งบประมาณย่อย 64-65 เมียนมาส่งออกข้าวไปแล้วกว่า 1.4 ล้านตัน

จากข้อมูลของสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) พบว่า เมียนมาส่งมอบข้าวและข้าวหักมากกว่า 1.4 ล้านตัน ไป 27 ประเทศ ในช่วงงบประมาณย่อย (ต.ค. 2564 ถึงมี.ค. 2565) ตลาดหลักของการส่งออกคือ จีน ตามด้วยเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม สเปน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ โดยราคาพันธุ์ข้าวขาวเกรดต่ำอยู่ที่ประมาณ 340-355 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทและคุณภาพที่แตกต่างกัน ซึ่งราคาค่อนข้างต่ำกว่าไทยและเวียดนาม แต่ยังสูงกว่าราคาตลาดของอินเดียและปากีสถาน ปัจจุบันผู้ส่งออกได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางเมียนมา (CBM) ซึ่งการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนั้นผู้ค้าข้าวในเมียนมาที่จะต้องฝากเข้าบัญชีที่ธนาคารที่ได้รับอนุญาตและแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินท้องถิ่นที่เรตอ้างอิง คือ 1,850 จัตต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบัน ผู้ค้าต้องส่งออกข้าวทางทางทะเลแทนการค้าชายแดน เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้เมียนมามีรายได้กว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกข้าวในปีงบประมาณ 2562-2563 จากการส่งออกข้าว 2.5 ล้านตัน ส่วนในปีงบประมาณ 2563-2564 มีรายได้กว่า 700.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกข้าวและข้าวหัก 1.87 ล้านตัน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/7-april-2022/#article-title

การลงทุน การส่งออกสินค้าเกษตรที่แข็งแกร่งจะผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจสปป.ลาว

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) คาดการณ์เศรษฐกิจสปป.ลาวจะเติบโตร้ยละ 3.4 ในปีนี้และร้อยละ 3.7 ในปี 2566 เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวในตลาดภายในประเทศ รวมทั้งการท่องเที่ยว ในเดือนมกราคมรัฐบาล ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดและเร่งการฉีดวัคซีน โดยเป้าหมายเพื่อให้ประชากรร้อยละ 80 ได้รับวัคซีนครบสมบูรณ์ภายในสิ้นปี 2565 ด้านการส่งออกภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรมีส่วนทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในปีที่แล้ว จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยทำให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำหลายแห่งสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเพิ่มการผลิตพลังงานเพื่อการส่งออก การส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นในทุกหมวด ส่วนหนึ่งเพื่อตอบสนองความต้องการจากประเทศจีน ทั้งนี้การเติบโตของการส่งออกมีแนวโน้มดำเนินต่อไปในปีนี้และปีหน้าจากการลงทุนที่คาดการณ์ไว้เพื่อรองรับการพัฒนาพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และไฟฟ้าคาร์บอนต่ำอื่นๆ ในปี 2564 เศรษฐกิจของสปป.ลาวจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากผลประกอบการที่แย่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ แต่ไวรัสสายพันธุ์ใหม่และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้โมเมนตัมของเศรษฐกิจในระเทศแย่ลง รัฐบาลจะต้องระมัดระวังตัวโดยให้วัคซีนแก่คนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และส่งเสริมความโปร่งใสในการจัดการการเงินสาธารณะ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาดและดึงดูดการลงทุนที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Investment68.php

กัมพูชาส่งออกข้าวมูลค่า 413 ล้านดอลลาร์ ในช่วง Q1/2022

ไตรมาส 1 ปี 2022 กัมพูชาส่งออกข้าวสารปริมาณมากกว่า 170,000 ตัน และข้าวเปลือกอีกกว่า 1.3 ล้านตัน ไปยัง 49 ประเทศ โดยการส่งออกไปยังจีนและฮ่องกงคิดเป็นกว่าร้อยละ 52 ของการส่งออกทั้งหมด หรือคิดเป็น 88,646 ตัน มูลค่ารวมกว่า 45.19 ล้านดอลลาร์ รองลงมาคือประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปซึ่งคิดเป็นร้อยละ 31 หรือคิดเป็น 52,222 ตัน ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 35.95 ล้านดอลลาร์ และกัมพูชาได้ทำการส่งออกไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนเพียงร้อยละ 10 ของการส่งออกทั้งหมด หรือคิดเป็นปริมาณเพียง 17,310 ตัน มูลค่ารวม 10.64 ล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากตลาดดังกล่าวกัมพูชายังได้ส่งออกข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวไปยังประเทศแอฟริกา โอเชียเนีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศอื่นๆ ในขณะที่การส่งออกข้าวเปลือกของกัมพูชาประเทศเวียดนามถือเป็นตลาดสำคัญ โดยมีการส่งออกไปจำนวน 1.39 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 313 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501053884/more-than-413-million-earned-through-rice-exports-prior-to-end-of-q1/

ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชาโต 4.5% ในปี 2022

ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชาเติบโตร้อยละ 4.5 ในปี 2022 ผ่านรายงาน Macro Poverty Outlook (MPO) ในขณะที่ธนาคารโลกได้ปรับลดแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากการฟื้นตัวภายในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ ไปจนถึงกฎหมายว่าด้วยการลงทุนฉบับใหม่ ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัมพูชา-จีน และกัมพูชา-สาธารณรัฐเกาหลี และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุนและการค้าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่จะต้องคอยระวังแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น นำโดยราคาอาหารและน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งเกิดจากสงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501053437/cambodia-growth-projection-at-4-5-in-2022-world-bank/

‘เอดีบี’ หั่นจีดีพีไทยปี 65 เหลือ 3% โอมิครอน-สงครามทุบ ศก.ไม่พัก

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ลงมาอยู่ที่ระดับ 3% จากคาดการณ์เดิมที่ 4% ขณะที่ปี 2566 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 4.5% เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างช้าๆ ตั้งแต่ช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของปี 2564 โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทั้งนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงขาลง ทั้งจากการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสายพันธุ์ใหม่ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมทั้งค่าครองชีพและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นในประเทศไทย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ คาดว่าจะปรับสูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยในปี 2565 จะอยู่ที่ระดับ 3.3% ก่อนจะลดลงในปี 2566 มาอยู่ที่ 2.2% หากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อ จะยิ่งทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

ที่มา : https://www.thaipost.net/economy-news/119331/

กวางสีของจีนเปิดตัวรถไฟบรรทุกสินค้าข้ามพรมแดนผ่านทางรถไฟจีน-ลาว

รถไฟบรรทุกสินค้าออกจากหนานหนิง เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของจีนเมื่อวันเสาร์ สู่เวียงจันทน์    สปป.ลาว นับเป็นการเปิดรถไฟบรรทุกสินค้าระหว่างประเทศแห่งแรกของกวางสีที่วิ่งผ่านทางรถไฟจีน-ลาว Qian Feng ผู้จัดการทั่วไปของ Sinotrans Limited Guangxi Branch ผู้มีส่วนร่วมในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนกล่าวว่าเมื่อเทียบกับการขนส่งทางทะเลและวิธีการแบบดั้งเดิมอื่น ๆ รถไฟบรรทุกสินค้าสามารถลดเวลาการขนส่งได้นานกว่า 10 วัน ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทต่างๆ การขนส่ง   การรถไฟจีน-ลาวได้สร้างสภาพการจราจรที่สะดวกและมีประสิทธิภาพสำหรับผลิตภัณฑ์ของกวางสีเพื่อเข้าสู่ตลาดลาว และบริษัทจำนวนมากที่สนใจในการพัฒนาธุรกิจในลาวเนื่องจากมองเห็นโอกาศจากการมีของโรงการรถไฟสปป.ลาว-จีน

ที่มา : http://www.news.cn/english/20220404/333146b908444124934d7ae25e7c2615/c.html

MoC เผย ปีงบประมาณย่อย 64-65 เมียนมานำเข้าสินค้าลดลง 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา (MoC) เผย มูลค่าการนำเข้าของเมียนมาระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2564-25 มี.ค.2565 ของงบประมาณย่อย ปี 2564-2565 (ต.ค.64-มี.ค.65) อยู่ที่ 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 24 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยที่การนำเข้าสินค้าทุนลดลงในเดือนที่แล้ว ขณะที่กลุ่มนำเข้าอื่นๆ (สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าขั้นกลาง และธุรกิจเย็บเครื่องนุ่งห่ม หรือ CMP) เพิ่มขึ้น เมื่อเดือนที่แล้วเมียนมานำเข้าสินค้าทุน เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ ยานพาหนะ เครื่องจักร ฯลฯ อยู่ที่ประมาณ 1.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคมูลค่า 1.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 73.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณก่อนหน้า โดยประเทศที่เมียนมานำเข้าสินค้า 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และสหรัฐอเมริกา

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/5-april-2022/#article-title

 

‘เวียดนาม’ เผย งานส่งเสริมทางการท่องเที่ยว “VITM” ตั้งเป้าดึงดูดคน 40,000 คน

งาน Vietnam International Travel Mart (VITM) 2022 เป็นงานส่งเสริมการขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของเวียดนาม จัดขึ้นที่กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 3 เม.ย. โดยดึงดูดธุรกิจกว่า 2,000 แห่งและผู้เข้าเยี่ยมชม 40,000 คน งานแสดงดังกล่าวเปิดหัวข้อ “การพัฒนาการท่องเที่ยวสู่รูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ (New Normal) – โอกาสการท่องเที่ยวของเวียดนาม” ในบริบทผลกระทบจากโควิด-19 ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การกลับมาฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบภายในวันที่ 15 มี.ค. ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนเวียดนาม อยู่ที่ราว 91,000 คน เพิ่มขึ้น 89.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยภาคการท่องเที่ยวได้ตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 5 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศ 60 ล้านคนในปีนี้ สร้างรายได้ให้กับประเทศประมาณ 17.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-intl-travel-mart-2022-attracts-40000-visitors/224518.vnp

 

ตลาดระยะใกล้เที่ยวไทย “ททท.-แอร์เอเชีย” จัดโปรโมชันดึงต่างชาติ

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ เปิดเผยว่า ททท.ได้ร่วมกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย ส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากตลาด ระยะใกล้ที่สอดคล้องกับแผนการบินภายในภูมิภาคของแอร์เอเชีย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศไทยให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 10 ล้านคนในปีนี้ เพื่อสร้างรายได้ 625,800 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนของตลาดระยะใกล้จากภูมิภาคอาเซียน 1.1 ล้านคน จากแปซิฟิกใต้ (ประเทศออสเตรเลีย) 200,000 คน และเอเชียใต้ (อินเดีย) ประมาณ 450,000 คน ที่คาดว่าจะเริ่มเดินทางได้ในเดือน เม.ย.นี้ ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชียได้ทยอยเปิดเส้นทางบิน ระหว่างประเทศต่อเนื่องครอบคลุมตลาดอาเซียนและเอเชียใต้ 7 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มัลดีฟส์ และอินเดีย รวม 18 เส้นทาง

ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/economics/2360055

คาดท่าอากาศยานแห่งใหม่ในเสียมราฐ จะกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกัมพูชา

นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน กล่าวถึงท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ ที่ได้ทำการลงทุนโดยจีนจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของกัมพูชาในอนาคต โดยมีจุดประสงค์เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมาเยือนกัมพูชาหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 7 ล้านคนต่อปีในช่วงเฟสแรก โดยสนามบินแห่งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 700 เฮกตาร์ ห่างจากอุทยานโบราณคดีอังกอร์ประมาณ 40 กม. และอยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมราฐ 50 กม. ลงทุนโดย Angkor International Airport Investment (Cambodia) Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Yunnan Investment Holdings Ltd.

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501052173/siem-reaps-new-international-airport-to-boost-cambodias-economy-tourism/