สหภาพยุโรปจะยกเลิกภาษีปลาทูน่าจากเวียดนาม เมื่อข้อตกลงการค้ามีผลบังคับใช้

สหภาพยุโรปจะปรับลด/ยกเลิกภาษีผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าของเวียดนาม (สด,แช่เย็นแช่แข็ง) ประกอบไปด้วยปลาทูน่ากระป๋อง ปริมาณ 11,500 ตัน และลูกชิ้นปลาทูน่ากระป๋อง 500 ตัน ล้วนได้รับการยกเว้นทุกปี เมื่อข้อตกลงการค้าเสรีทั้งสองฝ่ายมีผลบังคับใช้ในเดือนสิ.ค. ซึ่งข้อตกลงดังกล่าว คาดว่าจะสร้างโอกาสอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมปลาทูน่าของเวียดนามเกี่ยวกับการเข้าถึงตลาดใหม่ ได้รับการลดภาษีและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ อาทิ ไทยและจีน ในขณะที่ กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่มีส่วนแบ่งการตลาดขนาดใหญ่ในตลาดอียู แต่ว่ายังไม่ได้รับข้อตกลงการค้าเสรีใดๆเลย ทั้งนี้ สมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเล (VASEP) ระบุว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในตลาดส่งออกสำคัญ ยังไม่อาจคาดการณ์ได้ ซึ่งคู่แข่งขันสำคัญ ได้แก่ เอกวาดอร์ ไทย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA ถือเป็นข้อตกลงทันสมัยที่สุด ครอบคลุมด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอียูกับประเทศกำลังพัฒนา

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/738477/eu-to-remove-tariffs-on-vietnamese-tuna-once-trade-deal-takes-effect.html

สหรัฐอเมริกาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในเวียดนาม

องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ร่วมมือกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) และกรมศุลกากรเวียดนาม (GDVC) ณ วันที่ 22 มิ.ย. เปิดตัวโครงการประเมินระดับความพึงพอใจในการดำเนินธุรกิจ ผ่านระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งรายงานดังกล่าว พื้นฐานมาจากการสำรวจ “ความพึงพอใจทางธุรกิจและขั้นตอนการบริหารผ่านระบบ NSW” ตั้งแต่เดือนก.ย.62 – มี.ค.63 ทั้งนี้ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โครงการอำนวยความสะดวกทางการค้าของ USAID ได้ทำงานร่วมมือกับองค์กรที่หลากหลาย เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการทำธุรกิจที่เวียดนาม อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสถิติการค้าสหรัฐฯ-เวียดนาม ชี้ให้เห็นว่าเมื่อปีที่แล้ว มูลค่าการค้าทั้งสองฝ่ายเติบโตสูงถึง 77.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทาง USAID ยังคงสนัสนุนรัฐบาลเวียดนามและภาคเอกชน ในการปฏิรูปและยกระดับความพึงพอใจทางธุรกิจ ผ่านเครื่องอำนวยความสะดวกในการค้า “NSW”

ที่มา : https://vnexplorer.net/us-supports-vietnam-to-improve-business-satisfaction-a202054474.html

เวียดนาม-นิวซีแลนด์ ตั้งเป้าการค้า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563

สำนักงานการค้าเวียดนามในนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่าในปัจจุบัน เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 16 ของนิวซีแลนด์และมูลค่าการค้าสองฝ่ายเพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งสองประเทศได้เข้าร่วมความตกลงพันธมิตรทางการค้า จากปี 2552 มูลค่า 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปี 2561 มาอยู่ที่มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้น 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 เป็นผลมาจากทั้งสองประเทศส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าและยังเป็นสมาชิก “CPTPP” ทั้งนี้ เศรษฐกิจของเวียดนามและนิวซีแลนด์มีการส่งเสริมซึ่งกันและกันในหลายๆด้าน นิวซีแลนด์เป็นตลาดส่งออกสำคัญและมีศักยภาพของเวียดนาม อาทิ สินค้าเกษตร อาหารทะเล กาแฟ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องนุ่งห่มและวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น นอกจากนี้ เดือนก.พ. 2563 นิวซีแลนด์มีโครงลงทุนโดยตรงในเวียดนามจำนวน 41 โครงการ คิดเป็นมูลค่าจดทะเบียนรวม 209.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกัน เวียดนามมีโครงการลงทุนโดยตรงในนิวซีแลนด์จำนวน 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่าจดทะเบียนรวม 32.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมุ่งเน้นไปยังภาคอุตสาหกรรมการแปรรูป การผลิต การค้าปลีกและบริการซ่อมแซมยานยนต์

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-and-new-zealand-target-usd-17-billion-of-trade-value-in-2020-21563.html

ศักยภาพการส่งออกกุ้งของเวียดนามในตลาดแคนาดา

จากข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกกุ้งของเวียดนามไปยังแคนาดา อยู่ที่ 49.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งในเดือนเม.ย. ชี้ให้เห็นว่ายอดส่งออกกุ้งไปยังตลาดดังกล่าว พุ่งสูงขึ้นร้อยละ 51 คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ แคนาดานิยมบริโภคกุ้งก้าวกรามที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผลมาจากปริมาณกุ้งแช่เย็นลดลง อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจล่าสุด ชี้ให้เห็นว่าแคนาดามีสัดส่วนการนำเข้ากุ้งครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารทะเลทั้งหมดและมีแนวโน้มในการซื้อกุ้งเพื่อนำมาประกอบอาหารในครัวเรือนแคนาดา นอกจากนี้ เวียดนามเป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่อันดับที่ 2 ของแคนาดา สำหรับด้านราคาส่งออก พบว่าราคาส่งออกกุ้งของเวียดนามสูงกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนามมีความต้องการสูงสำหรับตลาดหลากหลายประเทศและลดการนำเข้าจากสหรัฐฯ

ที่มา : https://customsnews.vn/potential-of-exporting-shrimp-to-canada-14931.html

เวียดนามได้รับสัญญาเชิงบวกจากการส่งออกลิ้นจี่สดไปยังจีน ผ่านชายแดน

ปริมาณการส่งออกลิ้นจี่สดของเวียดนามไปยังประเทศจีนพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผ่านด่านชายแดนเตินแท็งห์ (Tan Thanh) จ.หลั่นเซิน (Lang Son) ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นับว่าเป็นสัญญาเชิงบวกแก่ผู้ประกอบการและชาวเกษตรกร เป็นต้น จ.หลั่นเซิน ชี้ว่าจำนวนยานพาหนะขนส่งลิ้นจี่สดเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า ผ่านด่านชานแดนเตินแท็งห์ เมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้นฤดูเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ ข้อมูลทางสถิติของกรมศุลกากร ระบุว่าปริมาณส่งออกลิ้นจี่สดไปยังประเทศจีน อยู่ที่ 13,500 ตัน ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ในปัจจุบันหน่วยงานรัฐบาลได้วางมาตรฐานสำหรับการเพาะปลูกลิ้นจี่แก่คู่ค้าชาวจีน เพื่อที่จะป้องกันการแพร่ระบาคของไวรัสโควิด-19 และให้สอดคล้องกับกฎระเบียบในปัจจุบัน

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/positive-signs-for-fresh-lychee-exports-to-china-via-border-gates-415044.vov

ธุรกิจเวียดนาม 8 ราย ได้รับอนุญาตนำเข้าสุกรจากไทย

จากรายงานของกรมอนามัยสัตว์เวียดนาม ภายใต้กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท เปิดเผยว่ามีผู้ประกอบการเวียดนาม 8 รายที่ได้รับอนุญาติในการนำเข้าสุกรมีชีวิตจากประเทศไทย จำนวนมากกว่า 1.9 ล้านตัว ซึ่งปัจจุบัน มีธุรกิจรายหนึ่งได้ทำการกักกันสุกรที่นำเข้าจากไทย เพื่อเตรียมเชือดเป็นอาหาร อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น ทางกระทรวงอนุญาตให้สามารถนำเข้าสุกรมีชีวิตจากประเทศไทยได้ เพื่อที่จะเพาะพันธุ์และเชือดเป็นอาหาร ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. นอกจากนี้ กรมอนามัยสัตว์ได้ออกแนวทางเกี่ยวกับมาตรการ/กฎระเบียบสุขอนามัยของการนำเข้าสุกร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาคของโรคระบาดสัตว์และสร้างความมั่นใจถึงสถานะของฝูงสัตว์ในประเทศ นับว่าเป็นครั้งแรกที่เวียดนามอนุญาติให้มีการนำเข้าสุกรมีชีวิต

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/eight-vietnamese-businesses-eligible-to-import-pigs-from-thailand-415032.vov

อัพเดท สถานการณ์ COVID-19 เวียดนาม วันที่ 08.06.2563

อัพเดท สถานการณ์ COVID-19 เวียดนาม วันที่ 8 มิถุนายน 2563

สอท. ณ กรุงฮานอย ระบุว่าผู้ติดเชื้อ 331 (+4) ราย, รักษาหาย 316 ราย (+38) และไม่มีผู้เสียชีวิต

คนเวียดนามกลับจากต่างประเทศติดเชื้อเพิ่ม 4 คนแต่ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มในประเทศเป็นวันที่ 53 และชุดตรวจสอบเชื้อโควิด-19 ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกและสหราชอาณาจักร

พัฒนาการที่สำคัญในวันนี้

  • เวียดนามไม่พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ในระดับชุมชน (local transmission) เป็นวันที่ 53 แต่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่กลับจากต่างประเทศ (รัสเซีย สหราชอาณาจักร เม็กซิโก) 4 ราย
  • บริษัท Sunstar JSC ร่วมมือกับ National Institute for Control of Vaccine and Biologicals และ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย Hanoi ผลิตชุดทดสอบเชื้อโควิด-19 “RT-PCR COVID-19 KIT THAI DUONG และ RT-LAMP COVID-19 KIT THAI DUONG” ซึ่งได้รับการขึ้นรายการ Emergency Use Listing Procedures ขององค์การอนามัยโลก และกระทรวงสาธารณสุขสหราชอาณาจักรออก Certicate of European Standard (CE) และ Certificate of Free Sales (CFS) สำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวด้วย

พัฒนาการที่สำคัญในวันนี้

  • ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการป้องกันอย่างต่อเนื่องเพื่อมิให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่
  • แนะนำให้ประชาชนหมั่นล้างมือ สวมหน้ากาก
  • งดกิจกรรมเฉลิมฉลอง พิธีกรรมทางศาสนาและมหกรรมกีฬา
  • ยังคงห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าเวียดนาม เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่
  • บุคคลที่เดินทางเข้าเวียดนามจะถูกกักตัว 14 วัน
  • ยกเว้นการห้ามการเดินทางเข้าประเทศของคนต่างประเทศ โดยจะพิจารณาอนุญาตให้นักลงทุนชาวต่างชาติ ผู้เชี่ยวชาญ แรงงานทักษะสูง ผู้บริหารกิจการ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษาชาวเวียดนามที่ศึกษาในต่างประเทศ โดยจะต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและกักตัวอย่างเข็มงวด
  • สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเชิญชวนชาวไทยมอบสิ่งของ เพื่อบรรเทาผลกระทบจาก COVID-19 ให้กับชุมชน Phuc Xa กรุงฮานอย ในช่วงต้นเดือนมิ.ย. 2563

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย

เวียดนามเผยผู้ผลิตปูนซีเมนต์เร่งปรับตัวตามสถานการณ์

ภาคอุตสาหกรรมซีเมนต์เวียดนามเผชิญกับภาวะอุปทานส่วนเกิน “Over Supply” และธุรกิจจำเป็นอาศัยกลยุทธ์ยืดหยุ่น เพื่อที่จะก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ขาดแคลนเงินทุน ทั้งนี้ จากตัวเลขทางสถิติของกระทรวงก่อสร้าง ชี้ให้เห็นว่าเวียดนามมีกำลังการผลิตซีเมนต์มากกว่า 100 ล้านตันในปีนี้ ขณะที่ การบริโภคในประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ 67 ล้านตัน ส่วนการส่งออกลดลงอย่างหนักในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ ร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ (DTI) ระบุว่าได้ดำเนินมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ ตั้งแต่ปี 2562-2564 จากการที่นำเข้าซีเมนต์จากเวียดนาม ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมนี้ เพราะว่าเป็น 1 ในกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ หากนับตั้งแต่เริ่มเก็บภาษีในช้วงต้นปี 2562 ยอดส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ลดลงร้อยละ 23 ในแง่ปริมาณ และร้อยละ 17.4 ในแง่มูลค่า คิดเป็นมูลค่าเพียง 257 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม โอกาสสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างในปีนี้ มีแนวโน้มไปในทิศทางที่เป็นลบ แต่ธุรกิจส่วนใหญ่มองว่าถึงเวลาที่จะปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อความโปร่งใสและเป็นมืออาชีพมากขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/738283/cement-producers-urged-to-be-flexible.html

เวียดนามคุมสินเชื่อ โต 2.13% ช่วง 6 เดือน

ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) เปิดเผยว่าการขยายตัวสินเชื่อ ณ วันที่ 16 มิ.ย. คาดจะอยู่ที่ร้อยละ 2.13 เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2562 ที่ร้อยละ 5.7 รองผู้อำนวยการธนาคารกลาง คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะอยู่ในระดับต่ำ เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะที่ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. อัตราการเติบโตของปริมาณเงินความหมายกว้าง (M2) ประกอบด้วยเงินสดที่อยู่ในระบบและเงินฝากทั้งหมด จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ สินเชื่อทางการเกษตรเติบโตร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบสิ้นปีที่แล้ว ตามมาด้วยมาภาคส่งออก (4.94%), ภาคเทคโนโลยี (2.92%) อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง (2.27%) และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (-0.7%) เป็นต้น นอกจากนี้ ด้านสินเชื่อคงค้างในระบบ พบว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 12.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งปีแรก เหตุจากผลกระทบโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ระบบธนาคารยังให้การสนับสนุนลูกค้า โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างหนี้และการพักชำระหนี้ชั่วคราว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/mekong-delta-leads-in-provincial-competitive-index/174954.vnp

เวียดนามเผยราคาเนื้อหมูดิ่งลง หลังจากนำเข้าจำนวนมาก

ราคาเนื้อหมูในประเทศประสบปัญหาดิ่งลงฮวบในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) อนุญาตให้บริษัทสามารถนำเข้าสุกรมีชีวิตจากไทย ด้วยเหตุนี้ ราคาสุกรมีชีวิตในจังหวัดทางตอนเหนือชองประเทศปรับตัวลดลง ระหว่าง 88,000-93,000 ด่งต่อกิโลกรัม เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ขณะที่ ภาคกลางมีราคาผันผวนอยู่ที่ 84,000-91,000 ด่งต่อกิโลกรัม ซึ่งคาดว่าราคาจะยังคงลดลงต่อไปอีกในสัปดาห์หน้า เมื่อมีการนำเข้าสุกรจากไทยจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าว ทำให้ผู้คนในท้องถิ่นมีความกังวลถึงการนำเข้าสุกรมีชีวิต เนื่องจากมีความเสี่ยงอีกครั้งของการแพร่ะระบาดโรคไข้หวัดสุกร ทั้งนี้ รองผู้อำนวยการสำนักเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวว่ามีธุรกิจจำนวนหนึ่งได้ลงทะเบียนเพื่อสามารถนำเข้าสุกรมีชีวิต ซึ่งหนึ่งในกลุ่มดังกล่าว มีปริมาณการนำเข้าสุกรสูงถึง 100,000-200,000 ตัว นอกจากนี้ ราคาขายสุกรมีชีวิตยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าราคาจะอยู่ที่ราว 50,000 ด่งต่อกิโลกรัม

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/domestic-pork-prices-fall-as-pigs-imported-in-large-volume-414963.vov