‘เวียดนาม’ เผยเดือน ก.ค. นักลงทุนต่างชาติเทเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้น 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ (HOSE) เปิดเผยว่าตลาดหุ้นเวียดนามในเดือน ก.ค. คึกคัก สะท้อนจาดกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามายังตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยซื้อสุทธิมากกว่า 8.5 ล้านล้านดอง (325 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในทุกตลาดหลักทรัพย์ นับเป็นยอดซื้อสุทธิสูงสุดจากนักลงทุนต่างชาติ ตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นผลสะท้อนที่เกิดจากความเชื่อมั่นของตลาดที่กลับมามีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยบริษัทหลักทรัพย์ เอสเอสไอ (SSI) มียอดซื้อสุทธิจากต่างประเทศสูงกว่า 3.46 ล้านล้านดอง และหุ้นนี้มียอดซื้อสุทธิติดต่อกัน 15 วัน โดยแต่ละวันมีมูลค่าสูงถึง 500 พันล้านดอง สิ่งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มหลักทรัพย์เท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นถึงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดโดยรวมในช่วงที่เหลือของปี 2568 อีกด้วย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/foreign-investors-pour-325-million-usd-into-vietnamese-stocks-in-july-post324121.vnp

‘เวียดนาม’ เผยยอดการค้าพุ่ง เร่งนำเข้าก่อนภาษีทรัมป์

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NSO) ระบุในแถลงการณ์ว่าการส่งออกในเดือน ก.ค. อยู่ที่ 42.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 14% ในขณะที่การนำเข้า 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.8% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 15.2% ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้าราว 2.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เวียดนามมีการนำเข้ามากขึ้น เนื่องจากธุรกิจต่างๆ จำเป็นที่จะต้องเร่งส่งออกในช่วงนี้ ก่อนที่จะมีการขึ้นภาษีนำเข้า ถึงแม้ว่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่การนำเข้าจากจีนก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยภาษีศุลกากรในครั้งนี้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม โดยเฉพาะกาแฟ เสื้อผ้า และชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันเวียดนามจะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 20% สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย เพียง 1% เท่านั้น

ที่มา : https://economictimes.indiatimes.com/small-biz/trade/exports/insights/vietnam-trade-beats-estimates-as-buyers-race-trump-tariffs/articleshow/123156669.cms

‘เวียดนาม’ เผยยอดลงทุนต่างประเทศ ช่วง 7 เดือนแรก โต 27.3% สะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุน

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NSO) รายงานตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 24.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 27.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยจากตัวเลขของเงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามายังเวียดนาม พบว่ามีทุนจดทะเบียนที่อยู่ในโครงการใหม่ 10.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 11.1%YoY ขณะที่จำนวนโครงการใหม่มีทั้งสิ้น 2,254 โครงการ เพิ่มขึ้น 15.2%YoY ถึงแม้ว่าเงินทุนจดทะเบียนจะปรับตัวลดลง แต่เห็นสัญญาณของความเชื่อมั่นนักลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาลงทุนในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปที่มีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 55.9% ของทุนจดทะเบียนใหม่ ตามมาอสังหาริมทรัพย์ 23.5% ทั้งนี้ สิงคโปร์ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มีการลงทุนราว 2.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาสวีเดน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความน่าดึงดูดใจของเวียดนามทั่วทั้งเอเชียและทั่วโลก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-fdi-grows-273-in-seven-months-signals-investor-confidence-post324078.vnp

‘เวียดนาม’ นำเข้าข้าวทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สวนทางตัวเลขส่งออกลดลง

กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมของเวียดนาม เปิดเผยว่าสถานการณ์ทางด้านการเกษตร ป่าไม้ และประมง ประจำเดือน ก.ค. 2568 พบว่าข้าวยังคงเป็น 1 ใน 5 สินค้าทางการเกษตรที่ทำรายได้จากการส่งออกมากที่สุดของประเทศ และจากตัวเลขสถิติการค้าพบว่าในเดือน ก.ค. 2568 เวียดนามส่งออกข้าว 750,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 366.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ยอดการส่งออกข้าวในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 5.5 ล้านตัน มูลค่า 2.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่สิ่งที่น่าสังเกตเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ธุรกิจเวียดนามได้นำเข้าข้าวในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่ารายได้จากการส่งออกจะลดลงเหลือ 2.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม แต่รายได้จากการส่งออกกลับลดลง 13.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในทางกลับกัน การส่งออกไปยังกานาเพิ่มขึ้น 53.5% และการส่งออกไปยังไอวอรีโคสต์ เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า โดยเพิ่มขึ้น 96.6%

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-spends-1b-importing-rice-despite-export-value-slump-2428876.html

‘เวียดนาม’ แซงไทย ขึ้นแท่นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ อันดับ 2 ของโลก

สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เวียดนามแซงหน้าไทย ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก โดยสมาคมฯ ระบุว่าในเดือน ม.ค. – มิ.ย. อินเดียส่งออกข้าว 11.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 36.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามมาด้วยเวียดนามที่ส่งออกข้าว 4.72 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3.6% ในขณะที่ไทยส่งออกข้าว 3.73 ล้านตัน ลดลง 27.3% ปากีสถาน 2.76 ล้านตัน ลดลง 20.2% และสหรัฐอเมริกา 1.4 ล้านตัน ลดลง 23.5%

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมเวียดนาม ระบุว่าในเดือน ก.ค. 2568 เวียดนามส่งออกข้าวประมาณ 750,000 ตัน คิดเป็นรายได้ 366.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้การส่งออกข้าวของเวียดนามในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณ 5.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3.1% สร้างรายได้ราว 2.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 15.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสาเหตุที่มูลค่าปรับตัวลดลง เนื่อมาจากราคาส่งออกข้าวเฉลี่ยของเวียดนาม ลดลงเหลือ 514 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลง 18.4% จากปีก่อนหน้า โดยฟิลิปปินส์ยังคงเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็น 42.6% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ถึงแม้ว่ามูลค่าตลาดนี้จะลดลง 13.5% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-overtakes-thailand-to-become-worlds-second-largest-rice-exporter-post323981.vnp

‘การค้าข้ามพรมแดนเวียดนาม – จีน’ ช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี (China Daily) เปิดเผยบทความ ‘การค้าข้ามพรมแดน ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างจีน – เวียดนาม’ โดยจากบทความชี้ให้เห็นว่ากระแสการค้าข้ามพรมแดนระหว่างสองประเทศนั้น ช่วยให้สินค้าจีนหลั่งไหลเข้าประเทศจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจชายแดน เนื่องจากผู้บริโภคชาวต่างชาติแห่กันเข้าไปยังแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน เพื่อซื้อสินค้ามาจากจีน (Made in China) มากขึ้น ทั้งนี้ จากตัวเลขสถิติของศุลกากร แสดงให้เห็นว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ด่านเหอโข่ว (Hekou) ได้ดำเนินการนำเข้าลิ้นจี่จากเวียดนาม ปริมาณ 29,000 เมตริกตัน เพิ่มขึ้น 104.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (YoY) คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านหยวน (22.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 66.9%YoY และจากข้อมูลของกรมศุลกากรแห่งนี้ ยังชี้ให้เห็นว่ายอดการค้ามีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลไม้เวียดนามมากกว่า 200,000 ตัน มูลค่า 700 ล้านหยวน เข้าสู่จีนในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2568

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1722625/cross-border-trade-driving-china-viet-nam-ties.html

‘สหรัฐ’ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเวียดนาม จบที่ 20%

ทำเนียบขาวออกมาประกาศอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ฉบับใหม่ภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีการแก้ไขอัตราภาษีสำหรับ 69 ประเทศคู่ค้า และเวียดนามจะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่ 20% ลดลงจากเดิมที่ 46% ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมศุลกากรสหรัฐฯ เปิดเผยว่าการค้าทวิภาคีรระหว่างเวียดนามและสหรัฐฯ ในปี 2567 มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้น 149.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐฯ มีการนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม 136.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยอดการส่งออกไปยังเวียดนาม อยู่ที่ 13.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับเวียดนาม 123.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้เวียดนามเป็นประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ มากอันดับ 3 รองจากจีนและเม็กซิโก

ที่มา : https://news.tuoitre.vn/us-cuts-tariff-on-vietnamese-imports-to-20-10325080210145672.htm

‘ภาคการผลิตเวียดนาม’ เดือน ก.ค. เห็นสัญญาณฟื้นตัว

ตามรายงานของ S&P Global เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 52.4 ในเดือนกรกฎาคม จากระดับ 48.9 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งดัชนีฯ อยู่เหนือระดับ 50.0 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น เป็นผลมาจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่กลับมาขยายตัวจากความต้องการของลูกค้า อย่างไรก็ดี ยังคงมีความกังวลถึงผลกระทบเชิงลบต่อภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ ถือว่าเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ โดยจะมีผลต่อการจัดส่งซัพพลายเออร์ที่ต้องใช้เวลานานขึ้น รวมไปถึงปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบ โดยเฉพาะแหล่งวัตถุดิบที่มาจากต่างประเทศ ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงหลังของปี และราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-manufacturing-sector-returned-to-growth-in-july-post323838.vnp

เวียดนาม’ เผยมาตรฐานการส่งออกใหม่ ยกระดับอุตสาหกรรมทุเรียน

สถานการณ์การส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามในเดือน มิ.ย. 2568 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยทุเรียนเวียดนามมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน และเริ่มเข้าสู่ตลาดไทย อย่างไรก็ดี ผู้ส่งออกจำเป็นที่จะต้องเข็มงวดในเรื่องการควบคุมคุณภาพผลไม้ รวมถึงการจัดหารและบรรจุภัณฑ์ ขณะเดียวกัน ปัญหาการหยุดชะงักของอุปทานในบางพื้นที่ของไทย ได้สร้างโอกาสใหม่ๆ ในการนำเข้าทุเรียนเวียดนาม

ทั้งนี้ นายดัง ฟุก เหงียน (Dang Phuc Nguyen) เลขาธิการสมาคมผักและผลไม้เวียดนาม กล่าวว่าการส่งออกทุเรียนยังคงต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็วในเดือน เม.ย. พ.ค. และ มิ.ย. โดยคาดการณ์ว่าการส่งออกในเดือน ก.ค. จะมีมูลค่าสูงถึง 350-400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ในช่วง 7 เดือนของปีนี้ จะทำรายได้จากการส่งออกมากถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ เพื่อรักษาการเติบโตทางการส่งออกและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมกำลังร่างมาตรฐานแห่งชาติฉบับใหม่ (TCVN) สำหรับทุเรียนสด โดยมุ่งเป้าไปที่การสร้างมาตรฐานคุณภาพตั้งแต่ฟาร์มจนถึงตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/new-export-standards-set-to-elevate-vietnam-s-durian-sector-2427157.html

‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ชี้เวียดนามควรเร่งกำหนดกรอบกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล

บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน ‘Chainalysis’ ระบุว่ายอดเงินทุนของบล็อกเชนที่ไหลเข้าในตลาดเวียดนาม ปี 2566-2567 มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นราว 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีกำไรประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่จากรายงานของ Triple-A แสดงให้เห็นว่าชาวเวียดนามมากกว่า 17 ล้านคน หรือประมาณ 17% ของประชากรทั้งหมด เป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 6.5% และเวียดนามเวียดนามติดอันดับ 5 ประเทศที่มีการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้มากที่สุดติดต่อกัน 3 ปี

ทั้งนี้ เหงียน ดุย หุ่ง (Nguyen Duy Hung) ประธานบริษัท SSI Digital กล่าวว่าแม้เวียดนามจะเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการซื้อของสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ แต่นักลงทุนยังคงมีความเสี่ยง เนื่องจากในปัจจุบันยังขาดการคุ้มครองทางกฎหมาย และจำเป็นที่จะต้องมีกลไกสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อให้เข้าถึงสินทรัพย์อย่างปลอดภัยและสตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น ดังนั้น จีงมึการประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มีมติเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งศึกษาและนำกรอบกฎหมายมาใช้ในโครงการนำร่องตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-urgently-needs-legal-framework-for-digital-assets-experts-post323714.vnp