’ เผยค่าแรงเพิ่ม 6.9% ในปี 66

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) รายงานว่าในปีที่แล้ว คนงานเวียดนามมีรายได้ต่อเดือน เพิ่มขึ้น 6.9% คิดเป็นเม็ดเงินอยู่ที่ 7.1 ล้านดอง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยแรงงานเพศชายมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.1 ล้านดองต่อเดือน ในขณะที่แรงงานเพศหญิงมีรายได้ที่ 6 ล้านดองในปี 2566 ทั้งนี้ คนงานในทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจมีความพึงพอใจต่อการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 โดยเฉพาะแรงงานที่อยู่ในเขตราบลุ่มปากแม่น้ำโขงที่ได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นมากที่สุด รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.7 ล้านดอง เพิ่มขึ้น 3.5% ในขณะเดียวกัน แรงงานที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ปรับขึ้นค่าแรงต่ำที่สุดที่ 2.3% อย่างไรก็ดีแรงงานยังคงมีรายได้เฉลี่ย 9 ล้านดองต่อเดือน

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnamese-worker-incomes-rise-by-6-9-in-2023/

การส่งออกของเมียนมาร์มีมูลค่า 266 ล้านเหรียญสหรัฐในสัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคม 2566

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เผยว่ามูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์อยู่ที่ 266 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคม เมียนมาร์มีการส่งออกสินค้าไปยัง ปากีสถาน ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวียดนาม แคนาดา สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยผ่านเส้นทางทางทะเล ซึ่งอุปสงค์จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปลายปี นอกจากนี้ การส่งออกเครื่องแต่งกายสำเร็จรูปที่ผลิตแบบตัด การผลิต และบรรจุภัณฑ์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในขณะเดียวกัน มูลค่าการค้าผ่านด่านชายแดนกัมปติของเมียนมาร์กับประเทศจีนมีมูลค่ารวม 21.381 ล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ชายแดนกัมปติมีเป้าหมายทางการค้าเดิมที่ 18.5 ล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ซึ่งประกอบด้วยการส่งออกมูลค่า 16 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้ามูลค่า 2.5 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่การค้าชายแดนกัมปติ ณ สัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคม เกินเป้าหมายทางการค้าของเดือนนี้ ซึ่งมีมูลค่าการค้ามากกว่า 21 ล้านดอลลาร์ มีการส่งออกมูลค่า 19.029 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้ามูลค่า 2.352 ล้านดอลลาร์ โดยส่งออกสินค้ากล้วยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แตงโม ฟักทอง ยางพารา พริก และข้าว Emata เป็นหลัก และมีการนำเข้าวัสดุก่อสร้าง สินค้าทุน และสินค้าขั้นกลาง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-export-bags-us266m-in-third-week-of-dec-2023/

สหรัฐฯ ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางด้านการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (MoC) ระบุว่า กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2023 มูลค่ารวม 8,144 ล้านดอลลาร์ ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.89 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.25 ของปริมาณการส่งออกรวมทั้งหมดที่มีมูลค่าอยู่ที่ 21,292 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐฯ ของกัมพูชา ปรับตัวลดลงเช่นกันร้อยละ 23.97 ที่มูลค่า 223 ล้านดอลลาร์ ภายใต้โครงการอย่างสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ซึ่งหมดอายุไปในช่วงปี 2020 โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม เสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ขณะที่สินค้าส่งออกหลักของกัมพูชาที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ได้แก่ เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์เสื้อผ้า เครื่องหนัง สินค้าสำหรับเดินทาง กระเป๋าถือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นสำคัญ ในขณะที่กัมพูชานำเข้ายานพาหนะ เครื่องจักรและเครื่องใช้เครื่องจักรกล เครื่องมือทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์ยาจากสหรัฐฯ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501416446/us-remains-cambodias-biggest-export-destination-2/

นักท่องเที่ยวเดินทางมายังนครวัดกัมพูชาในช่วงปี 2023 แตะ 8 แสนคน

อุทยานโบราณคดีอังกอร์อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังของกัมพูชา ได้รายงานการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 798,069 คน สำหรับในปี 2023 เพิ่มขึ้นถึง 177% จากปริมาณนักท่องเที่ยว 287,454 คน ในปีก่อน โดยโบราณสถานดังกล่าวสร้างรายได้จากการขายตั๋วเข้าชมสถานที่กว่า 37.1 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 222% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการรายงานจากอังกอร์ เอนเทอร์ไพรซ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจกัมพูชา ซึ่งอุทยานโบราณคดีอังกอร์ตั้งอยู่ในจังหวัดเสียมราฐ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ บนเนื้อที่ 401 ตารางกิโลเมตร ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อปี 1992 ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดของกัมพูชา โดยทางการกัมพูชาเชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการก่อสร้างสนามบินนานาชาติเสียมราฐ-อังกอร์ (SAI) แห่งใหม่ ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมายังนครวัดมากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501416584/close-to-800000-foreign-tourists-converged-on-angkor-in-2023/

‘เวียดนาม’ ชี้การจ้างงานโตสวนทางคุณภาพของตลาดแรงงานยังไม่ดีขึ้น

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าถึงแม้จำนวนผู้มีงานทำมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น แต่คุณภาพของตลาดแรงงานยังไม่กลับมาฟื้นตัว เนื่องจากมีแรงงานนอกระบบจำนวนมาก และจากข้อมูลทางสถิติในไตรมาสที่ 4/66 พบว่าผู้มีงานทำ มีจำนวนทั้งสิ้น 51.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 130,400 คน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ 414,600 คน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยการเติบโตของแรงงานข้างต้นมาจากกิจกรรมการผลิตและการดำเนินธุรกิจที่ขยายตัวดีขึ้นตามความต้องการของผู้คนในช่วงเทศกาลเต็ต (Tet)

นอกจากนี้ ตามรายงานของสำนักงานสถิติ ยังระบุว่ารายได้เฉลี่ยต่อหัวในปี 2566 อยู่ที่ราว 204 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ผู้ว่างงานหรือผู้ตกงาน มีจำนวนประมาณ 85,000 คนในไตรมาสที่ 4/66 ลดลงราว 32,100 คน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/employment-numbers-rise-but-labour-market-quality-yet-to-improve-gso-2234063.html

‘เวียดนาม’ เผยสัดส่วนหนี้สาธารณะ ปี 66 แตะ 37% ต่อ GDP

กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าหนี้สาธารณะของเวียดนามในปี 2566 มีมูลค่า 3.8 พันล้านล้านด่อง หรือคิดเป็น 37% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งตัวเลขหนี้สาธารณะดังกล่าวอยู่ในระดับไม่เกินเพดาน 60% ตามที่รัฐสภากำหนดไว้ และยังต่ำกว่าประมาณการณ์ของกระทรวงฯ

ทั้งนี้ นายโฮ ดึก ฟอก  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าถึงแม้เวียดนามจะเผชิญกับความท้าทายของเศรษฐกิจโลก แต่นโยบายการคลังของเวียดนามในปีที่แล้ว สามารถบรรลุความสำเร็จมาได้ อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินปี 2567 กระทรวงการคลังประมาณการณ์ถึงปัจจัยและความท้าทายต่างๆ และมองว่าการจัดเก็บงบประมาณของรัฐ คาดว่าจะอยู่ที่ 1.7 พันล้านล้านด่อง ในขณะที่การใช้จ่ายงบประมาณที่ 2.1 พันล้านล้านด่อง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-2023-public-debt-at-37-of-gdp-post1069195.vov

ไทยเตรียมต้อนรับ 9 สายการบินใหม่ ในปี 2567

รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคนในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 27 ล้านคนในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากการเปิดตัวสายการบินใหม่ 9 สายการบิน โดยสายการบินใหม่ที่จะเริ่มดำเนินการ ได้แก่ Asian Aerospace Service, Siam Seaplane, Really Cool Air, Avanti Air Sarter, Landarch Airlines, Bangkok Helicopter Services, พัทยาแอร์เวย์, Asia Atlantic Airlines และ P80 Air แม้ว่าบางเที่ยวบินจะมุ่งเน้นไปที่เที่ยวบินระดับภูมิภาคและภายในประเทศ
แต่บางเที่ยวบินก็คาดว่าจะเพิ่มขีดความสามารถให้กับตลาดการบินของไทย ซึ่งอาจรวมถึงเส้นทางระหว่างประเทศด้วยสายการบินเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2566 ท่าอากาศยานไทยมีผู้โดยสารประมาณ 100 ล้านคน และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกเป็น 130 ล้านคนในปีงบประมาณ 2567 การคาดการณ์นี้บ่งชี้ถึงการกลับมาสู่ระดับผู้โดยสารที่ใกล้ก่อนการแพร่ระบาดในปี 2562 ทั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการบินจะฟื้นตัวในปี 2567 สอดคล้องกับการคาดการณ์โดยรวมว่าอุตสาหกรรมการบินจะฟื้นตัวได้เกือบเทียบเท่าก่อนสถานการณ์โควิด การพัฒนานี้มีแนวโน้มที่จะมีส่วนสำคัญต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีหน้า

ที่มา: https://thainews.prd.go.th/en/news/detail/TCATG240102112437386

เส้นทางเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจลาว ปี 67 มุ่งเน้นการท่องเที่ยว ยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐาน

ปี 2566 ที่ผ่านมา สปป.ลาว เผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทั้งปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น การขาดแคลนแรงงาน และการขาดดุลการค้าที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาของประเทศ รัฐบาล สปป.ลาว ได้ริเริ่มแคมเปญ Visit Lao Year 2024 โดยหันมาใช้การท่องเที่ยวเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเอาชนะปัญหาทางเศรษฐกิจ และวางรากฐานสำหรับการเป็นประธานอาเซียนในปี 2567 โดยมีมาตรการปรับปรุงการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ เน้นที่การลดความซับซ้อนของการขายตั๋วสำหรับรถไฟลาว-จีน แผนดังกล่าวยังรวมถึงการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานให้เสร็จสิ้น เช่น ถนนและสนามบิน การฟื้นฟูทางหลวงที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการบริการ โดยความพยายามเหล่านี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้สภาพถนนที่ไม่ดีส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในช่วงปีเยือนลาวปี 2567

ที่มา: https://laotiantimes.com/2023/12/27/laos-charts-course-for-growth-in-2024-with-tourism-focus-infrastructure-overhaul-amidst-economic-challenges/