INFOGRAPHIC : เวียดนามเผยช่วง 7 เดือนแรกปึนี้ ดึงดูดเม็ดเงิน FDI กว่า 18.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่ายอดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 18.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินลงทุนจากโครงการใหม่จำนวน 1,620 โครงการรวมมูลค่า 9.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, โครงการปรับเพิ่มเงินทุนจำนวน 619 โครงการรวมมูลค่า 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการซื้อหุ้นกิจการภายในประเทศจำนวน 4,459 โครงการรวมมูลค่า 4.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงดึงดูดความสนใจของนักลงทุนต่างชาติ มูลค่า 8.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 47.62 ของมูลค่าการลงทุนรวม รองลงมาไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ำและระบบการปรับอากาศ มูลค่า 3.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (20.99%), อสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 2.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (14.98%), การค้าปลีกค้าส่งและซ่อมยานยนต์ มูลค่า 1.095 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.8%) และอื่นๆ ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/first-7-months-fdi-attraction-reaches-over-188-billion-usd/179310.vnp

การส่งออกไม้ของเวียดนามกลับมาฟื้นตัว ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่ามูลค่าส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ทำมาจากไม้ของเวียดนามอยู่ที่ 5.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยในเดือนมิ.ย. ยอดส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ทำมาจากไม้ของเวียดนามที่ 769 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าเดือนมิ.ย. การส่งออกที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ชะลอตัวลงในบางตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ สหรัฐฯ จีน แคนาดาและออสเตรเลีย เป็นต้น และมีข้อสังเกตสำคัญชี้ให้เห็นว่าตลาดยุโรป มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายระดับภูมิภาค รวมถึงประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 แบบคลื่นลูกที่ 2 ส่งผลให้กระตุ้นอุปสงค์ของผู้บริโภคในยุโรปเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) จะมีผลบังคับใช้วันที่  1 สิ.ค. และบรรลุในการคุ้มครองการลงทุนทวิภาคี

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnamese-wood-exports-recover-during-the-first-half-of-the-year-22790.html

เวียดนามเผยม.ค.-ก.ค. ดึงดูดเม็ดเงิน FDI ลดลง 6.9% (18.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

กระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่าเวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มูลค่า 18.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 ลดลงร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยมี 526 โครงการที่ได้รับอนุญาตใหม่ ยอดการลงทุนที่เป็นการลงทุนเพิ่มในโครงการที่มีอยู่ปัจจุบัน 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว มีนักลงทุนต่างชาติ 4,459 รายที่เข้ามาลงทุนและซื้อหุ้น มูลค่าราว 4.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่ลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปเกือบร้อยละ 55 ของยอดทั้งหมด ขณะที่ ร้อยละ 28.8 ก๊าซ น้ำและจำหน่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ การลงทุน FDI ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม, ภาค FDI คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของยอดส่งออกทั้งประเทศ

ที่มา : https://e.nhipcaudautu.vn/economy/vietnams-jan-jul-pledged-fdi-drops-69-to-1882bln-3336300/

INFOGRAPHIC : ผู้ผลิตอุตสาหกรรมและแปรรูปเวียดนาม 80.6% เห็นว่าแนวโน้มธุรกิจไปในทิศทางที่ดีขึ้น

สถานการณ์ธุรกิจในประเทศ คาดว่าจะดีขึ้นหรือยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 แบ่งออกเป็นประเภทธุรกิจ ดังต่อไปนี้

คาดการณ์แนวโน้มการทำธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 (% จากการคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจของผู้ประกอบการ)

  • ภาพรวมธุรกิจ : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 80.6% มองว่าในอนาคตมีทิศทางที่ดีขึ้นหรือทรงตัว และ 19.4% ทำธุรกิจได้ยากขึ้น
  • ธุรกิจ FDI : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 75.9% มองว่าในอนาคตมีทิศทางที่ดีขึ้นหรือทรงตัว และ 24.1% ทำธุรกิจได้ยากขึ้น
  • รัฐวิสาหกิจ : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 79.7% มองว่าในอนาคตมีทิศทางที่ดีขึ้นหรือทรงตัว และ 20.3% ทำธุรกิจได้ยากขึ้น
  • ธุรกิจเอกชน : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 82.6% มองว่าในอนาคตมีทิศทางที่ดีขึ้นหรือทรงตัว และ 17.4% ทำธุรกิจได้ยากขึ้น

คาดการณ์แนวโน้มการผลิตและยอดตำสั่งซื้อในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 (% จากการคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจของผู้ประกอบการ)

  • ปริมาณการผลิต : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 48.8% มองว่าปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น รองลงมา 33.1% ไม่เปลี่ยนแปลง และ 18.1% แย่ลง ตามลำดับ
  • ยอดคำสั่งซื้อ : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 45.1% มองว่าได้รับยอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น รองลงมา 36.6% ไม่เปลี่ยนแปลง และ 18.3% แย่ลง ตามลำดับ
  • ส่งออกคำสั่งซื้อ : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 43.9% มองว่าได้รับยอดส่งออกคำสั่งซื้อไม่เปลี่ยนแปลง รองลงมา 34.2% เพิ่มขึ้น และ 21.9% แย่ลง ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/806-processing-manufacturing-firms-optimistic-about-business-outlook/179048.vnp

เวียดนาม-นิวซีแลนด์ เร่งส่งเสริมความร่วมมือทางการเงิน

กระทรวงการคลังเวียดนามและกระทรวงการคลังนิวซีแลนด์ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด่วยความร่วมมือด้านการเงิน ณ กรุงฮานอย วันที่ 23 ก.ค. เอกสารดังกล่าวได้รับการลงนามโดยคุณ Wendy Matthews เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำเวียดนาม พร้อมด้วยคุณ Tran Xuan Ha รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งการเซ็น MoU จะช่วยในการจัดระเบียบและความร่วมมือให้เป็นรูปธรรมระหว่างกระทรวงการคลังเวียดนาม-นิวซีแลนด์ รวมถึงความร่วมมือทวีภาคีในมิติต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงงบประมาณ, บริหารการเงินการคลังภาครัฐ, การจัดการหนี้, นโยบายภาษี, ความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและประเด็นทางการเงินอื่นๆ ทั้งนี้ นิวซีแลนด์มีความสามารถในการส่งเสริมเวียดนามหลายด้านด้วยกัน ได้แก่ การวิจัย การพัฒนาและการบังคับใช้นโยบาย เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-new-zealand-boost-financial-cooperation-ties-416435.vov

“สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด” คาดเศรษฐกิจเวียดนามปี 63 โต 3%

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจเวียดนามปี 2563 น่าจะเติบโตแบบชะลอตัวต่ำที่สุดในรอบหลายปีที่ร้อยละ 3 เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอ ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวของธนาคารฯ สูงกว่าการคาดการณ์ของ IMF ไว้ที่ร้อยละ 2.7 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของ ADB ที่ร้อยละ 4.1 ทั้งนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะกลับมาฟื้นตัว อันจะเป็นแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเวียดนามยังคงค่อนข้างพึ่งพาเศรษฐกิจโลก รองจากสิงคโปร์ โดยมีอัตราการค้าเทียบกับจีดีพี อยู่ที่ร้อยละ 198 อันดับสูงสุดในเอเชีย ได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปี 63 โตร้อยละ 3 อีกทั้ง การส่งเสริมของนโยบายการเงินและการคลังจะเข้ามาผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของรัฐบาลไว้ที่ร้อยละ 4-5 นอกจากนี้ ยอดการลงทุน FDI จะลดลงในปีนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนและความเชื่อมั่นในการลงทุนทั่วโลกหดตัวลง คิดเป็นมูลค่ารวม 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnams-2020-growth-seen-at-3-stanchart-313393.html

INFOGRAPHIC : เวียดนาม-นิวซีแลนด์ ตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

ปี 2563 เป็นวันครบรอบ 45 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามและนิวซีแลนด์ ซึ่งทั้งสองประเทศพยายามกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธสาสตร์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-new-zealand-look-to-strategic-partnership/178978.vnp

เวียดนามเผยยอดส่งออกผักผลไม้พุ่ง 230% ไปยังไทย

จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในเดือนมิ.ย. การส่งออกผักผลไม้ของเวียดนามไปยังไทย มีมูลค่ามากกว่า 11.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าส่งออกรวมในช่วง 6 เดือนแรกอยู่ที่ 79.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลให้อัตราการเติบโตสูงถึงร้อยละ 230 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 (23.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2562) ทั้งนี้ ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. มูลค่าส่งออกรวมของเวียดนามไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 2.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปี 2562 โดยรายการสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ในขณะเดียวกัน สินค้าที่มีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน ถึงแม้ว่ามูลค่าลดลงอย่างหนัก 430 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมีมูลค่าการค้าผักผลไม้ดิ่งลงราว 408 ล้านดอลลาร์สหรัฐ “ปัจจุบันไทยเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ที่มา : https://customsnews.vn/exports-of-fruits-and-vegetables-to-thailand-surge-230-15268.html

คาดปีนี้ GDP เวียดนามโต 3.8%

สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจและนโยบายเวียดนาม (VEPR) คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปีนี้จะสูงถึงร้อยละ 3.8 หากสิ้นสุดการระบาดของเชื้อไวรัสในช่วงครึ่งหลังของปีและกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะค่อยๆกลับมาดำเนินการต่อ ซึ่งมุมมองของหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ VEPR มองว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะโตร้อยละ 3.8 ขณะที่อีกฝั่งหนึ่ง หากโอกาสเป็นไปได้อยู่ในระดับต่ำ เศรษฐกิจจะโตแค่ร้อยละ 2.2 เนื่องจากการแพร่ระบาดลุกลามของโรคโควิด-19 ยังอยู่ต่อไป อย่างไรก็ตาม หากเชื้อไวรัสเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินในระดับโลก ส่งผลให้หลายประเทศต้องขยายเวลาล็อคดาวน์ไปอีกจนกว่าไตรมาสที่สี่ของปีนี้ ผลที่ตามมากิจกรรมการส่งออก-นำเข้าของเวียดนามจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและจะไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในปีนี้ นำไปสู่ภาคการผลิตในประเทศอ่อนแอลง นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้เศรษฐกิจเวียดนามกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คือ ข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (EVFTA) และการเร่งเบิกจ่ายไปยังโครงการลงทุนสาธารณะ ทำให้เกิดการขยายการลงทุนและความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-gdp-forecast-to-grow-38-pct/178955.vnp

EXIM BANK ปล่อยกู้ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป. ลาว

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (บีซีพีจี) ร่วมลงนามกับ ดร.จื้อกัง หลี่ ประธานกรรมการ ธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) ในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว นอกจากนี้ยังร่วมลงนามกับนายมานาบุ อิโนอุเอะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (ไทย) (SMTBT) ในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจำนวน 6,465.07 ล้านเยน (ประมาณ 1,900 ล้านบาท) ให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ชิบะ 1 (Chiba 1) ในประเทศญี่ปุ่น ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 ซึ่งความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK กับ บีซีพีจี ซึ่งเป็นผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพเข้าไปลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานทดแทนเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืน โดยมี ไอซีบีซี (ไทย) และ ไอซีบีซี เวียงจันทน์ ร่วมให้การสนับสนุนทางการเงินจำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่บริษัท บีซีพีจี อินโดไชน่า จำกัด สำหรับลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ใน สปป. ลาว กำลังการผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือภายใต้บันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐบาลของเวียดนาม และ สปป.ลาว ในการก่อสร้างสายส่งเชื่อมต่อชายแดนของทั้งสองประเทศ เพื่อขายไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ไปยังประเทศเวียดนาม

ที่มา : https://www.posttoday.com/finance-stock/news/628866