สวิตเซอร์แลนด์พร้อมสนับสนุนส่วนความปลอดภัยเขื่อนใน สปป.ลาว

สวิตเซอร์แลนด์มอบเงินกว่า 5.2 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการจัดตั้งสถาบันด้านความปลอดภัยเขื่อนใน สปป.ลาว โดยได้บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการเพื่อความปลอดภัยทางเขื่อนใน สปป.ลาว ระหว่าง นาย Bouathep Malaykham อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพลังงานและการจัดการความปลอดภัย ร่วมกับ นาย Jesper Lauridsen ผู้อำนวยการ Helvetas Swiss Intercooperation Laos โดยโครงการนี้มุ่งเน้นไปที่สามส่วนสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มขีดความสามารถทางเทคนิคให้แก่กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ให้สามารถทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยของเขื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่เกิดจากข้อบกพร่องในการออกแบบ การก่อสร้าง การบำรุงรักษา การเฝ้าระวัง และการดำเนินการตามมาตรการป้องกันด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ประเด็นต่อมาเพื่อหวังเสริมสร้างกรอบการใช้กฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและให้การสนับสนุนแผนกการจัดการพลังงานและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ส่วนประเด็นสุดท้ายเพื่อหวังสนับสนุนการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยทางเขื่อนในการจัดตั้งสถาบันเพื่อสร้างกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของเขื่อน นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองที่ดีขึ้นสำหรับประชากรประมาณกว่า 1.5 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อน และถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแหล่งผลิตพลังงานที่ยั่งยืนให้แก่ สปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_148_switzerland_y23.php

ในช่วง 7 เดือนแรกของปี นักท่องเที่ยวเดินทางมายังอังกอร์กว่า 2.64 ล้านคน

Seng Sotheara ผู้อำนวยการ สำนักงานอัปสรา (APSARA National Authority) หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวกัมพูชา รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่มาเยือนยังนครวัดในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มีมากกว่า 2.64 ล้านคน สร้างเงินเข้าประเทศจากการขายบัตรเข้าชมสถานที่กว่า 2.44 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในจำนวนดังกล่าวนับเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 439,365 คน ขณะที่ทางการกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว โดยในเดือนตุลาคมที่กำลังจะมาถึงรัฐบาลกัมพูชาพร้อมเปิดสนามบินนานาชาติเสียมราฐ อังกอร์ เพื่อเป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501335116/more-than-2-64-million-tourists-visited-angkor-in-the-first-seven-months-of-2023/

NBC คาด GDP กัมพูชาโต 5.5% ภายในปี 2023

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) เพิ่มการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาเป็นร้อยละ 5.5 ภายในปี 2023 โดยได้รับแรงหนุนจากการกลับมาของภาคการท่องเที่ยว ภาคเกษตรกรรม ภาคการก่อสร้าง และอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 19.9 เนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ สำหรับภาคการเกษตรคาดว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 1.1 จากสภาพภูมิอากาศที่เอื้อต่อการทำเกษตรกรรม สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มคาดว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 5.6 ชะลอตัวเล็กน้อยจากอุปสงค์ภายนอกที่หดตัวลงจากในตลาด สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และอังกฤษ โดยปัจจุบันกัมพูชาลงนามในข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆ ซึ่งเอื้อต่อภาคการส่งออกกัมพูชาเป็นอย่างมาก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501335211/nbc-raises-cambodias-2023-growth-forecast-to-5-5/

นานาชาติมั่นใจตลาดค้าปลีกไทยยังเติบโต ผนึกกำลังเตรียมจัดงาน VEND ASEAN 2023

เชื่อมั่นอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยปี 2566 ยังคงเติบโต สมาคมอาเซียน แปซิฟิก เวนดิ้ง ร่วมกับ บริษัท กวางตง แกรนเดอร์ เอ็กซิบิชั่น กรุ๊ป และบริษัท คอมพาส เอ็กซิบิชั่น จำกัด เตรียมจัดงานแสดงสินค้าเจรจาธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องอำนวยความสะดวกและเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยมีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดผลตอบรับมีผู้ร่วมเจรจาธุรกิจจากทั่วภูมิภาคกว่าหมื่นราย นายเจาหยุน หวัง ประธานบริหาร บริษัท กวางตง แกรนเดอร์ เอ็กซิบิชั่น กรุ๊ป และตัวแทนสมาคมอาเซียน แปซิฟิก เวนดิ้ง กล่าวว่า ประเทศไทย ถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนที่อุตสาหกรรมค้าปลีกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการท่องเที่ยวผลักดันอุตสาหกรรมค้าปลีกให้เกิดการพัฒนาและขยายตัว ดังจะเห็นในทุกหัวเมืองท่องเที่ยวของไทยมีการลงทุนเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้า รวมถึงศูนย์การค้าชุมชนขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวนมาก ซึ่งจากการสำรวจปี 2020 มีมากถึง 2,000 แห่ง และจากปัจจัยบวกหลังวิกฤตโควิด-19 การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ส่งผลถึงความมั่นใจให้กลุ่มธุรกิจค้าปลีกขยายการลงทุน อย่างไรก็ตาม แม้เป็นการกลับมาจัดงานอีกครั้งในรอบ 3 ปี หลังจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ยังคงมั่นใจในปีนี้จะได้ผลตอบรับที่ดี คาดว่ามีนักลงทุนกลุ่มธุรกิจค้าปลีกจากประเทศในภูมิภาคอาเซียนเข้าร่วมชมงานและเจรจาธุรกิจมากกว่า 10,000 ราย

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/prg/3441528#google_vignette

‘ชาวฟิลิปปินส์’ ใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวมากที่สุดในเวียดนาม ปี 2565

จากรายงานสถิติประจำปี 2565 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่านักท่องเที่ยวชาวฟิลิปปินส์เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดในเวียดนาม ปี 2565 ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศในอาเซียน มีการใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยวในเวียดนาม เพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยเพิ่มขึ้นจาก 1,124.7 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 ขึ้นมาอยู่ที่ 2,257.8 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 รองลงมานักท่องเที่ยวชาวเบลเยียม 1,995.3 ดอลลาร์สหรัฐ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย เดนมาร์ก และนอร์เวย ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีการใช้จ่ายสูงสุด 10 อันดับแรกในเวียดนาม ได้แก่ เนเธอแลนด์ 1,317.5 ดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยแคนาดา สหรัฐฯ และเยอรมนี เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/filipinos-biggest-spenders-in-vietnam-in-2022-report/262925.vnp

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าผลิตแร่แรร์เอิร์ธ 2 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573

สำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่าเวียดนามมีเป้าหมายที่จะผลิตแร่หายาก (Rare Earth) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.02 ล้านตันต่อปี สำหรับแร่ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการ โดยตั้งเป้าภายในปี 2573 แร่แรร์เอิร์ธหรือแร่หายากนั้นมาจากเหมือง 9 แห่งในจังหวัดภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ได้แก่ จังหวัดลายเจิว (Lai Chau), จังหวัดหล่าวกาย (Lao Cai) และจังหวัดเอียนบ๊าย (Yen Bai) ทั้งนี้ แร่แรร์เอิร์ธนับเป็นกลุ่มธาตุหายากที่มีการนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และแบตเตอรี่ ทำให้ธาตุเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงโลกไปสู่แหล่งพลังงานสะอาด นอกจากนี้  สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) เปิดเผยว่าเวียดนามมีปริมาณสำรองแร่แรร์เอิร์ธมากเป็นอันดับ 2 ของโลก หรือคิดเป็นปริมาณ 22 ล้านตัน รองจากประเทศจีน

ที่มา : https://www.reuters.com/markets/commodities/vietnam-aims-raise-annual-raw-rare-earths-output-2-mln-tyr-by-2030-2023-07-25/

‘ไทย’ หารือทวิภาคีกับเมียนมา

นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้การต้อนรับนาย U Chan Aye ผู้แทนของเมียนมาที่เดินทางมาเยือนที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 ก.ค. เพื่อหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ในทุกด้าน โดยทั้งสองประเทศได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการหารืออย่างสม่ำเสมอในทุกระดับ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีในด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ ในขณะที่ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองประเทศพึงพอใจกับการเติบโตของการค้าทวิภาคีและหารือถึงแนวทางที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ อาทิเช่น การชำระเงินโดยตรงระหว่างสกุลเงินบาท-จั๊ต และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/general/40029671

นายกฯ สปป.ลาว หวังพัฒนาภาคการเกษตร และภาคท่องเที่ยวในแขวงเวียงจันทน์

Sonexay Siphandone นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว พร้อมให้การสนับสนุนแก่หน่วยงานท้องถิ่นในแขวงเวียงจันทน์ ในการร่วมพัฒนาภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและป่าไม้ร่วมมือกับกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ไปจนถึงหน่วยงานระดับจังหวัดในการสำรวจระบบชลประทานและการจ่ายกระแสไฟฟ้า ในขณะเดียวกันต้องสร้างความมั่นใจด้วยการพัฒนาเทคนิคต่างๆ ให้แก่เกษตรกร รวมถึงพัฒนาพันธุ์พืชและสัตว์ ให้เหมาะสมแก่ความต้องการของตลาด ควบคู่ไปกับการสนับสนุนด้านการลดต้นทุนการผลิตสำหรับเกษตรกรและส่งเสริมการทำฟาร์มสินค้าคุณภาพที่สามารถแข่งขันได้ในภูมิภาค สำหรับหน่วยงานระดับจังหวัดมีหน้าที่ในการติดตาม ส่งเสริม และสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อบริษัทอุตสาหกรรมและการเกษตรในจังหวัด เพื่อส่งเสริมการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกเป็นสำคัญ นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ร่วมมือกับกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ในการจัดทำแพลตฟอร์มโฆษณาที่มีประสิทธิภาพหวังดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางมายัง สปป.ลาว มากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_142_PM_calls_y23.php

ครึ่งแรกของปี กัมพูชาส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าโตกว่า 109%

การส่งออกอุปกรณ์โคมไฟและของตกแต่งบ้านกัมพูชาขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันขยายตัวถึงร้อยละ 108.7 ในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน ซึ่งมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.59 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามข้อมูลการค้าล่าสุดของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) โดยการเพิ่มขึ้นของการส่งออกในหมวดนี้ช่วยให้กัมพูชามีมูลค่าการส่งออกรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เป็นครั้งแรกในปีนี้ ช่วยชดเชยการส่งออกเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเดินทาง (GFT) ที่ลดลงร้อยละ 18.60 จากข้อมูลการค้าการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชามีมูลค่ารวมถึง 1.146 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2023 โดยนับเป็นมูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างประเทศทั้งหมดอยู่ที่ 2.369 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลทำให้กัมพูชาขาดดุลการค้าในช่วงครึ่งแรกของปีที่ 764.70 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501330235/electrical-goods-exports-up-109-h1/

ส่งออก มิ.ย. ติดลบ 6.4% ยันไม่ต้องห่วง เหตุฐานสูง

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน มิ.ย. 2566 มีมูลค่า 24,826.0 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 6.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานปีก่อนสูง แต่หากพิจารณาจากมูลค่าการส่งออก 6 เดือนแล้ว พบว่า มูลค่าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัว 2.9% เหตุจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังคงซบเซาจากแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ทำให้การผลิตและการบริโภคยังคงตึงตัว ขณะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของตลาดจีนค่อนข้างช้ากว่าที่คาด นอกจากนี้ คู่ค้าส่วนใหญ่ชะลอการสั่งซื้อสินค้าจากผลกระทบของการหดตัวทางด้านอุปสงค์ มีการเร่งระบายสินค้าคงคลังมากขึ้น ส่งผลให้คำสั่งซื้อและการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง แต่ยังคงมีปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า ช่วยเพิ่มความสามารถ ในการแข่งขันของผู้ส่งออกในระยะนี้ และกระแสความมั่นคงทางอาหารทำให้สินค้าบางรายการยังขยายตัวดี เช่น ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ผักกระป๋อง และผักแปรรูป ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ไข่ไก่ ซาร์ดีนกระป๋อง น้ำตาลทราย ทั้งนี้ ทำให้การส่งออกครึ่งแรกปี 2566 มีมูลค่า 141,170.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 5.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้าเดือน มิ.ย. มีมูลค่า 24,826 ล้านเหรียญสหรัฐ หัดตัว 10.3%  ทำให้ดุลการค้าของไทยเกินดุล 57.7%

ที่มา : https://www.posttoday.com/business/697604