การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมเวียดนามในไตรมาสที่ 1 คาดว่าขยายตัว 3%

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 2.68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถ้าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า (COVID-19) อยู่ในการควบคุมได้ ซึ่งอุตสาหกรรมการแปรรูปและการผลิตเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศและมีส่วนแบ่งของสาขาอุตสาหกรรมมากที่สุด มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 2.38 สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้ส่วนประกอบนำเข้าจากประเทศจีน จะได้รับผลกระทบอย่างมากเนื่องจากจีนเป็นแหล่งซัพพลายเออร์วัสดุและส่วนประกอบรายใหญ่ของเวียดนาม ขณะเดียวกัน อุตฯการผลิตที่ได้รับผลกระทบในทิศทางลบ ได้แก่ กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม กลุ่มผลิตยานยนต์และโลหะ เป็นต้น ทั้งนี้ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวดำเนินไปจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 2 ซึ่งแนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 7 ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ นอกจากนี้ ทางสำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) ได้เสนอให้รัฐบาลสนับสนุนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส ได้แก่ การหาซัพพลายเออร์ ลดอัตราภาษีการส่งออก-นำเข้าและกระตุ้นการบริโภคในประเทศ รวมไปถึงควบคุมเงินเฟ้อและรักษาเสียรภาพเศรษฐกิจมหภาคและตลาดการเงิน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592301/industrial-sectors-growth-likely-to-hit-almost-3-in-q1.html

กลุ่มเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม เตรียมผลิตหน้ากากในเดือน ก.พ. อยู่ที่ 6 ล้านชิ้น กัน ‘โคโรน่า’

กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม (Vinatex) เปิดเผยว่าในเดือน ก.พ. ได้เร่งการผลิตหน้ากากอนามัย 6 ล้านชิ้น เพื่อตอบสนองความต้องการในช่วงที่มีสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่  (COVID-19) ซึ่งมีกำลังการผลิต 10 ตันต่อวันที่ใช้ในทางการแพทย์ เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ของสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสได้และทางสมาชิกสิ่งทอยังคงมุ่งเน้นในการผลิตหน้ากาก โดยในเดือน มี.ค. บริษัททำการผลิตอยู่ที่ 12 ล้านชิ้น ทั้งนี้ องค์กรอนามันโลก (WHO) ประกาศให้การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ในขณะนี้เป็น “ความฉุกเฉินด้านสาธารณะสุขระหว่างประเทศ” เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสและขอให้ประชาชนควรสวมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคและล้างมือบ่อยๆ นอกจากนี้ เวียดนามตรวจพบผู้ติดเชื้อ 16 ราย รวมถึงผู้ติดเชื้อ 11 รายที่อยู่ในจังหวัดหวิญฟุก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/garment-group-to-provide-6-million-face-masks-in-february-amid-covid-19/168710.vnp

เวียดนามตั้งเป้า จ.ก่าเมา จะบรรลุตามเป้าหมายการส่งออก

จังหวัดก่าเมาอยู่ในทางตอนใต้ของเวียดนาม ได้หาแนวทางที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่นและผลักดันการส่งออกให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ท่ามกลางไวรัสโคโรน่า (COVID-19) โดยคณะกรรมการประชาชนประจำจังหวัดได้มุ่งเน้นในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการประกอบธุรกิจและการลงทุน รวมถึงผลักดันโครงการเพิ่มประสิทธิภาพอุตสาหกรรมกุ้งในปี 2568 ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ติดตามหรือเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีมีความทันสมัย ดังนั้น ธุรกิจท้องถิ่นจึงต้องเตรียมการวางแผนการผลิตและแปรรูป ขณะที่ จากข้อมูลของกรมอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (EVFTA) จะช่วยให้เวียดนามส่งออกกุ้งไปยังตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ธุรกิจท้องถิ่นในจังหวัดก่าเมาได้สร้างรายได้ในเดือน ม.ค. 63 ประมาณ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งตลาดส่งออกรายใหญ่ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา ออสเตรเลีย จีนและสหภาพยุโรปในทางตอนใต้ของเวียดนามังคงมุ่งเน้นในการผลิตหน้ากาก้องกันเชื้อ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592306/ca-mau-looks-for-measures-to-achieve-export-turnover-target.html

รัฐสภายุโรปอนุมัติมติให้สัตยาบันข้อตกลง EVFTA และ EVIPA

จากที่ประชุมสภายุโรป (EP) เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ให้สัตยาบันรับรองข้อตกลงเปิดการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) และข้อตกลงการคุ้มครองการลงทุนเวียดนาม-สหภาพยุโรป (EVIPA) สำหรับข้อตกลง EVIPA มีมติในการประชุมด้วยเสียงข้างมาก 407 ต่อ 188 เสียง และงดออกเสียง 53 เสียง ขณะที่ ข้อตกลง EVFTA มีมติการประชุมด้วยเสียง 401, 192 และ 40 ตามลำดับ ทั้งนี้ ข้อตกลง EVFTA คาดว่าจะผลักดันการส่งออกของเวียดนามและการกระจายสินค้าไปขายในหลายๆตลาด ซึ่งผลจากข้อตกลงมีผลบังคับใช้ เวียดนามจะลดภาษีทันทีร้อยละ 65 ของสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และจะทยอยลดภาษีสินค้าที่เหลือภายในระยะเวลา 10 ปี ในขณะเดียวกัน สหภาพยุโปรจะลดภาษีทันทีร้อยละ 70 ของสินค้าส่งออกจากเวียดนาม และจะทยอยลดภาษีสินค้าที่เหลือภายในระยะเวลา 7 ปี นอกจากนี้ จากการวิจัยของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) ระบุว่าข้กตกลงทั้งสองฝ่ายจะช่วยให้อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.6 และแนวโน้มการส่งออกของเวียดนามไปสภาพยุโรปจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 42.7 ในปี 2568 ในขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการยุโรปคาดว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 29.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และแนวโน้มการส่งออกของสหภาพยุโรปไปเวียดนามจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 29 ในปี 2578

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/ep-ratifies-evfta-evipa-409974.vov

เวียดนามเผยการเติบโตของ GDP อาจไม่ถึงที่ตั้งเป้าหมายไว้

จากรายงานของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) เปิดเผยว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนามอาจไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ระดับร้อยละ 6.8 จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งภายในการประชุมในวันพุธที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ‘COVID-19’ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงเตรียมมาตรการในการช่วยเหลือภาคธุรกิจทุกส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและประเมินทางเลือกต่างๆ เช่น เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมไปถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯ คาดว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อยู่ที่ระดับร้อยละ 6.25 นอกจากนี้ จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ระบุว่าเวียดนามได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจแบบเปิดและทำการค้าตามชายแดนมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงค้าขายกับจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงและสินค้าเกษตรที่ติดค้างอยู่ตามด่านชายแดนจีน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592192/vn-might-not-reach-gdp-growth-target-in-2020-due-to-covid-19-outbreak-ministry.html

โอกาสในการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคเวียดนามเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ : สัมมนา

งามสัมมนาเรื่องการส่งเสริมในการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ที่จะจัดขึ้นในวันอังคาร นครโฮจิมินห์, ผู้อำนวยการบริษัท Vietway เปิดเผยว่าบริษัทฯดำเนินการขายสินค้าเวียดนามในสหรัฐฯ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งในหลายๆประเทศทั่วโลก รวมถึงเวียดนามเห็นว่าตลาดสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกหลัก ทั้งนี้ สถานการณ์การส่งออกสินค้าเวียดนามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จะเน้นส่งออกสินค้าสมาร์ทโฟน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้าและเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทต่างชาติ ในขณะเดียวกัน สินค้าอุตสาหกรรมที่เจ้าของเป็นบริษัทเวียดนามได้เผชิญกับอุปสรรคจากการส่งออกในตลาดโลก ทั้งนี้ สหรัฐฯ ถือว่ามีความเข็มงวดต่อการนำเข้าสินค้า แต่ก็มีความต้องการนำเข้าสินค้าที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นสินค้าไฮเทคไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่ราคาถูก ซึ่งเป็นจุดแข็งของสินค้าเวียดนาม นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิติการค้า พบว่าในสิ้นเดือนม.ค. 2563 มูลค่าส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอยู่ที่ 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 7.6 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592126/opportunities-to-boost-consumer-goods-exports-to-the-us-market-seminar.html

เวียดนามส่งออกอาหารทะเลเดือน ม.ค. ลดลง

จากข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าในเดือนมกราคม เวียดนามส่งออกอาหารทะเลลดลงร้อยละ 12.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่ารวม 644 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ซึ่งการแพร่ระบาดหนักในจีนทำให้ฉุดการส่งออกอาหารทะเลเวียดนามไปยังตลาดจีนอย่างมาก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการส่งออกปลาสวาย ทูน่าและกุ้งเผชิญกับการระงับการชำระเงินจากการส่งออก เพราะธนาคารจีนไม่เปิดทำการจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า และคาดว่าธนาคารจะเปิดทำการในวันที่ 16 ก.พ. ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทขนส่งรายใหญ่ไม่ต้องการที่จะจัดส่งสินค้าไปยังจีน อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯ มองว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอาหารทะเลมากนัก เพราะว่าความต้องการนำเข้าอาหารทะเลของจีนจะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมี.ค. และเม.ย. ในทางตรงกันข้าม สมาคมฯมองเห็นโอกาสสำหรับธุรกิจท้องถิ่นในการเพิ่มผลผลิตสินค้าแช่เย็นและบรรจุกระป๋องอาหารทะเลในช่วงเวลานี้และหลังจากการแพร่ระบาดไวรัส ทำให้ให้ลูกค้าชื่นชอบอาหารแปรรูปมากขึ้น รวมไปถึงใช้โอกาสนี้ในการส่งออกไปยังตลาดสำคัญเพิ่มขึ้น อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และยุโรป

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592130/seafood-export-value-down-in-january.html

“บีซีพีจี”สยายปีกลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว-ผนึกพันธมิตรสายส่งไปเวียดนาม

“บีซีพีจี”เดินหน้าขยายธุรกิจพลังน้ำในลาว ด้วยการเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในเมืองเชียงขวาง สปป.ลาวเป็นแห่งที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำในลาวเพิ่มเป็น 114 เมกะวัตต์ พร้อมเข้าลงทุนร่วมกับพันธมิตรก่อสร้างและดำเนินกิจการระบบสายส่งกระแสไฟฟ้าไปยังเวียดนาม ส่งผลให้แผนการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV มีรายได้เติบโต มั่นคงระยะยาว ทั้งนี้ ข้อมูลของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในวันที่ 10 ก.พ.63 ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3B Power Sole Co.,Ltd.ระหว่างบริษัท บีซีพีจี อินโดไชน่า จำกัด (BIC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบีซีพีจี ดำเนินกิจการลงทุนโรงไฟฟ้าในกลุ่มประเทศ CLMV กับบริษัท Phongsubthavy Roads and Bridges Construction and Irrigation(PSG) นอกจากนี้ โครงการ Nam San 3B ยังได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (EVN) เพื่อขายไฟฟ้าให้กับ EVN แทนการขายไฟฟ้าให้กับ EDL เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 25 ปี คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปี 2565 สำหรับการลงทุนของบริษัทในครั้งนี้ เป็นเพียงก้าวแรกของบริษัทในการขยายธุรกิจสู่กลุ่มประเทศ CLMV โดยลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาทิ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และขายไฟฟ้าให้กับประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจเช่น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ที่มา : https://siamrath.co.th/n/131991

ธนาคารกลางเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของ BIS

ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ได้เชิญธนาคารกลางเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของ BIS ซึ่งทาง BIS ได้เชิญธนาคารกลางเวียดนาม คูเวตและโมร็อกโกเข้าเป็นสมาชิกในปี 2563 โดยขณะนี้มีสมาชิกจำนวน 63 ประเทศ ทั้งนี้ ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) เปิดเผยว่าการเชิญของ BIS แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนาม มีการเติบโตอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมไปถึงทางธนาคารกลางเวียดนามดำเนินนโยบายการเงินส่งผลในเชิงบวกและกำกับดูแลจัดการระบบสถาบันการเงิน สำหรับการเป็นสมาชิกของ BIS จะช่วยให้ธนาคารกลางเวียดนามและระบบสถาบันการเงินทั้งหมดสามารถเข้าระบบสถาบันการเงินทั่วโลก รวมไปถึงส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของระบบการเงินและเศรษฐกิจของเวียดนาม นอกจากนี้ BIS ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2473 โดยมีสมาชิกธนาคารกลางจำนวน 60 แห่ง ซึ่งภารกิจของ BIS คือ การรักษาเสถียรภาพทางการเงินและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ถือว่าเป็นธนาคารของธนาคารกลาง

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/8395002-state-bank-of-vietnam-becomes-bis-member.html

ยอดค้าปลีกและบริการในนครโฮจิมินห์ พุ่ง 11.2%

ยอดการค้าปลีกสินค้าและบริการในเดือนมกราคม ณ นครโฮจิมินห์ อยู่ที่ 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งยอดค้าปลีกสินค้ารวมอยู่ที่ 76.24 ล้านล้านด่อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 67.61 ของยอดการค้าปลีกสินค้าและบริการรวม เป็นผลจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นตามเทศกาลปีใหม่ สำหรับราคาสินค้าในช่วงวันปีใหม่ (Tet) อยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอาหารและของกิน เครื่องนุ่งห่มและเครื่องใช้ในบ้าน เป็นต้น ชณะที่ ซุปเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้า มีการเตรียมสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการซื้อของผู้บริโภคก่อนที่จะถึงช่วงปีใหม่ ด้วยกำลังซื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับเดือนปกติ ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายมีการใช้โปรโมชั่นที่หลากหลาย เช่น ส่วนลดราคาสินค้าร้อยละ 5-49 เพื่อกระตุ้นเพิ่มกำลังซื้อสูงขึ้นในช่วงเดือนแรกของปีนี้

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/hcm-citys-retail-sales-services-revenue-surge-by-112-percent-409869.vov