ลุ้นคลัง ต่อเวลาลดภาษีสรรพสามิตดีเซล ลิตร 5 บาท อีก 2 เดือน หลังใกล้สิ้นสุด 20 ก.ค.นี้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยถึงแนวทางการขยายเวลาภาษีสรรพสามิตน้ำมันว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณาอยู่ ส่วนการขอกู้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาเช่นกัน แต่ยอมรับว่า มีความกังวลสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยขณะนี้กรมสรรพสามิต กำลังจัดทำข้อมูลเสนอ รมว.คลัง ถึงการพิจารณาขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล คาดว่าจะมีการเสนอลดภาษีมากกว่า 1 รูปแบบ เช่น ลิตรละ 5 บาทต่อไปอีก 2 เดือน หลังจากมาตรการปัจจุบันจะสิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค นี้ โดยหากนายอาคม เห็นชอบ คาดจะเสนอเข้า ครม. อย่างช้าภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ประเมินว่าการลดภาษีครั้งนี้จะทำให้คลังสูญเสียรายได้ไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท โดยภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในรอบ 8 เดือน ต.ค.64-พ.ค.65 คลังยังจัดเก็บรายได้เกินเป้าหมายเกินอยู่ 1 แสนล้านบาท

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/1241581/

ราคาข้าวส่งออกไปจีนผ่านด่านมูเซ พุ่งขึ้น!

นาย อู มิน เต็ง รองประธานศูนย์ค้าส่งข้าวชายแดนมูเซ เผย ราคาส่งออกข้าวไปจีนราคาพุ่งสูงเป็นที่พอใจเป็นอย่างมาก โดยราคาข้าวหักอยู่ที่ 36,000 จัตต่อถุง (น้ำหนัก 50 กิโลกรัม) จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของต่างประเทศ คาดว่าจะหนุนราคาไปได้ถึง 45,000 จัตต่อถุง ปัจจุบันมีการส่งข้าวและข้าวหักจีนผ่านชายแดนมูเซอยู่ที่ประมาณ 10,000 ถุง ซึ่งก่อนหน้านี้มีปริมาณการส่งออกมากถึง 60,000 ถุง ระหว่างวันที่ 1 เม.ย. ถึง 30 มิ.ย.2565 ของปีงบประมาณ 2565-2566 มีส่งออกข้าวและข้าวหักกว่า 550,000 ตัน โดย 510,000 ตัน ส่งออกทางทะเล และผ่านชายแดนอีก 33,000 ตัน ทั้งนี้ เมียนมามีรายได้จากการส่งออกข้าวในปีงบประมาณ 2563-2564 ประมาณ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกข้าว 2 ล้านตัน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/broken-rice-export-to-china-fetches-high-price/#article-title

ออสเตรเลียหนุน สปป.ลาว ปรับปรุงการเชื่อมต่อการขนส่งและการค้า

เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2565 ที่นครหลวงเวียงจันทน์ นายพอล เคลลี เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำสปป.ลาว และนายวิไลคำ โพธิ์สาละห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง ได้ลงนามร่วมกันภายใต้ความร่วมมือในการพัฒนาประเทศระหว่างออสเตรเลีย-สปป.ลาว ด้วยเงินทุนสนับสนุนจากออสเตเลียมูลค่ากว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยจะดำเนินการผ่านโครงการ Partnerships for Infrastructure (P4I) ที่เป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Regional Economic Corridor and Connectivity : SEARECC) ซึ่งสปป.ลาว เชื่อมั่นว่า SEARECC จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับสปป.ลาว ได้ โดยออสเตลียเชื่อมั่นว่าการปรับปรุงการเชื่อมต่อการขนส่ง การวางแผน และการค้าชายแดนจะช่วยเปลี่ยนให้สปป.ลาว จากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นประเทศที่การเชื่อมโยงทางบก และเพิ่มโอกาสในการลงทุนและการจ้างงานในประเทศ

ที่มา: https://laotiantimes.com/2022/07/08/laos-to-bolster-sustainable-trade-diversify-value-chains-under-arise-plus-project/

“เวียดนาม” ตั้งเป้า GDP ปีนี้ โต 6.5%

คุณ เหงียน ถิ เฮือง ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) กล่าวว่าเวียดนามตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2565 ไว้ที่ 6.5% ถือว่าเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับเวียดนาม เนื่องจากยังคงเผชิญกับอุปสรรคจากภาคการผลิตและการดำเนินธุรกิจ รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก นอกจากนี้ ราคาเชื้อเพลิง วัตถุดิบ การขนส่งและค่าบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตและธุรกิจเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการผลิตและห่วงโซ่อุปทานทั้งในประเทศและทั่วโลก ในขณะที่ธุรกิจ SMEs ได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งรักษาระดับการผลิตและแสวงหาตลาดใหม่ไปพร้อมกัน ทั้งนี้ สำนักงานสถิติฯ เรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการตรึงราคาน้ำมันและช่วยเหลือธุรกิจที่ใช้น้ำมันและก๊าซ ประกอบกับติดตามสถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ได้อย่างทันท่วงที

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/growth-target-of-65-percent-poses-big-challenge-to-vietnam-gso/233426.vnp

สหราชอาณาจักร ส่งออกไปตลาดเวียดนาม ขยายตัว 23% ผลจากข้อตกลง “UKVFTA”

เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) เปิดเผยว่าหลังจากการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม–สหราชอาณาจักร (UKVFTA) เมื่อต้นปีที่แล้ว ส่งผลให้การค้าของทั้งสองประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้เผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 โดยจากสถิติชี้ให้เห็นว่าการค้าระหว่างเวียดนามและสหราชอาณาจักร มีมูลค่าสูงถึง 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่การส่งออกเวียดนามไปยังตลาดสหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น 16.4% คิดเป็นมูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของการส่งออกสหราชอาณาจักรไปยังตลาดเวียดนาม เพิ่มขึ้น 23.6% มูลค่าราว 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผลการศึกษาพบว่าข้อตกลง UKVFTA เปรียบเสมือนรถไฟความเร็วสูงสองเส้นทางที่ผลักดันการส่งออกระหว่างประเทศ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/uk-exports-to-vietnam-grow-over-23-after-ukvfta-post955722.vov

ครึ่งปีแรก กัมพูชาจัดเก็บภาษีศุลกากรขาเข้าแล้วกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์

กรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชาได้รายงานถึงการจัดเก็บภาษีศุลกากรในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,293 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 50.1 ของแผนการจัดเก็บภาษีประจำปี 2022 ด้าน Khun Nhim อธิบดี กล่าวเสริมว่า รายรับจากการจัดเก็บภาษีศุลกากรและสรรพสามิต ส่วนใหญ่มากจากภาษีรถยนต์และเครื่องจักร ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 43 ของการจัดเก็บทั้งหมด โดยหากรวมทั้งภาษีสำหรับสินค้าขาเข้าและขาออกแล้ว กัมพูชาสามารถจัดเก็บรายได้จากภาษีอยู่ที่ 1,726 ล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วงเดือน มกราคม-พฤษภาคม ปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้เปิดพรมแดนใหม่อีกครั้ง เพื่อเป็นการพลักดันให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเดินได้อีกครั้ง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501108599/cambodia-2022-first-half-customs-income-at-1-2-billion/

นักท่องเที่ยวต่างชาติ เยือนกัมพูชาพุ่ง 394% ในช่วงครึ่งปีแรก

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนกัมพูชาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 394 หรือคิดเป็นจำนวน 506,762 คน ในช่วงครึ่งปีแรก รายงานโดยกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ซึ่งชี้ให้เห็นถึงสัญญาณเชิงบวกสำหรับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวกัมพูชา ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกัมพูชาในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ เวียดนาม ไทย จีน สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย เป็นสำคัญ โดยปัจจุบันอัตราการฉีดวัคซีนของกัมพูชาถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งกัมพูชาคาดว่าจะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 700,000 คน ภายในปี 2022 ในขณะเดียวกันกัมพูชาได้มีการบันถึกถึงนักท่องเที่ยวขาออกอยู่ที่ 181,246 คน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 1,600 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2021

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501109007/foreign-tourist-arrivals-increase-394-percent-in-first-half-of-2022/

โพลชี้ชัด! ประชาชนรายได้น้อยกว่ารายจ่าย น้ำมัน-อาหารแพงกระทบคุณภาพชีวิต

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ปัญหาการใช้จ่ายของประชาชน” พบว่า รายได้ปัจจุบันของประชาชน พบว่า ร้อยละ 47.10 ระบุว่า รายได้ลดลง รองลงมา ร้อยละ 46.72 ระบุว่า รายได้เท่าเดิม และร้อยละ 6.18 ระบุว่า รายได้มากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบรายได้กับรายจ่ายในแต่ละเดือนของประชาชน พบว่า ร้อยละ 60.06 ระบุว่า รายได้น้อยกว่ารายจ่าย รองลงมา ร้อยละ 32.62 ระบุว่า รายได้พอ ๆ กับรายจ่าย และร้อยละ 7.32 ระบุว่ารายได้มากกว่ารายจ่าย เมื่อถามถึงการใช้จ่ายในปัจจุบันที่สร้างผลกระทบมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 32.73 ระบุว่า การใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง อันดับ 2 ร้อยละ 25.79 ระบุว่า การใช้จ่ายด้านอาหารประจำวัน อันดับ 3 ร้อยละ 13.47 ระบุว่า การใช้จ่ายด้านไฟฟ้าในครัวเรือน อันดับ 4 ร้อยละ 6.10 ระบุว่า การใช้จ่ายด้านแก๊สหุงต้ม อันดับ 5 ร้อยละ 3.36 ระบุว่า การใช้จ่ายด้านการผ่อนชำระค่ารถ เป็นต้น

ที่มา: https://www.posttoday.com/economy/news/686804

 

‘ลาว-อาเซียน’ หารือแนวทางดึงดูด ‘นักท่องเที่ยว’ มากขึ้น

หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ ไทมส์ รายงานว่าทางการลาวกำลังเจรจากับกลุ่มประเทศสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนอื่นๆ เพื่อแบ่งปันแนวคิดในวิธีการดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นและทำให้พวกเขารู้สึกได้รับการต้อนรับ ทั้งกำหนดแผนการมุ่งรับรองสุขภาพและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ขณะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ยังระบาดต่อเนื่อง ประเด็นเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในวาระการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 56 ซึ่งจัดขึ้นผ่านระบบออนไลน์ที่นครหลวงเวียงจันทน์ของลาว ระหว่างวันอังคารถึงวันพุธ (5-6 ก.ค.) โดยมีคม ดวงจันทา อธิบดีกรมการตลาดการท่องเที่ยว สังกัดกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวของลาวเป็นประธาน อนึ่ง ลาวรายงานจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศที่เดินทางภายในลาว ราว 626,825 คน และรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ 35,980 คน ในไตรมาสแรกของปี 2022 โดยมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้

ที่มา : https://www.opt-news.com/news/27327

“Xiaomi” ยืนยันเตรียมสร้างสายการผลิตสมาร์ทโฟนในเวียดนาม

เสียวหมี่ (Xiaomi) ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือสัญชาติจีน ประกาศเริ่มผลิตสมาร์ทโฟนในเวียดนาม โดย DBG Technology ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ DBG Electronics ของฮ่องกงที่ตั้งโรงงานในจังหวัดท้ายเงวียน (Thai Nguyen) ภาคเหนือของประเทศ ทั้งนี้ บริษัท DBG Technology  เผยว่าโรงงานแห่งใหม่ในเวียดนามจะเป็นศูนย์กลางในการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงมาเลเซียและไทย ในขณะที่ต้นทุนการขนส่งในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และต้นทุนโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัญหาดังกล่าว ทางผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติจีนได้จับมือกับพันธมิตรในการโลคัลไลเซชันด้านการผลิต

ที่มา : https://hanoitimes.vn/xiaomi-confirms-production-of-smartphones-in-vietnam-321190.html