เวียดนามเผยปริมาณการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น แต่ยอดมูลค่ากลับลดลง

จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562  เวียดนามส่งออกข้าวกว่า 5.2 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 แต่มูลค่ากลับลดลงร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งประเทศฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีการบริโภคข้าวเกือบ 1.76 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 720 ล้าน ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ ราคาข้าวเฉลี่ยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 13.8 คิดเป็นราคาอยู่ที่ 435 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และทางหน่วยงานเกษตรกรรมฟิลิปปินส์มีการเสนอให้ใช้ภาษีนำเข้าข้าวในการปกป้องผู้ประกอบการในประเทศ โดยมีอัตราภาษีนำเข้าข้าวอยู่ที่ร้อยละ 30-65 ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกข้าวเวียดนามในอนาคตข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ตลาดญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะนำเข้าข้าวในกลุ่มประเทศสมาชิก CPTPP เช่น เวียดนาม นอกจากนี้ เวียดนามเล็งเห็นโอกาสในการขยายตลาดไปยังแอฟริกาและตะวันออกกลางอีกด้วย

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/536522/rice-export-volume-up-but-value-falls.html#m6XyQo0ATOuAqIYj.97

เวียดนามเกินดุลการค้ากับอิสราเอล เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของหน่วยงานรัฐฯเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศอยู่ที่ 760 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเวียดนามยังคงเกินดุลการค้าอย่างต่อเนื่องราว 440 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ การค้าระหว่างประเทศ (การค้าแบบทวิภาคี) มีมูลค่า 677 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องมาจากความตึงเครียดของสถานการณ์ทางการเมือง และความมั่งคงทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอน ทำให้ผู้ส่งออกเวียดนามเกิดความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว รวมไปถึงข้อกำหนดมาตรฐานอาหารปลอดภัยที่เข็มงวดในภูมิภาคตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการอิสราเอลมีความสนใจในการนำเข้าอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคจากเวียดนาม ได้แก่ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เครื่องแต่งตัว รองเท้า และผลแปรรูป

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7992302-vietnam-continues-to-enjoy-trade-surplus-with-israel.html

รีสอร์ทอสังหาฯ ดิ่งลง

อุปทานและความต้องการซื้อคอนโดเทล (Condotels) และรีสอร์ตวิลล่า ลดลงเป็นตัวเลขสองหลัก ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 เนื่องมาจากอยู่ในช่วงเดือนสารทจีน (Ghost months) ทำให้เกิดการชะลอตัวของนักลงทุน โดยจากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ DKRA Vietnam เปิดเผยว่าในช่วงเวลาดังกล่าว มีโครงการวิลล่าริมทะเลราว 3 โครงการที่ได้เปิดตัวสู่ตลาด และมีนิววิลล่าจำนวนทั้งหมด 86 หลัง ลดลงร้อยละ 95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งในข้อมูลดังกล่าวข้างต้น มีการซื้อที่พักเพียง 58 หลัง โดยจะกระจุกตัวอยู่ในทางตอนกลางของจังหวัดบิ่ญถ่วน (Binh Thuan) และทางตอนใต้ของจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า (Ba Ria – Vung Tau) ในขณะเดียวกัน จากรายงาน DKRA ระบุว่าการชะลอตัวชองภาคธุรกิจอสังหาฯ ในกลุ่มรีสอร์ท เป็นไปตามผลของฤดูกาล ทำให้ยอดขายลดลงอย่างมาก ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เนื่องมาจากอยู่ในช่วงวันสารทจีน ทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าใหม่ๆ หรือทำธุรกิจกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงโชคร้ายที่ตามมา และจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้าย

ที่มา: https://e.vnexpress.net/news/business/industries/resort-real-estate-plunges-3992364.html

เวียดนาม อินโดนิเซีย เป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตในภูมิภาคอาเซียน

จากรายงานวิจัยของบริษัทชั้นนำของโลกอย่าง Google, Temsek และ new partner Bain & Company เปิดเผยว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 39 ในปี 2562 และจะมีมูลค่ากว่า 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยประเทศอินโดนิเซียและเวียดนามมีอัตราการขยายตัวมากกว่าร้อยละ 40 ในขณะที่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 20-30 ในขณะที่ เศรษฐกิจดิจิทัลเวียดนามมีมูลค่าสูงถึง 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นภายในปี 2568 อยู่ที่ 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นผลมาจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การท่องเที่ยวออนไลน์ และธุรกิจ Ride-Hailing เป็นต้น รวมไปถึงเวียดนามมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 61 ล้านคน และใช้เวลาเฉลี่ย 3 ชม. 12 นาที ต่อวัน ส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟน นอกจากนี้ เวียดนามก้าวขึ้นมาอันดับ 3 ของจุดหมายในการลงทุนดิจิทัลภูมิภาคนี้ ด้วยมูลค่าเงินทุนกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561 และช่วงครึ่งเดือนแรกปี 2562 โดยเมืองฮานอยและโฮจิมินห์ เป็น 1 ใน 7 เมืองเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา :  https://vietnamnews.vn/economy/536446/viet-nam-indonesia-lead-asean-in-internet-economy-growth.html#t0jGYwAhAxtOfG7o.97

เวียดนามเผยส่งออกกาแฟลดลง ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562

จากข้อมูลของหน่วยงานรัฐฯ เปิดเผยว่าเวียดนามมีการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สูงที่สุดในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา และเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เศรษฐกิจของเวียดนามนั้นมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ องค์กรระหว่างประเทศและสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือคาดว่าเศรษฐกิจจากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ปริมาณการส่งออกกาแฟของเวียดนามลดลงร้อยละ  13.3 คิดเป็นปริมาณอยู่ที่ 1.25 ล้านตัน และด้านมูลค่าร้อยละ 21.9 คิดเป็นมูลค่า 2.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยประเทศเยอรมนีและสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ในขณะที่ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ราคาส่งออกกาแฟเฉลี่ยลดลงร้อยละ 10.7 เหลือเพียง 1,709 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และสถานการณ์ของราคากาแฟที่ลดลง ส่งผลให้เวียดนามส่งออกไปยังตลาดดั้งเดิมลดลง ได้แก่ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา อิตาลี และสเปน ในขณะที่ ราคากาแฟทั่วโลกลดลง เนื่องมาจากผู้ผลิตกาแฟบราซิลได้เผชิญกับสกุลเงินที่ลดลง รวมไปถึงปริมาณการจัดเก็บกาแฟสำรองในตลาดสำคัญที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น สหรัฐฯ เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/536442/coffeeexports-down-in-9-months.html#09WvUq2efT3Rtgps.97

เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จากข้อมูลของหน่วยงานรัฐฯ เปิดเผยว่าเวียดนามมีการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สูงที่สุดในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา และเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เศรษฐกิจของเวียดนามนั้นมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ องค์กรระหว่างประเทศและสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือคาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะสามารถขยายตัวร้อยละ 6.8-7 ในปี 2562 รวมไปถึงทางข้อมูลของบริษัทฟิทช์ ระบุว่าในไตรมาสที่ 3/2562 เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวได้ร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นผลมาจากผลประกอบการของภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ภาครัฐได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินหาโซลูชั่นทางเศรษฐกิจ และอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชน รวมไปถึงสร้างสภาพแวดล้อมในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20191003/vietnams-gdp-growth-at-9year-high-topping-southeast-asia-govt/51443.html

เวียดนามจัดเก็บอัตราภาษีอากรสูงสุดตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าอลูมิเนียมของจีน

จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) ได้ประกาศกำหนดอัตราอากรสูงที่สุด เพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมที่มาจากผู้ประกอบการจีน 16 ราย ดังนั้น ทางกระทรวงฯตัดสินใจที่จะเรียกเก็บอากรจากผู้ประกอบการจีน 6 ราย ในอัตราอากรสูงที่สุดร้อยละ 35.58 และอีก 6 รายที่เผชิญกับอัตราอากรร้อยละ 18.16-35.39 และ 2 ราย ที่จะต้องเสียอากรในอัตราร้อยละน้อยกว่า 10 โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้ทำการตรวจสอบการนำเข้าอลูมิเนียมจากประเทศจีน ตามกฎระเบียบขององค์การค้าโลก ซึ่งพบว่าในบางกรณี ราคาอลูมิเนียมของจีนต่ำกว่าต้นทุนการผลิตในเวียดนาม ส่งผลให้ผู้ประกอบการในประเทศได้รับความเดือดร้อนหลายปีที่ผ่านมา และทำให้ผู้ประกอบการหลายๆคน ล้มเลิกออกจากกิจการนี้ไป รวมไปถึงต้องไล่พนักงานบางส่วนอีกด้วย นอกจากนี้ ในปี 2561 สหรัฐฯ ได้ทำการตรวจสอบการหลบเลี่ยงการนำเข้าสำหรับผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมที่มาจากประเทศเวียดนาม และได้ข้อสรุปว่าผู้ประกอบการบางคน ได้ทำการหลีกเลี่ยงอากรทุ่มตลาดที่สหรัฐฯได้กำหนดไว้กับผลิตภัณฑ์มาจากประเทศจีน ส่งผลให้สหรัฐฯ อาจตอบโต้ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมจากประเทศเวียดนามอย่างจริงจัง

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/highest-antidumping-tax-rate-imposed-on-chinese-aluminium-products-404107.vov

ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของนครโฮจิมินห์ เพิ่มขึ้น 7.26%

จากรายงานของสำนักอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของนครโฮจิมินห์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบของภาคอุตสาหกรรมหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่ วิศวกรรมการผลิต อิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์พลาสติก และอาหารแปรรูป ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่าสถานการณ์การค้าโลกอยู่ในภาวะการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรง รวมไปถึงโรคไข้หวัดหมูแอฟริกา ที่ล้วนส่งผลต่อการผลิตทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนครโฮจิมินห์ นอกจากนี้ ทางหน่วยงานเมืองได้ตั้งเป้าหมายในการปฏิรูปการบริหาร รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government) และพัฒนาการบริหารสาธารณะให้ดีขึ้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ นวัตกรรม สตาร์ทอัพ และปัญหามลภาวะทางด้านสิ่งแวดล้อม ให้อยู่ในทิศทางที่ดีมากขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/hcm-citys-industrial-production-index-up-726-percent-404055.vov

เวียดนามเผยยอดส่งออกไม้ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62

จากรายงานสถิติของสำนักงานบริหารป่าไม้เวียดนาม (Vietnam Administration of Forestry) เปิดเผยว่าเวียดนามส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้ ด้วยมูลค่า 7.932 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตลาดส่งออกหลักไม้ และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้ของเวียดนาม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ เป็นต้น ซึ่งประเทศดังกล่าว มีมูลค่ารวมกันเกือบ 6.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 87.4 ของมูลค่าการส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้รวม ในขณะเดียวกัน เวียดนามได้ลงนามข้อตกลงที่สำคัญกับสหภาพยุโรป ในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา รวมไปถึงข้อตกลงการค้าเสรี (EVFTA) และข้อตกลงการคุ้มครองการลงทุนเวียดนาม-สหภาพยุโรป (EVIPA) ซึ่งเมื่อข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะมีการลดภาษีนำเข้าทั้ง 2 ฝ่ายกว่าร้อยละ 99 ของสินค้านำเข้า และจะทยอยลดภาษีสินค้าที่เหลือภายใน 7 ปี แต่ว่าบริษัทที่ทำธุรกิจไม้และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้เวียดนาม ต้องได้ใบรับรองที่ออกโดยองค์กร FSC เพื่อที่จะสามารถเข้าตลาดกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปได้ และตลาดอื่นๆ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/wood-and-forestry-exports-hit-close-to-us8-bil-in-ninemonth-period-404037.vov

กรุงฮานอยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62

จากข้อมูลของสำนักสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้  กรุงฮานอยดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ ด้วยมูลค่า 6.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23.5 ของการลงทุนโดยรวมจากต่างประเทศ รองลงมานครโฮจิมินห์ และจังหวัดบิ่ญเซือง (Binh Duong) ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน เวียดนามดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ที่ 26.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขการลงทุนดังกล่าว มีมูลค่าเงินทุนไหลเข้าประมาณ 10.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยโครงการใหม่กว่า 2,760 โครงการ รวมไปถึงบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุน 10.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงได้ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ตามมาด้วยภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการค้าปลีกค้าส่ง ตามลำดับ และประเทศฮ่องกง (จีน) เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยเกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hanoi-most-attractive-to-foreign-investors-in-nine-months/161332.vnp