‘เวียดนาม’ เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ส.ค. ปรับตัวดีขึ้น

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (IIP) ในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งได้รับแรงหนุนมาจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่ภาคการผลิตและการจำหน่ายไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 3.7% ภาคการบำบัดน้ำเสียและการจัดหาน้ำ เพิ่มขึ้น 1.8% และภาคเหมืองแร่ ลดลง 6.2% อย่างไรก็ดี สภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมของเวียดนามในปีนี้

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-industrial-production-improves-in-august/

‘เวียดนาม’ เผย CPI เดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 0.88%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 0.88% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน (MoM) หลังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมัน ข้าวและที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) เพิ่มขึ้น 4.57%

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1583106/cpi-increases-0-88-per-cent-in-august.html

‘เมียนมา’ มุ่งเจาะตลาดบังกลาเทศ ขายข้าวแบบจีทูจี

สำนักงานส่งเสริมการค้าของเมียนมา เปิดเผยว่าบังกลาเทศยื่นข้อเสนอให้มีการซื้อข้าวจากเมียนมา เนื่องจากข้าวมีคุณภาพดีและจะทำการขายข้าวรูปแบบของรัฐบาลต่อรัฐบาล (G-to-G) ในปีนี้ โดยข้อตกลงในครั้งนี้จะกำหนดราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพเมล็ดข้าว นอกจากนี้ หลังจากอินเดียระงับการส่งออกข้าว ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงสุด ด้วยเหตุนี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชียต่างจับตาทิศทางตลาดข้าวของเมียนมา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-rice-aimed-for-bangladesh-market-under-g-to-g-pact-2/#article-title

คาดการขาดแคลนแรงงานใน สปป.ลาว ส่งผลกระทบต่อภาคการลงทุนในประเทศ

แรงงาน สปป.ลาว เดินทางออกนอกประเทศเป็นจำนวนมากเพื่อแสวงหาโอกาสด้านการจ้างงานในต่างประเทศท่ามกลางค่าครองชีพในประเทศที่พุ่งสูงขึ้น ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาล สปป.ลาว ต้องพยายามหาหนทางในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อเสริมอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศ ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายนปีนี้รัฐบาล สปป.ลาว ได้ประกาศความตั้งใจที่จะดึงดูดการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น และบรรเทาปัญหาทางการเงินของประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้า และลดภาระหนี้ของภาคประชาชน แต่ถึงอย่างไรก็ตามปัญหาการขาดแคลนแรงงานในระยะยาวจะส่งผลเป็นอย่างมากต่ออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานภายในประเทศ สะท้อนมาจากเสียงของผู้ประกอบการเครื่องนุ่งห่มในประเทศ นอกจากนี้รัฐบาล สปป.ลาว ยังได้อนุญาตและอำนวยความสะดวกให้แก่คนงานในการหางานชั่วคราวในต่างประเทศ อย่างเช่น ในเกาหลีใต้ ไทย และญี่ปุ่น ผ่านโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศ และเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการลงทุนและการสนับสนุนภาคแรงงาน นักลงทุนและรัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ และส่งเสริมให้แรงงานเข้าศึกษาในระดับอาชีวศึกษามากขึ้น เพื่อให้มีทักษะในวิชาชีพมากขึ้น

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/08/30/laos-labor-shortage-plagues-local-industries-hurts-foreign-investment-drive/

เกาหลีใต้จ่อส่งออกเนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยมมายังกัมพูชา

กระทรวงเกษตรกัมพูชา กล่าวรายงานว่าเกาหลีใต้ประกาศส่งออก “ฮันวู” ซึ่งเป็นเนื้อวัวเกรดพรีเมียมของเกาหลีมายังกัมพูชา ผ่านการลงนามในสัญญาฉบับแรกร่วมกัน เพื่อกระตุ้นการส่งออกเนื้อวัวของเกาหลีใต้ที่จะส่งออกมายังกัมพูชา โดยเกาหลีใต้กำลังมองหาการส่งออกเนื้อวัวพรีเมียมจำนวนกว่า 2,000 ตัน มูลค่ารวมถึง 100 ล้านดอลลาร์ ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเนื้อประเภทดังกล่าวได้รับการรับรองฮาลาลที่เป็นมาตรฐานระดับสากล รวมถึงนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเน็ต ได้จัดการประชุมกับคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของเกาหลีใต้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (28 ส.ค.) เพื่อหารือถึงแนวทางที่จะขยายความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี โดยทั้งสองประเทศยังเห็นพ้องที่จะพยายามร่วมกันขยายการค้าในภาคเกษตรกรรมและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องร่วมกันในระยะถัดไป ขณะที่การส่งออกของกัมพูชาไปยังเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.6 เป็น 164.7 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ จาก 135.5 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิตของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501351239/south-korea-to-export-premium-beef-to-cambodia/

กัมพูชาจัดสรรงบประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ ส่งเสริมภาคการเกษตร

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณกว่า 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อส่งเสริมภาคเกษตรกรรมภายในประเทศ โดยได้กล่าวไว้ในระหว่างการพบปะกับแรงงานโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าราว 18,000 คน ในกรุงพนมเปญ ซึ่งฮุนมาเนตกล่าวเสริมว่าราคาสินค้าเกษตรในปัจจุบันมีความผันผวนตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่างบประมาณส่วนดังกล่าวจะช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าเกษตรในประเทศได้ในระยะหนึ่ง นอกจากนี้ งบประมาณดังกล่าวยังจะถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงระบบชลประทานและการฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคเกษตรกรรมในประเทศ ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องวางแผนที่จะส่งเจ้าหน้าที่ด้านการเกษตรไปยังทุกชุมชนทั่วประเทศเพื่อทำงานร่วมกับเกษตรกรโดยตรง เพื่อหวังแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน สำหรับในช่วง 7 เดือนแรกของปี กัมพูชาส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปยัง 68 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ารวมเกือบ 2.63 พันล้านดอลลาร์ หรือนับเป็นปริมาณรวมกว่า 4.51 ล้านตัน ตามรายงานของกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของกัมพูชา ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง มะม่วง กล้วยสด พริกไทย และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501351567/cambodia-reserves-100-mln-for-boosting-agriculture-pm/

อาเซียนดันการค้าดิจิทัล จัดทำยุทธศาสตร์ความเป็นกลางทางคาร์บอน

นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 55 เมื่อวันที่ 19-22 ส.ค.66 ณ เมืองเซอมารัง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้สรุปผลลัพธ์สำคัญที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) และผู้นำอาเซียน วันที่ 3-7 ก.ย.66 โดยมีประเด็นสำคัญ คือ การจัดทำกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) การจัดทำยุทธศาสตร์ความเป็นกลางทางคาร์บอน และปฏิญญาว่าด้วยกรอบการดำเนินงานสำหรับโครงการพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจใหม่ของอาเซียนที่ตอบสนองเชิงรุกต่อแนวโน้มการค้าของโลก รวมถึงเตรียมจัดทำวิสัยทัศน์อาเซียนฉบับใหม่ที่จะใช้ภายหลังปี 68 เพื่อยกระดับการรวมตัวของอาเซียนไปสู่การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ “ที่ประชุมเห็นชอบเอกสารที่จำเป็นในการเปิดเจรจาจัดทำความตกลง DEFA รวมถึงเอกสารผลการศึกษาประโยชน์และผลกระทบของ DEFA เอกสารแนวทางในการเจรจา และร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนในเรื่องนี้ โดยตั้งเป้าจะเริ่มเจรจาปลายปีนี้ และให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี คาดว่า DEFA จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าด้านดิจิทัลในอาเซียนให้สูงถึง 400,000-600,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 73 ส่วนยุทธศาสตร์อาเซียนเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอนจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในเศรษฐกิจสีเขียวและสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนของภูมิภาค”

ที่มา : https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ/2721446

หุ้น ‘VinFast’ พุ่ง 191 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และก้าวขึ้นสู่ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 3 ของโลก

หุ้นของวินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติเวียดนาม เพิ่มขึ้น 20% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทสูงถึง 191.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่าบริษัทจะยังไม่ได้ดำเนินธุรกิจอย่างเต็มที่ แต่ด้วยกระแสของรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้นักลงทุนรายย่อยต้องรีบซื้อ ทั้งนี้ จากข้อมูลของ FactSet ณ วันที่ 25 ส.ค. เปิดเผยว่ามูลค่าตลาดของบริษัทเทสล่า (Tesla) ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของโลก มีมูลค่าอยู่ที่ 760 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยโตโยต้า (Toyota) มีมูลค่า 270 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และวินฟาสต์ (VinFast) มีมูลค่า 160 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://asia.nikkei.com/Business/Automobiles/Vietnam-s-VinFast-surges-to-191bn-and-world-s-No.-3-automaker

‘ไบเดน’ เตรียมเยือนเวียดนาม 10 ก.ย.นี้

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ มีกำหนดการเยือนเวียดนามในวันที่ 10 ก.ย.นี้ เพื่อหารือกับผู้นำระดับสูง และต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเพื่อตอบโต้จีน ในขณะที่ทำเนียบข่าว กล่าวว่าไบเดนจะพบกับนาย เหงียน ฟู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและผู้นำระดับสูงสุดของเวียดนาม รวมทั้งหารือแนวทางกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีในด้านต่างๆ ได้แก่ การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนาม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสร้างสันติภาพ ความมั่งคั่งและความมีเสถียรภาพในภูมิภาค

ที่มา : https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/20230829_09/

‘เมียนมา’ เผยยอดค้าชายแดนเมียวดี ทะลุ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

จากข้อมูลสถิติของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่ามูลค่าการค้าชายแดนไทย-เวียดนาม (เมียวดี) อยู่ที่ 35.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน่ชวง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาของเดือน ส.ค. โดยการส่งออกผ่านด่านเมียวดี 9,832 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การนำเข้า 25,572 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 7 ส.ค. เกิดฝนตกหนักได้ทำลายถนนบางส่วนบนถนนเมียวดี-กอกะเรก ซึ่งเป็นช่องทางการค้าหลักระหว่างเมียนมาและไทยและอยู่ระหว่างดำเนินการซ่อมแซม ทั้งนี้ ทางหลวงเอเชียสายเมียวดี-กอกะเร็ก จะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 15 ส.ค. ทำให้รถบรรทุก 6 ล้อสามารถขับในช่องทางดังกล่าวได้

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myawady-border-trade-volume-crosses-us35-mln-in-past-3-weeks/#article-title