“บ่าเหรี่ยะ หวุงเต่า” ตั้งเป้ารายได้ต่อหัว 8,200 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566

คุณ Dang Minh Thong รองประธานคณะกรรมการจังหวัดบ่าเหรี่ยะ หวุงเต่า (Ba Ria – Vung Tau) กล่าวว่าในปี 2566 เงินลงทุนเพื่อการพัฒนาในจังหวัดจะสูงถึง 59 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 6.54% โดยรายได้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 89 ล้านล้านดอง ดังนั้น ทางหน่วยงานจังหวัดจึงจัดทำแผนการปฏิบัติงาน (Action Plan) อาทิเช่น โครงสร้างพื้นฐานระหว่างภูมิภาค โครงการสำคัญต่างๆ รวมถึงโครงการของรัฐฯ ระยะกลางในปี 2564-2569 และยังพัฒนาจังหวัดบ่าเหรี่ยะ หวุงเต่าให้กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของชาติ นอกจากนี้ จังหวัดดังกล่าวได้รับเงินลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้นประมาณ 2.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/ba-ria-vung-tau-aims-for-per-capita-grdp-of-8200-usd-in-2023/247275.vnp

ทุนสำรองเงินฯ ของเวียดนาม มูลค่าเติบโตสูงขึ้นในปี 2566

ตามรายงานของบริษัทหลักทรัพย์ VNDirect Securities Corporation ระบุว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้และปรับเพิ่มทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเวียดนาม ซึ่งจะช่วยลดค่าเงินดองของเวียดนาม ทั้งนี้ บริษัท VNDirect ยังคาดว่าบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลการค้า 0.4% ของ GDP ในปีนี้ จากที่คาดการณ์ว่าจะขาดดุล 1.3% ของ GDP ในปีที่แล้ว ด้วยเหตุนี้ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเวียดนามจะฟื้นตัวสู่ระดับการนำเข้าได้มากกว่า 3 เดือน และแตะระดับ 102 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1451472/viet-nam-s-foreign-exchange-reserves-to-grow-this-year.html

“สปป.ลาว” เร่งจัดหาเงินในการชำระหนี้ เงินเดือนและโครงการพัฒนาของภาครัฐ

กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ การพัฒนาโครงการลงทุนและการชำระหนี้ เป็นค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของรัฐบาลที่ได้จัดสรรในปี 2566 โดยรัฐบาลปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณรายจ่ายจากปีที่แล้ว อยู่ที่ 34.5 ล้านล้านกีบ ขึ้นมาอยู่ที่ 43.49 ล้านล้านกีบในปี 2566 ในขณะที่รายได้ของประเทศตั้งเป้าไว้ที่ 38.44 ล้านล้านกีบ เพิ่มขึ้น 21.7% เมื่อเทียบปีต่อปี และแผนการใช้จ่ายงบประมาณในปีนี้ คิดเป็นร้อยละ 18.58% ของ GDP ทั้งนี้ รัฐบาลได้ทำการปรับปรุงเกี่ยวกับการบริหารรายจ่ายและการพัฒนาระบบการชำระเงิน ซึ่งเป้าหมายที่สำคัญ คือ การจัดการรายได้ในประเทศให้เพียงพอกับการใช้จ่ายได้ หรือทำให้เกินดุลงบประมาณ เพื่อให้รัฐฯ มีเงินสำรองในการชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลง ทำให้รัฐบาลต้องคาดการณ์ว่าจะสามารถชำระหนี้ต่างประเทศได้หรือไม่

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_More14.php

ราคายางพาราเมียนมา พุ่งแตะ 1,300 จัตต่อปอนด์

ราคายางพาราในรัฐมอญ พุ่งแตะ 1,300 จัตต่อปอนด์ โดยที่ผ่านมาราคาเคยพุ่งไปถึง 1,600 จัตต่อปอนด์ ในเดือนกันยายน ปี 2565  เป็นผลมาจากความต้องการยางพาราและผลผลิตจากทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ล้วนส่งผลให้ราคายางในตลาดเมียนมามีความผันผวน ซึ่งจากข้อมูลปี 2561-2562 เมียนมามีพื้นที่เพาะปลูกยางพารา 1.628 ล้านเอเคอร์ ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐมอญ รัฐกะเหรี่ยง ภาคตะนาวศรี ภาคพะโค และภาคย่างกุ้ง มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 300,000 ตันต่อปี โดยร้อยละ 70 ของผลผลิตทั้งหมดส่งออกไปยังจีน ส่วนที่เหลือส่งออกไปยังสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม เกาหลีใต้ อินเดีย ญี่ปุ่น ฯลฯ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2563-2564 ที่ผ่านมา เมียนมามีรายได้จากการส่งออกยางมากกว่า 449 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rubber-price-hits-k1300-per-pound-in-domestic-market/

Ruili Airlines ดีเดย์ 21 ม.ค.66 เปิดเที่ยวบินตรงมัณฑะเลย์-มังซี

สายการบินหยุยลี่ แอร์ไลน์ (Ruili Airlines) ของประเทศจีน เตรียมเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงจากเมืองมัณฑะเลย์ไปยังเมืองมังชี (Mangshi) ในวันที่ 21 มกราคม และจะให้บริการเที่ยวบิน 3 วันต่อสัปดาห์ ได้แก่ วันอังคาร พฤหัสบดี และวันเสาร์ ซึ่งที่ผ่านมา Ruili Airlines ได้ระงับเที่ยวบินชั่วคราวเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้ เที่ยวบินตรงของ Ruili Airlines จะออกจากเมืองมังชี เวลา 17.00 น. ไปถึงเมืองมัณฑะเลย์เวลา 18.10 น. และจะออกจากเมืองมัณฑะเลย์เวลา 19:10 น. ไปถึงเมืองมังชี เวลา 20:10 น.

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/mandalay-mangshi-direct-flight-to-be-resumed-on-21-jan/

ในช่วง 10 ปี สถานประกอบการกัมพูชาจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 50%

ปัจจุบันกัมพูชามีสถานประกอบการแตะ 753,670 แห่ง สร้างการจ้างงานภายในประเทศกว่า 2.98 ล้านคน โดยผลสำรวจเบื้องต้นมาจากการสำรวจสำมะโนเศรษฐกิจ ประจำปี 2022 ซึ่งจำนวนสถานประกอบการธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 50 จากจำนวน 505,134 แห่ง เมื่อเทียบกับการสำรวจสำมะโนเศรษฐกิจครั้งแรกในปี 2011 ที่มีการจ้างงานที่จำนวน 1.67 ล้านคน ขณะที่ Chhay Than รัฐมนตรีกระทรวงแผนการ กล่าวเสริมว่า การสำรวจสำมะโนเศรษฐกิจในปัจจุบันของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในกัมพูชา มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับหน่วยงานบริหารต่างๆ เพื่อเป็นการกำหนดนโยบายในการผลักดันผู้ประกอบการ รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการรวมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501222359/cambodias-business-establishments-increase-50-pct-in-10-years/

นักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้ากัมพูชาโตกว่า 1,059% ในปี 2022

นักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้ามายังกัมพูชาเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 1,059 ในปี 2022 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่จำนวน 2.28 ล้านคน โดยประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37.5 และเวียดนามร้อยละ 20.4 ของจำนวนทักท่องเที่ยวดังกล่าว ซึ่งข้อมูลข้างต้นมาจากรายงานสถิติการท่องเที่ยวล่าสุดของกระทรวงการท่องเที่ยว ขณะที่ส่วนใหญ่เดินทางมาโดยรถยนต์ข้ามพรมแดนระหว่างเทศที่จำนวน 1.47 ล้านคน และเดินทางมาโดยเครื่องบินจำนวน 791,603 คน ซึ่งน้อยกว่า 99,829 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 70.4 แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาว สปป.ลาว ร้อยละ 4.1, อินโดนีเซีย ร้อยละ 3.3, มาเลเซีย ร้อยละ 2.4, ฟิลิปปินส์ ร้อยละ 1.3 และสิงคโปร์ ร้อยละ 1.2 เป็นตลาดสำคัญอื่นๆ ในอาเซียนรองจากไทยและเวียดนาม ขณะที่นักท่องเที่ยวขาออกอยู่ที่จำนวน 1.6 ล้านคนในปี 2022 คิดเป็นการเติบโตกว่าร้อยละ 1,252 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501221970/thailand-visitors-help-record-1059-jump-in-tourist-arrivals-in-2022/

UN ชี้นักท่องเที่ยวระหว่างประเทศพุ่ง 2 เท่าปี’65 คาดฟื้นใกล้ระดับก่อนโควิดปีนี้

องค์การท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) เผยว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในปี 2565 ที่ผ่านมา และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปทั่วโลกน่าจะเพิ่มขึ้นใกล้เกือบถึงระดับเดียวกับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2566 นี้ เนื่องจากการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทาง โดยเฉพาะในประเทศจีน รายงานของ UNWTO ระบุว่า ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวทั่วโลก 917 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 455 ล้านคนในปี 2564 ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่แข็งแกร่งเกินคาด แต่จำนวนดังกล่าวยังอยู่ในระดับเพียง 63% ของปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของงโควิด-19 อย่างไรก็ดี UNWTO คาดการณ์ว่าในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวของโลกจะเพิ่มขึ้นในระดับ 80-95% โดยนายซูรับ โปโลลลิคาซวิลลี่ เลขาธิการ UNWTO กล่าวว่า เรามีเหตุผลมากขึ้นที่จะมองโลกในแง่ดีสำหรับการท่องเที่ยวทั่วโลกในปีใหม่นี้

ที่มา : https://www.matichon.co.th/foreign/news_3776993

สื่ออินเดีย ชี้เวียดนามก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของเอเชีย

บทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ “THE STAT READE TIMES” เปิดเผยว่าเวียดนามจะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชั้นนำของเอเชีย โดยเฉพาะเทคโนโลยีและเครื่องแต่งกาย โดยบทความข้างต้นระบุว่าบางประเทศในเอเชียยังอยู่ในช่วงค่อยๆ ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัส แต่เวียดนามยังคงมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และ GDP ของประเทศ เร่งขยายตัว 8.02% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 นับเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้ง เวียดนามมีแรงงานที่สามารถแข่งขันได้และต้นทุนการผลิตต่ำ ประกอบกับประชากรวัยหนุ่มสาว จำนวน 97 ล้านคน โดยสัดส่วนประชากร 70% อยู่ในช่วงอายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่งเป็นกำลังแรงงานจำนวนมากสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต

ที่มา : https://en.nhandan.vn/indian-newspaper-vietnam-could-be-asias-next-industrial-hotspot-post121907.html

จีนเปิดประเทศ! ดันท่องเที่ยว ส่งออกและลงทุนของเวียดนาม

ตามรายงาน “2023 outlook: Three ripples from China’s re-opening” ของธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ระบุว่ากลุ่มประเทศในอาเซียนได้รับผลประโยชน์อย่างมากจากการกลับมาเปิดประเทศของจีน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับปัจจัยบวกจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แม้ว่าจะมีความหวังในการสนับสนุนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการค้า ทั้งนี้ เวียดนามและไทยจะเป็นประเทศที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนราว 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของเวียดนามไม่ได้พึ่งพาภาคการท่องเที่ยวมากเท่าไรนักหากเทียบกับประเทศไทย

ที่มา : https://vir.com.vn/chinas-re-opening-to-impact-vietnam-99304.html