บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นตั้งเป้าสำรวจโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมในกัมพูชา

นักลงทุนชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งมีจุดประสงค์ในการสำรวจโอกาสทางธุรกิจเพื่อเพิ่มพอร์ตโฟลิโอธุรกิจที่มีอยู่ในประเทศของตน โดยในปี 2562 ประกาศจากสภาเพื่อการพัฒนาประเทศกัมพูชา (CDC) ซึ่งขณะนี้มีโครงการลงทุนของญี่ปุ่นที่จดทะเบียนแล้ว 143 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ พบว่าธุรกิจและภาคส่วนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ได้แก่ ภาคการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ อุปกรณ์ทางเทคนิคการแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมเกษตร การดูแลสุขภาพและการท่องเที่ยว โดยประธานสมาคมญี่ปุ่น-กัมพูชา (JCA) กล่าวว่าสมาคมกำลังวางแผนที่จะมอบหมายผู้แทนของ บริษัท ชั้นนำของญี่ปุ่นที่สนใจในการสำรวจความเป็นไปได้ทางธุรกิจและนโยบายการลงทุนของกัมพูชา ซึ่งมีกำหนดการมาเยือนอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยปีนี้จะเป็นครั้งที่สองที่ JCA ได้จัดกิจกรรมระหว่างตัวแทนธุรกิจชาวญี่ปุ่น ให้มีการพบกันกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพในกรุงพนมเปญ ซึ่งจัดโดยบริษัท ACLEDA Bank Plc จุดสนใจหลักของนักลงทุนญี่ปุ่นคือภาคเกษตรกรรม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50704619/leading-japanese-firms-set-to-explore-more-business-opportunities-here/

ดูไบมองกัมพูชาเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการส่งออก

กัมพูชาถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำหรับการส่งออกของดูไบตามรายงานของหอการค้าและอุตสาหกรรมประเทศดูไบ เป็นการบ่งชี้เพิ่มเติมของตลาดในเอเชียที่กำลังขยายตัวในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีอินโดนีเซียและมาเลเซียร่วมด้วย โดยประเทศไทยและสิงคโปร์ถือเป็นประเทศมีศักยภาพมากที่สุดสำหรับการค้าทวิภาคีในอนาคตของดูไบ ภายใต้ข้อตกลงในปี 2560 กัมพูชาส่งออกเสื้อผ้าและรองเท้าไปยังดูไบ ซึ่งคาดว่าจะขยายโอกาสในการดึงดูดภาคธุรกิจทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเน้นการเสริมสร้างการส่งออกสินค้าเกษตร โดยภาคธุรกิจของกัมพูชาอาจจะได้รับความสนใจมากขึ้นจากโอกาสที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งได้แรงหนุนจากปัจจัยหลายด้าน เช่น เขตปลอดภาษี การถือครองกรรมสิทธิ์ในต่างประเทศได้เต็มรูปแบบและ การยกเว้นภาษีนำเข้า-ส่งออก  รวมถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่เพิ่มขึ้นของกัมพูชากับดูไบบ่งบอกถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่น่าประทับใจในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อคงที่อยู่ในระดับต่ำและอัตราความยากจนลดลงเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกัมพูชาและมีส่วนเพิ่มศักยภาพต่อไปในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50704647/dubai-eyes-trade-with-asean-members-including-cambodia/

ธนาคารเอซีลีดาในกัมพูชากำหนดมูลค่า IPO ที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

ธนาคาร ACLEDA ด้วยความช่วยเหลือของบริษัทหลักทรัพย์ Yuanta (กัมพูชา) จำกัด (มหาชน) (YSC) ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้กำหนดราคา IPO ที่ 4.05 เหรียญสหรัฐ (16,200 KHR) ต่อหุ้นสำหรับนักลงทุน โดยธนาคารระบุว่ากระบวนการสร้างหนังสือเสร็จสมบูรณ์แล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 14 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งมีนักลงทุนที่สนใจกว่า 2,180 คน ในบรรดาจำนวนนักลงทุนที่เข้าร่วมในการทำหนังสือนั้น 95.6% เป็นนักลงทุนภายในประเทศและอีก 4.45% เป็นนักลงทุนชาวต่างชาติ โดยราคาเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกได้กำหนดไว้ที่ KHR 16,200 (4.05 เหรียญสหรัฐ) ตามขั้นตอนการสร้างหนังสือและการสมัครสมาชิกที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา SECC ซึ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการพิจารณาการแพร่ระบาดของ COVID-19 และได้ตัดสินใจขยายระยะเวลาการสมัครสมาชิกเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายของนักลงทุนสาธารณะ รวมถึงการนำเสนอทางเลือกออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ www.acledabank.com.kh หรือ www.acledasecurities.com.kh โดยระยะเวลาการสมัครคือวันที่ 24 มีนาคมถึง 24 เมษายน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50704309/acleda-bank-sets-ipo-price/

บริษัทจากญี่ปุ่นทำการศึกษาการลงทุนในอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกัมพูชา

บริษัทจากญี่ปุ่นกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนเพื่อเพาะเลี้ยงปลานิล ซึ่งเป็นปลาสายพันธุ์น้ำจืดในกัมพูชา จากข้อมูลดังกล่าวได้รับการเผยแพร่โดยตัวแทนของ JICA ในประเทศกัมพูชาในระหว่างการประชุมกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมงกัมพูชา ซึ่งการลงทุนจะเน้นไปที่การแปรรูปผลิตภัณฑ์ปลาเพื่อการส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่นเป็นหลัก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรยินดีต้อนรับการลงทุนซึ่งมองว่าจะสร้างงานใหม่และช่วยลดการจับปลาจากทะเลสาบธรรมชาติและแม่น้ำได้ ซึ่งในการประชุม JICA ได้กล่าวสรุปเกี่ยวกับโครงการที่ประสบความสำเร็จในการแปรรูปวัตถุดิบจากผ้าไหมสู่ผลิตภัณฑ์สบู่และแชมพูซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50704397/japanese-firm-to-conduct-study-on-investment-in-aquaculture-industry-in-cambodia/

กัมพูชายังคงมีข้าวสำรองสำหรับความต้องการภายในประเทศและต่างประเทศ

หน่วยงานภาครัฐและเอกชนรับรองว่ากัมพูชาจะมีสต็อกข้าวรวมกันเพียงพอที่จะรองรับอุปสงค์ภายในประเทศในช่วงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ได้ ซึ่งด้วยจำนวนผู้ป่วย ณ ปัจจุบนของกัมพูชาอยู่ที่ 35 ราย ส่งผลทำให้มีการเริ่มกักตุนอาหาร โดยในแถลงการณ์ร่วมระหว่าง Green Trade Company (GTC) ของรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสหพันธรัฐข้าวกัมพูชา (CRF) เราเรียกร้องให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนข้าวเพราะหากมีการซื้อในจำนวนมากท่ามกลางความกังวลของไวรัส จะทำให้ผู้ประกอบการบางรายใช้โอกาสนี้ในการขึ้นราคาข้าวสารได้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจสหพันธ์ฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าทั้งข้าวในระบบของกว่า 400 บริษัท สามารถตอบสนองความต้องการภายในประเทศได้เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงเพียงพอต่อการส่งออกอีกด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์ (MOC) ได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ว่าจะดำเนินการทางกฎหมายกับเจ้าของธุรกิจ เช่น เจ้าของร้านและผู้ค้าในตลาดที่ค้ากำไรเกินควรจากสถานการณ์การระบาดโดยการเพิ่มราคาสินค้ากลุ่มจำเป็น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50703131/plentiful-rice-reserves-for-domestic-and-interl-demand-government/

ภาคการบินในกัมพูชาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ

สนามบินหลักในกัมพูชาเรียกร้องให้มีแผนช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบินที่กำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 โดยส่งผลกระทบทำให้จำนวนเที่ยวในประเทศลดลงอย่างเนื่อง ทำให้รายได้ชะลอตัวลงเป็นอย่างมาก ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวแสดงให้เห็นว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนกัมพูชาลดลงเหลือร้อยละ 30 ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงต่อการระบาดของไวรัส โดยคิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 360,000 คน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 1.2 ล้านคน โดยจากรายงานล่าสุดของเขมรไทมส์โฆษกหญิงของสายการบินกัมพูชาได้เปิดเผยว่า บริษัท ได้ลดเที่ยวบินลงกว่า 40% ทั่วเอเชียเนื่องจากความกังวลของการแพร่เชื้อ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของ COVID-19 รวมถึงรัฐบาลกัมพูชายังได้สั่งห้ามชาวต่างชาติ 6 ประเทศ เดินทางเข้าประเทศชั่วคราว คือ สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, อิตาลี, ฝรั่งเศส, สเปนและอิหร่านเข้ามาในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50703133/aviation-sector-calls-for-government-aid/

เพิ่มสามโครงการการลงทุนในกัมพูชาเพื่อสร้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง

สภาเพื่อการพัฒนาของกัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติโครงการลงทุนสามโครงการด้วยเงินทุนรวม 7 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยโครงการใหม่สามโครงการจะสร้างงานเกือบ 2,000 ตำแหน่ง สำหรับคนในท้องถิ่น ซึ่งโครงการลงทุนแรกมูลค่าอยู่ที่ 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นของ บริษัท จินหมิงหลี่เจี้ยนวันจำกัดซึ่งจะสร้างโรงงานผลิตเส้นด้ายในเขตกงปิสซีจังหวัดกำปงสปือสามารถจ้างพนักงานได้ที่ 180 คน โครงการที่ 2 เงินลงทุนจำนวน 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งอยู่ในจังหวัดตบุงคุมเป็นของ บริษัท ซูเซ็น(กัมพูชา) อุตสาหกรรมจำกัด โดยต้องการคนงานอยู่ที่ 726 ตำแหนน่งในการผลิตเสื้อผ้า โครงการที่สามยังคงอยู่ในภาคการตัดเย็บเสื้อผ้าคือ บริษัท มิลล์ยูไนเต็ดแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เงินลงทุนอยู่ที่ 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐในการก่อสร้างโรงงานในจังหวัดกันแลนด์คาดว่าจะสร้างงาน 912 ตำแหน่งให้กับคนในท้องถิ่น แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ แต่การลงทุนใหม่ในภาคเสื้อผ้ายังคงดำเนินต่อไปโดยให้ความหวังกับเยาวชนสำหรับโอกาสการจ้างงาน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50702925/three-investment-projects-to-create-2000-jobs/

ธนาคารกลางของกัมพูชาประกาศมาตรการกระตุ้นสินเชื่อภายในประเทศ

ธนาคารกลางกัมพูชาได้ประกาศมาตรการใหม่ 3 มาตรการ เพื่ออำนวยความสะดวกและกระตุ้นให้สถาบันการเงินมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งขึ้น โดยสนับสนุนให้สถาบันการเงินของประเทศดำเนินการให้กู้ยืมเงินกับภาคเอกชนต่อไปท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งผู้อำนวยการธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ได้บรรยายสรุปว่า NBC จะชะลอการดำเนินงานของ Capital Conservation Buffer (CCB) จนถึงปีหน้า, ลดอัตราดอกเบี้ยในการดำเนินงานด้านสภาพคล่อง (LPCO) และลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหนังสือรับรองการฝากเงิน (NCD) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินรายย่อย รวมถึงกระตุ้นให้สถาบันการเงินดำเนินการให้สินเชื่อต่อไปได้ โดยก่อนหน้านี้ NBC ได้ขอให้สถาบันการเงินทุกแห่งรักษาอัตราส่วนเงินกองทุนไว้ที่ 50% อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้ NBC ได้ขอให้เพิ่มเป็น 100% ส่วนต่อมาคือการลดอัตราดอกเบี้ยของ LPCO จาก 3% เป็น 2.5% สำหรับสินเชื่อระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี สำหรับสินเชื่ออายุไม่เกิน 6 เดือนจาก 2.8% เป็น 2.3% และสำหรับสินเชื่ออายุไม่เกิน 3 เดือนจาก 2.6% เป็น 2.1% เป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50702862/the-central-bank-announces-measures-to-boost-lending/

กองทุนฉุกเฉินสำหรับช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในกัมพูชา

รัฐบาลเปิดตัวกองทุนพิเศษ 50 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มผลผลิตและการดำเนินธุรกิจท่ามกลางผลกระทบของการระบาดของโรค Covid-19 และการถูกถอน EBA บางรายการสินค้าของสหภาพยุโรป โดยกองทุนพิเศษของรัฐบาลสำหรับ SMEs จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจการแปรรูปสินค้าทางการเกษตร, การแปรรูปอาหาร, ธุรกิจเกษตร, พืชผัก, ปศุสัตว์และธุรกิจสัตว์น้ำและองค์กรต่างๆที่ใช้วัตถุดิบจากภาคการเกษตร ซึ่ง SMEs สามารถกู้ยืมเงินได้สูงถึง 3 แสนเหรียญสหรัฐ ด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปีสำหรับเงินทุนหมุนเวียน (สูงสุด 2 ปี) และ 6.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปีสำหรับกองทุนการลงทุนตลอดระยะเวลาการชำระ 5 ปี โดยรัฐบาลจะให้การผ่อนผันระยะเวลา 1 ปี ซึ่ง SMEs ที่มีสิทธิ์ได้รับกองทุนพิเศษคือ SMEs ที่ทำงานเกี่ยวกับการแปรรูปสินค้าเกษตร ที่สามารถขยายการดำเนินงาน สามารถสร้างงานได้จาก 5-30 แห่งและเป็น SMEs ที่จดทะเบียนในกรมสรรพากรและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ธนาคารเพื่อการพัฒนาชนบทและการเกษตร (RDAB)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50702354/50-million-emergency-fund-for-small-and-medium-enterprises/

การส่งออกสินค้าการท่องเที่ยวของกัมพูชามูลค่าเกิน 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562

สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปในกัมพูชา (GMAC) กล่าวว่าการส่งออกสินค้าการท่องเที่ยวของกัมพูชาไปทั่วโลกมีมูลค่าเกิน 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 โดยเริ่มจากฐานที่ต่ำอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2559 ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดคิดเป็นประมาณ 80% ของการส่งออกทั้งหมดของสินค้าด้านการท่องเที่ยว โดยการเติบโตของการส่งออกนี้เป็นผลมาจากความพยายามร่วมกันของกระทรวงพาณิชย์ (MOC) และ GMAC ไปยังรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาซึ่งส่งผลให้มีการทบทวนสิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) ของสหรัฐในปี 2559 รวมถึงได้พิจารณารายการสินค้าด้านการท่องเที่ยวให้อยู่ในรายการที่มีคุณสมบัติภายใต้ขอตกลง GSP เพื่อการส่งออกไปยังสหัรฐ ซึ่งกัมพูชามีการส่งออกผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า รองเท้าและสินค้าด้านการท่องเที่ยวมีมูลค่ารวม 9,325 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50702636/travel-goods-exports-from-cambodia-exceeded-1-2-billion-in-2019/