ADB คาดการท่องเที่ยวกัมพูชากลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) รายงานการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวภายในกลุ่มประเทศเอเชียและแปซิฟิก รวมถึงกัมพูชาที่สถานการณ์เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งได้รายงานไว้ใน Asian Development Outlook (ADO) ประจำเดือนกรกฎาคมปีนี้ โดยได้ปรับคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาไว้ที่ร้อยละ 5.5 ในปีนี้ และขยายตัวร้อยละ 6 ในปีหน้า จากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและบริการที่แข็งแกร่งมากขึ้น สำหรับแนวโน้มการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวอยู่ที่ร้อยละ 7.3 ขณะภาคการเกษตรของกัมพูชาที่ถือเป็น 1 ใน 4 เสาหลักของระบบเศรษฐกิจ คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 1.1 อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาคอุตสาหกรรมจะเติบโตช้าลงมาอยู่ที่ร้อยละ 5.8 ในปีนี้ และร้อยละ 7.8 ในปีหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501327000/tourism-recovery-in-full-swing-says-adb/

EXIM BANK จับมือ SME D Bank เติมเต็มบริการ ติดปีก SMEs ไทยสู่ตลาดโลก

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการ SME D EXIM ARI CONNEXT “เติมทุน เสริมทักษะ ยกระดับ SMEs ไทยสู่เวทีโลก” ณ SME D Bank สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อในการเติมความรู้ เติมโอกาส เติมเงินทุนอย่างครบวงจรและตอบทุกโจทย์ (Total Solutions) ของผู้ประกอบการ SMEs ไทยตลอด Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เชื่อมโยงไปสู่ Supply Chain การค้าโลก ภายใต้ความร่วมมือ ผู้ประกอบการไทยจะได้รับอบรมบ่มเพาะโดย EXIM BANK ร่วมกับ SME D Bank และพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศจากทั้งสองธนาคาร เพื่อให้สามารถเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจการค้าภายในประเทศและส่งออกได้ โดยเฉพาะผู้ส่งออกที่ต้องการเงินทุนเกิน 50 ล้านบาทจะได้รับการสนับสนุนโดย EXIM BANK เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของ SMEs ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ที่มา : https://www.mitihoon.com/2023/07/21/394511/

‘VinFast’ รถยนต์ไฟฟ้าสัญาชาติเวียดนาม เดินหน้าก่อสร้างโรงงานในสหรัฐฯ คาดเริ่มสัปดาห์หน้า!

ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนาม ‘VinFast’ กล่าวว่าบริษัทเริ่มที่จะก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสัปดาห์หน้า ด้วยเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ คุณ Thuy Le ผู้อำนวยการบริษัท VinFast Auto กล่าวว่าทางกิจการเริ่มที่จะดำเนินงานแล้ว โรงงานดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นซัพพลายเออร์หลักของธุรกิจในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ตลาดอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าจะขายรถยนต์ไฟฟ้า 50,000 คันในปีนี้ และเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 7 เท่า

ที่มา : https://www.reuters.com/business/autos-transportation/vietnam-ev-maker-vinfast-start-construction-us-factory-next-week-2023-07-19/

‘เวียดนาม’ อนุมัติขยายคลังเชื้อเพลิง 31.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2573

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าเวียดนามได้อนุมัติแผนการขยายศักยภาพของการจัดเก็บเชื้อเพลิงภายในปี 2573 ด้วยเงินทุนสูงถึง 750 ล้านล้านด่อง หรือประมาณ 31.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการลงทุนดังกล่าวจะช่วยในการจัดเก็บปริมาณน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงของประเทศ ทั้งนี้ กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาค เผชิญกับภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิง เนื่องจากอุปทานทั่วโลกที่ตึงตัว หรือการทำงานผิดพลาดของโรงกลั่นน้ำมันในท้องถิ่น นอกจากนี้ เงินทุนที่ใช้ในการระดมเงินทุนในครั้งนี้มาจากภาคธุรกิจและงบประมาณของภาครัฐ ซึ่งภายใต้แผนดังกล่าว จะพัฒนาคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และสถานที่จัดเก็บ LNG ที่มีกำลังการผลิต 20 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573

ที่มา : https://www.reuters.com/business/energy/vietnam-approves-317-bln-plan-expand-fuel-storage-capacity-by-2030-2023-07-19/

‘เมียนมา’ เผยยอดค้าชายแดนชินชเวฮอว์ ทะลุ 291 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลสถิติของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่ามูลค่าการค้าชายแดนเมียนมา-จีน ผ่านด่านชายแดนชินชเวฮอว์ ระหว่างวันที่ 1 เม.ย. จนถึง 7 ก.ค. ในปีงบประมาณ 2566-2564 อยู่ที่ 291.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออก มีมูลค่า 68.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้า มีมูลค่า 223.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นราว 266 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ถั่วเขียวผิวมัน ถั่วแดง ยางพาราและเนยถั่ว นอกจากนี้ เมียนมาเปิดด่านพรมแดนกับจีน จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ด่านชายแดนมูเซะ (Muse), ด่านลวยเจ (Lweje), ด่านกัมปะติ (Kampaiti), ด่านชีงชเวห่อ (Chin Shwe Haw) และ ด่านกันตุง (Kengtung)

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/chinshwehaw-border-trade-value-surpasses-us291-mln-as-of-7-july/#article-title

ทางการ สปป.ลาว ปรับปรุงถนนหมายเลข 13 ในเขตบอลิคำไซ

ทางการ สปป.ลาว ยกระดับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 13 ทางตอนใต้ในจังหวัดบอลิคำไซ โดยงานพัฒนาในระยะแรกผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งมีกำหนดการแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ ด้านหัวหน้าโครงการปรับปรุงและซ่อมแซมถนนหมายเลข 13 Mr.Sisomphanh Phimsipasom ยืนยันว่าโครงการดำเนินไปตามแผนที่ร้อยละ 97 ของงานในส่วนแรก ด้วยการดำเนินการภายใต้สัญญาสองฉบับ โดยสัญญาฉบับแรกเกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมถนนระยะทาง 40 กิโลเมตร (จากหลักกิโลเมตรที่ 71 ถึงกิโลเมตรที่ 111) ด้วยมูลค่าโครงการจำนวน 17.5 ล้านดอลลาร์ ที่ได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากธนาคารโลก รวมถึงทำการขยายความกว้างของถนนจาก 9 เมตร เป็น 12 เมตร สำหรับระยะที่สองของการพัฒนาครอบคลุมระยะทางกว่า 79 กิโลเมตร (จากหลักกิโลเมตรที่ 111 ถึง กิโลเมตรที่ 190) ภายใต้การสนับสนุนทางด้านเงินกู้จำนวน 28 ล้านดอลลาร์จาก European Investment Bank

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten138_Upgrade_y23.php

ในช่วงครึ่งแรกของปี กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังเวียดนามมูลค่ากว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี (ม.ค.-มิ.ย.) การส่งออกของกัมพูชาไปยังเวียดนามมีมูลค่ามากกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 ในขณะที่การนำเข้าจากเวียดนามของกัมพูชามีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยเหตุการณ์ข้างต้นส่งผลให้เวียดนามรั้งอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ สำหรับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของกัมพูชา ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา โดยในช่วงเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียวกัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังเวียดนามมูลค่ารวมมากกว่า 105 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 สำหรับสินค้าหลักที่กัมพูชาส่งออกไปยังเวียดนาม ได้แก่ สินค้าเกษตร (ข้าว ยางพารา เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มันสำปะหลัง ฯลฯ) ในขณะที่สินค้าที่เวียดนามนำเข้าไปยังกัมพูชา ได้แก่ เหล็ก วัสดุก่อสร้าง น้ำมัน ผัก ผลไม้ ปุ๋ย และเครื่องจักร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501326900/cambodias-exports-to-vietnam-reach-more-than-1-4-billion-in-h1/

กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศ RCEP เพิ่มขึ้น 24% ในช่วงครึ่งแรกของปี

กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังประเทศกลุ่มความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มูลค่าแตะ 4.07 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากมูลค่ารวม 3.28 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน รายงานโดยกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 ก.ค.) ซึ่งประเทศส่งออกสำคัญสามอันดับแรกของกัมพูชาภายใต้ RCEP ได้แก่ เวียดนาม จีน และญี่ปุ่น โดยแบ่งเป็นการส่งออกไปยังเวียดนามรวมเกือบ 1.43 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ขณะที่การส่งออกไปยังจีนมีมูลค่ารวม 713 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 17 และญี่ปุ่นนำเข้าสินค้าจากกัมพูชามูลค่า 545 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 1 ด้วยการเติบโตทางด้านการส่งออกนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากลุ่มประเทศ RCEP ถือเป็นตลาดส่งออกที่มีศักยภาพสำหรับผลิตภัณฑ์ของกัมพูชา ด้วยเหตุผลดังกล่าวยังเสริมให้นักลงทุนต่างชาติเดินทางมาลงทุนยังกัมพูชามากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501326651/cambodias-export-to-rcep-countries-up-24-percent-in-h1/

“พาณิชย์” จับมือมาเลเซีย ส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ เร่งฟื้นฟูการค้าชายแดน-ท่องเที่ยว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบหารือกับดาตุ๊ก อัซมัน บิน โมฮัมหมัด ยูโซฟ ปลัดกระทรวงการค้าภายในและค่าครองชีพมาเลเซีย และคณะ โดยมี ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน นายกำแหง กล้าสุคนธ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าร่วม โดยได้หารือถึงความร่วมมือด้านการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ การกำกับดูแลการค้าภายในประเทศให้มีความเป็นธรรม และการฟื้นฟูการค้าชายแดน เพื่อให้การค้าทั้งสองฝ่ายบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 102,000 ล้านบาท ในปี 2568 ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจแฟรนไชส์ มาเลเซียแจ้งว่ามีความสนใจที่จะร่วมมือเพื่อส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์กับไทย ซึ่งถือเป็นประเด็นใหม่ที่ยังไม่เคยมีความร่วมมือระหว่างกันมาก่อน โดยจะเริ่มจากการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการแฟรนไชส์เข้าร่วมงานแสดงสินค้าของแต่ละฝ่าย เพื่อสร้างโอกาสขยายพันธมิตรทางการค้า การจับคู่ทางธุรกิจ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องขั้นตอนและกฎระเบียบเกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังจะเร่งฟื้นการค้าชายแดนและเศรษฐกิจท้องถิ่นแถบพรมแดน ทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณชายแดน และการอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งจะช่วยให้มูลค่าการค้าระหว่างกันบรรลุตามเป้าหมายได้เร็วขึ้น โดยจะหารือเพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ระดับรัฐมนตรี ซึ่งมีแผนจะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้

ที่มา : https://ibusiness.co/detail/9660000065727

‘เวียดนาม’ ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคึกคัก หลังปรับนโยบายวีซ่า เข้าประเทศได้ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพียง 90 วัน

จากการอนุมัติกฎหมายว่าด้วยการเดินทางเข้า-ออกของขาวต่างชาติที่ขยายระยะที่ได้รับ E-visa สามารถเข้าและออกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายในระยะเวลา 90 วัน โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการขอวีซ่าใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถอยู่ที่เวียดนามได้นานขึ้นและใช้จ่ายมากขึ้น ในขณะที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเวียดนาม มีการจัดโปรโมชั่นและข้อเสนออื่นๆ อีกมากมาย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทำการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ทั้งนี้ จากข้อมูลของภาคการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 พบว่าเวียดนามมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 5.6 ล้านคน และทำรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 14.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ 8 ล้านคนในปีนี้ อย่างไรก็ดี ตัวเลขของนักท่องเที่ยวในปัจจุบันยังไม่สามารถเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้

ที่มา : https://www.thaipbsworld.com/vietnam-to-welcome-more-international-visitors-with-unlimited-entry-90-days-visa/