รมว.ท่องเที่ยว สปป.ลาว วางแผนรับนักท่องเที่ยวจีน

รัฐบาล สปป.ลาว เร่งจัดกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงเร่งปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากระหว่างปี 2023-2025 โดยนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้มาเยือน สปป.ลาว กลุ่มสำคัญ นับตั้งแต่รัฐบาลจีนอนุญาตการเดินทางออกนอกประเทศในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา อีกทั้งปัจจุบันรัฐบาล จีน-สปป.ลาว ได้เปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสายใหม่ เพื่อเอื่อต่อการเดินทางและการขนส่ง ร่วมกับการปรับปรุงการเชื่อมต่อถนนระหว่างสถานีรถไฟ สถานที่ท่องเที่ยว และถนนสายหลัก ขณะที่รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับสายการบินที่ต้องการกำหนดเที่ยวบินระหว่าง สปป.ลาวและจีน เป็นสำคัญ ตามรายงานของกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว โดยในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ชาวจีนมากกว่าหนึ่งล้านคนเดินทางมาเยือน สปป.ลาว คิดเป็นประมาณร้อยละ 20 ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Tourism136.php

FDI ในกัมพูชาพุ่งแตะ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของกัมพูชา ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 พุ่งแตะ 4.58 หมื่นล้านดอลลาร์ รายงานโดยธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ซึ่งเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่มาจากจีนคิดเป็นกว่าร้อยละ 45 ของการลงทุนทั้งหมด ตามมาด้วยเกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย ไทย และสหราชอาณาจักร ขณะเดียวกัน FDI ที่ไหลเข้ามายังกัมพูชาครอบคลุมภาคส่วนสำคัญต่างๆ เช่น ภาคการเงิน อุตสาหกรรมการผลิต อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม รีสอร์ต เกษตรกรรม และภาคการก่อสร้าง เป็นสำคัญ โดยภาคการผลิตมีสัดส่วนสูงสุดที่ร้อยละ 31.6 ของการลงทุนทั้งหมด ด้าน Heng Sokkung เลขาธิการแห่งรัฐและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รายงานเสริมว่า ภายใต้กฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ รวมถึงการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆ ของกัมพูชา จะเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูด FDI ในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501324951/cambodia-fdi-registered-capital-at-45-billion/

กัมพูชาหวัง RCEP-FTA กระตุ้นภาคการส่งออก

กัมพูชาตั้งความหวังไว้กับข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคี (FTA) ในการกระตุ้นการส่งออกสินค้ากลุ่มเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง (GFT) กล่าวโดย Ly Khun Thai ประธานสมาคมรองเท้ากัมพูชา หลังการส่งออกรองเท้าไปยังจีนและเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่กัมพูชาลงนามในข้อตกลก RCEP และ FTA ทวิภาคีของกัมพูชากับจีน รวมถึงเกาหลีใต้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งกล่าวเสริมว่าตลาดหลักในปัจจุบันสำหรับสินค้ากลุ่ม GFT ของกัมพูชา ได้แก่ ยุโรป สหรัฐฯ และแคนาดา โดยได้มีการส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวไปแล้วมูลค่ารวมกว่า 5.26 พันล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายนปีนี้ ลดลงที่ร้อยละ 18.7 จากมูลค่าการส่งออกที่ 6.47 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ตามการรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต ซึ่งอุตสาหกรรมสินค้ากลุ่ม GFT ถือเป็นแรงหลักของภาคการส่งออกกัมพูชา โดยมีผู้ประกอบด้วยโรงงานประมาณ 1,100 แห่ง สร้างการจ้างงานถึงประมาณ 750,000 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501325280/cambodia-hopes-rcep-bilateral-ftas-to-boost-exports-of-garment-footwear-travel-goods/

เจาะแผน ‘เซ็นทรัลรีเทล’ รุกเวียดนามครึ่งปีหลัง ลุยขยายซูเปอร์มาร์เก็ต

บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้บุกเบิกธุรกิจไปในเวียดนามมาเป็นระยะเวลาร่วม 10 ปีแล้ว ด้วยจุดเริ่มต้นจากการจำหน่ายกลุ่มสินค้าแฟชั่น ต่อมาในปี 2558 ได้เข้าไปเป็นหุ้นส่วนกับ เหงียนคิม (Nguyen Kim) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม หลังจากนั้นในปี 2559 ได้ขยายธุรกิจค้าปลีกมากขึ้น ด้วยการเข้าไปซื้อกิจการ บิ๊กซี เวียดนาม และขยายธุรกิจค้าปลีกมาต่อเนื่อง

ทั้งนี้ตามแผนในปี 2566 ได้มีการก่อสร้าง ศูนย์การค้า GO! จำนวน 5-7 แห่ง คาดว่าจะเปิดได้ในปี 2567 จากในปัจจุบันมีศูนย์การค้ารวม 39 แห่ง ส่วนห้างค้าปลีก มีแผนรีโนเวทใหม่ หรือ รีโมเดล รวม 10 สาขา จากในปัจจุบันมีสาขาของ GO! รวม 38 สาขา พร้อมกันนี้วางแผนรีโนเวท สาขาของ บิ๊กซีเดิมที่มีอยู่ ให้เป็นสู่ศูนย์การค้าและห้างค้าปลีก GO! จำนวน 10 สาขาให้แล้วเสร็จในปีนี้

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1078688

‘ซาวิลส์’ ชี้โอกาสของเวียดนามที่ได้รับประโยชน์สูงสุด เหตุนักลงทุนเล็งหาศูนย์การผลิตด้วยต้นทุนต่ำ

บริษัท ซาวิลส์ เอเชีย แปซิฟิก ระบุว่าประเทศต่างๆ ได้แก่ เวียดนามและอินโดนีเซีย อาจได้รับประโยชน์ หากบริษัทเริ่มที่จะมองหาศูนย์การผลิตด้วยต้นทุนต่ำในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นและต้นทุนการผลิตต่ำ โดยหลังจาก 3 ปีที่เกิดการหลุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลก ดูเหมือนว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว สังเกตได้จากต้นทุนการขนส่งสินค้าทางทะเลหรือทางอากาศส่วนใหญ่กลับสู่ช่วงก่อนโควิด-19 ตลอดจนเรือตู้คอนเทนเนอร์ไม่มีคิวรอเข้าท่าเรือหลัก ทั้งนี้ Jack Harkness ผู้อำนวยการฝ่ายบริการอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคของบริษัท กล่าวว่าต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นในจีน บ่งชี้ให้เห็นว่าไม่คุ้มค่ากับการดำเนินธุรกิจ และยังแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างๆ มองหาแหล่งการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-could-benefit-as-investors-look-for-low-cost-production-centres-savills-post1032775.vov

‘เวียดนาม’ เผยยอดทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน ม.ค.-พ.ค. พุ่ง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากรายงานของสำนักข่าวเวียดนาม ‘VnExpress’ เปิดเผยว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ผู้บริโภคชาวเวียดนามใช้จ่ายในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในขณะที่ตามข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แสดงให้เห็นว่ารายได้จากการทำธุรกรรมทางการเงินบนช่องทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ iOS ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค. สูงกว่าอุปกรณ์ Android ถึง 1.5 เท่า และยอดการใช้จ่ายของทั้งสองแพลตฟอร์มเกินกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ทั้งนี้ จากตัวเลขของการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 2.2% ของปริมาณการดาวน์โหลดแอปบนมือถือทั่วโลก โดยประเภทของการดาวน์โหลดส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเกมส์ออนไลน์

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-spends-us100-million-on-in-app-purchases-in-jan-may/

‘เมียนมา’ เผย พ.ค. ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 69,373 คน

กระทรวงการท่องเที่ยวและโรงแรมของเมียนมา เปิดเผยว่าในเดือนพฤษภาคม 2566 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 69,373 คน เพิ่มขึ้นราว 14,115 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่เดินทางผ่านทางถนน คิดเป็นสัดส่วน 66.6% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด รองลงมาทางอากาศ (33.34%) และทางทะเล (0.05%) นอกจากนี้ จากข้อมูลในปี 2565 พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศเมียนมา อยู่ที่ 233,487 คน

ที่มา : https://english.news.cn/20230715/b7847a6d93c2441798bf3eaadf522f58/c.html

นายกฯ สปป.ลาว ให้คำมั่นปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้ดีขึ้น

นายกรัฐมนตรี Sonexay Siphandone ให้คำมั่นว่าจะแก้ไขกฎหมายหวังปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างประเทศที่รุนแรง เพื่อให้การดำเนินธุรกิจและการลงทุนเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวกับฝ่ายนิติบัญญัติในการประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 5 ของสมัชชาแห่งชาติ (NA) โดยได้มอบหมายให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งจัดประเภทที่ดินเพื่อให้สามารถออกสัมปทานที่ดินได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้องตามวัตถุประสงค์ ซึ่งแต่ละจังหวัดต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องในการจัดประเภทที่ดิน เช่น ด้านการเกษตร อุตสาหกรรม การพัฒนาบริการ และการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยการให้ความสำคัญกับการจัดประเภทที่ดินมีขึ้นหลังจากทราบว่ามีโครงการที่ศึกษาความเป็นไปได้แล้ว แต่การพัฒนาไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากที่ดินไม่เพียงพอสำหรับโครงการที่เสนอ นอกจากการให้สัมปทานที่ดินของรัฐแบบเดิมแล้ว รัฐบาลจะสำรวจรูปแบบความร่วมมือในการให้สัมปทานที่ดินแก่ภาคเอกชนสำหรับโครงการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งนายกฯ ยังให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงขั้นตอนต่างๆ เพื่อเร่งการลงนามในบันทึกความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับโครงการลงทุน เพื่อส่งเสริมการลงทุนและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PMvows135.php

Q1 FDI กัมพูชาขยายตัวกว่า 9% คิดเป็นมูลค่ากว่า 45.8 พันล้านดอลลาร์

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในกัมพูชา ในช่วงไตรมาสแรกของปีมีมูลค่าแตะ 45.8 พันล้านดอลลาร์ ตามการรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยแหล่งเงินทุนหลักมาจากจีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย ไทย และสหราชอาณาจักร ด้าน NBC กล่าวเสริมว่า การไหลเข้าของการลงทุนส่วนใหญ่ไหลไปยังภาคส่วนหลักๆ ของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมทางด้านการเงิน อุตสาหกรรมการผลิต ภาคอสังหาริมทรัพย์ เกษตรกรรม โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และอุตสาหกรรมการก่อสร้างเป็นสำคัญ โดยการเพิ่มขึ้นของ FDI สะท้อนถึงเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501324528/fdi-in-cambodia-increases-by-9-percent-in-q1-to-45-8-billion/

บริษัทสัญชาติจีนเข้าลงทุนยังกัมพูชากินสัดส่วนเกือบ 65%

สภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา (CDC) ได้ประกาศอนุมัติโครงการลงทุนใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ 113 โครงการ ด้วยทุนจดทะเบียนรวมกันประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบร้อยละ 65 มาจากนักลงทุนสัญชาติจีน ขณะที่มาจากนักลงทุนท้องถิ่นประมาณร้อยละ 20 ของทุนจดทะเบียนในช่วงแรกของปี ตามมาด้วยเวียดนามร้อยละ 6.64, เซเชลส์ร้อยละ 3.31, ไทยร้อยละ 1.77, สาธารณรัฐเกาหลีร้อยละ 1.70, ซามัวร้อยละ 0.60, สหรัฐอเมริการ้อยละ 0.49, สิงคโปร์ร้อยละ 0.18 และสวีเดนร้อยละ 0.07 โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานคนในท้องถิ่นกว่า 122,000 ตำแหน่ง ซึ่งโครงการส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมคิดกว่า 102 โครงการ รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรมการเกษตร 7 โครงการ ภาคการท่องเที่ยว 3 โครงการ และ โครงสร้างพื้นฐาน 1 โครงการ ด้าน Ky Sereyvath นักเศรษฐศาสตร์ของ Royal Academy of Cambodia (RAC) กล่าวว่าปัจจัยสำคัญที่สร้างแรงดึงดูดการลงทุนของกัมพูชา ได้แก่ ข้อตกลงการค้าระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงล่าสุดในกรอบการลงทุนทางกฎหมาย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501324792/china-strengthens-investment-in-cambodia-with-nearly-65-percent-share/