ยอดค้าเวียดนามกับเอเชีย ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แตะ 313 พันล้านเหรียญสหรัฐ

เอเชียคงเป็นคู่ค้าสำคัญของเวียดนาม ตามตัวเลขสถิติของกรมศุลกากรเวียดนามการค้า พบว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าการนำเข้าและส่งออกรวมกันทั้งสิ้น 313 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 25.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แบ่งเป็นการส่งออก 115.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14% และการนำเข้า 197.77 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 32.7% เวียดนามขาดดุลการค้ามากกว่า 82 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนามไปยังตลาดภูมิภาค ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน คอมพิวเตอร์ สินค้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เหล็กและเหล็กกล้า วัตถุดิบสำหรับเสื้อผ้าและสิ่งทอ เครื่องจักรและอะไหล่ เป็นต้น โดยจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในเอเชีย มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ 119.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาเกาหลีใต้ อาเซียนและญี่ปุ่น 56.39, 50.97 และ 30.91 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-trade-with-asia-reaches-over-us313-billion-in-nine-months-900573.vov

“ราคาข้าวในประเทศดิ่ง” จากการบริโภคที่หดตัวลง

สหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) เผย ราคาข้าวทั้งคุณภาพสูงและช้าวคุณภาพต่ำในประเทศลดลงเล็กน้อย ในตอนนี้ ข้าวหอม “Pearl Paw San” ราคาอยู่ที่ 47,000 จัตต่อถุง ลดลงเหลือ 46,000 จัตต่อ ในทำนองเดียวกัน ราคาข้าว. “Kyarpyan” อยู่ในช่วง 49,000-50,000 จัตต่อถุง ขยับลดลงเหลือ 47,500-48,000 จัตต่อถุง ในทำนองเดียวกัน ก่อนหน้านี้ ราคาข้าวคุณภาพต่ำตั้งไว้ที่ 26,500 จัตต่อถุง แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 25,000 จัตต่อถุง ข้าวอายุ 90 วัน ซื้อขายกันในราคา 31,000 จัตต่อถุง แต่ตอนนี้มีราคาเพียง 30,000 วอนต่อถุงเท่านั้น โดย MRF ให้ข้อมูลว่าราคาข้าวที่ลดลงน่าจะเกิดจากความต้องการบริโภคข้าวในประเทศที่ลดน้อยลง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/domestic-rice-price-falls-slightly/#article-title

รัฐบาลกัมพูชาวางแผนออกพันธบัตรรัฐบาลในปีหน้า

รัฐบาลกัมพูชาวางแผนที่จะออกพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรกเพื่อระดมทุนสนับสนุนโครงการลงทุนสาธารณะ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและผลิตภาพของประเทศ ซึ่งการออกพันธบัตรรัฐบาลถือเป็นส่วนหนึ่งของการลดปริมาณเงินกู้จากต่างประเทศลง โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการระดมทุนจากแหล่งเงินทุนภายในประเทศมากกว่า เพื่อนำมาสนับสนุนโครงการลงทุนสาธารณะประมาณ 35 โครงการ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ชลประทาน โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ และภาคส่วนอื่น ๆ ซึ่งกระทรวงระบุเสริมว่าการออกพันธบัตรถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้ รวมถึงในปัจจุบันปริมาณหนี้สาธารณะของกัมพูชายังคงอยู่ในระดับต่ำอีกด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50958999/cambodia-plans-the-inaugural-issuance-of-300-million-sovereign-bonds-of-300-million-next-year/

รมว.พาณิชย์กัมพูชาร่วมลงนาม FTA กับเกาหลีใต้

กัมพูชาและเกาหลีใต้ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งจะลดภาษีนำเข้าระหว่างกันมากกว่าร้อยละ 90 ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งตกลงกันในขั้นต้นเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาว่า กัมพูชาจะยกเลิกภาษีสินค้าร้อยละ 93.8 และเกาหลีใต้จะยกเลิกการจัดเก็บภาษีร้อยละ 95.6 ของสินค้านำเข้าจากกัมพูชา โดยกระทรวงพาณิชย์กัมพูชากล่าวเสริมว่า FTA ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะขยายตลาดให้กว้างขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ของกัมพูชา ซึ่งตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. ปีนี้ การส่งออกของกัมพูชาไปยังเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 คิดเป็นมูลค่า 259.1 ล้านดอลลาร์ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวมอยู่ที่ 461.4 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามข้อมูลของสมาคมการค้าระหว่างประเทศเกาหลีใต้ โดยปีที่แล้วปริมาณการค้าทวิภาคีลดลงร้อยละ 18 คิดเป็นมูลค่ารวม 885 ล้านดอลลาร์ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50959287/commerce-minister-signs-free-trade-agreement-with-south-korea/

รัฐบาลจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าให้ผู้นำรัฐ

รัฐบาลจะซื้อยานพาหนะไฟฟ้าให้แก่ผู้นำระดับสูงของรัฐภายในปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายลดการนำเข้าเชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซที่เป็นอันตราย การแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินด้วยรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า รัฐบาลเชื่อว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายสำหรับยานพาหนะของรัฐได้อย่างมาก อีกทั้งรัฐบาลสปป.ลาวมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนการใช้งานในสปป.ลาวเป็น 1%ภายในปี 2568 และมากกว่า 30% ภายในปี 2573 การดำเนินนโยบายดังกล่าวตอกย้ำความตั้งใจของรัฐบาลในการลดการนำเข้ารถยนต์ที่ไม่ประหยัดน้ำมันและส่งเสริมการใช้ไฟฟ้า ตลอดจนลดแรงกดดันต่อรัฐบาลในการหาสกุลเงินต่างประเทศที่จำเป็นในการนำเข้าเชื้อเพลิง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_to_buy_209.php

รัฐบาลกัมพูชา อนุมัติร่างกรอบงบประมาณปี 2022

รัฐบาลกัมพูชาอนุมัติร่างกรอบงบประมาณประจำปี 2022 ภายใต้กรอบวงเงิน 8.013 พันล้านดอลลาร์ ส่วนด้านกรอบรายรับของประเทศตั้งไว้ที่ประมาณ 5.771 พันล้านดอลลาร์ โดยร่างกฎหมายงบประมาณได้รับการอนุมัติในการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ต.ค. มีนายกรัฐมนตรีฮุนเซนเป็นประธาน โดยรายจ่ายที่อนุมัติเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบกับปี 2021 หรือเท่ากับร้อยละ 26.4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และรายรับของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.9 หรือคิดเป็นร้อยละ 17.7 ของ GDP โดยรัฐบาลยังได้กำหนดสิทธิไถ่ถอนเงินพิเศษ (SDRs) ไว้ที่ 1,600 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้รัฐบาลสามารถลงนามในการกู้ยืมเงินนำมาบริหารประเทศ จากจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ไทย เกาหลีใต้ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย ธนาคารโลก และจากแหล่งอื่นๆ ซึ่งรัฐบาลยังได้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 4.8 ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.4 ในปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50958209/government-approves-budget-bill-for-2022/

ทางการกัมพูชารายงานถึงจำนวนนักท่องเที่ยวหลังผ่อนคลายมาตรการ

รมว.ท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยว่า กัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วประเทศรวม 139,864 คน ในช่วงวันที่ 23-24 ตุลาคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.27 เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากรัฐบาลกัมพูชาได้ผ่อนคลายข้อกำหนดในการจำกัดการเดินทางลง ซึ่งจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ได้กล่าวข้างต้นคิดเป็นนักท่องเที่ยวภายในประเทศ 136,498 คน หรือร้อยละ 97.59 และอีกจำนวนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 3,366 คน โดยทางการกัมพูชาได้วางแผนที่จะเปิดประเทศในช่วงเดือนพฤศจิกายน ภายใต้การเตรียมพร้อมสำหรับภาคการท่องเที่ยว ร่วมกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด ในการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานร่วมกัน (SOP) เพื่อให้แน่ใจว่าการเปิดประเทศในรูปแบบ “New Normal” จะปลอดภัย สำหรับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะประชาชน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50958640/more-than-130000-tourists-recorded-last-weekend-as-restrictions-are-lightened/

‘ศูนย์พยากรณ์ฯ’ ชี้ธุรกิจมากกว่า 85.7% ในเมืองโฮจิมินห์ ได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-19

ศูนย์พยากรณ์ความต้องการกำลังคนและข้อมูลตลาดแรงงาน (FALMI) สำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มตัวอย่าง 11,502 แห่ง พบว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ บริษัทในเมืองโฮจิมินห์มากกว่า 85.7% ได้รับผลกระทบในเชิงลบจากโควิด-19 โดยภาคธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและซ่อมยานยนต์ส่วนใหญ่ 36.74% ได้รับผลกระทบหนักที่สุด รองลงมา 16.42% ธุรกิจการผลิตและแปรรูป ในขณะที่ธุรกิจบริการข้อมูลสารสนเทศและโทรคมนาคมได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งนี้ เมื่อสอบถามถึงสภาพของธุรกิจ พบว่าธุรกิจส่วนใหญ่ 42.7% ประสบปัญหากับการหาลูกค้าหรือจัดจำหน่ายสินค้า ยิ่งไปกว่านั้น 27.15% มีอุปสรรคกับการเข้าถึงเงินทุน ตามมาด้วย 18.23% มองว่านโยบายช่วยเหลือยังไม่เพียงพอและ 11.92% ประสบปัญหากับการขาดแคลนวัตถุดิบ นอกจากนี้ มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมตามคำสั่งที่ 16 ของรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท้องถิ่นต้องหยุดดำเนินกิจการหรือลดการผลิตลง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/more-than-857-of-enterprises-in-hcm-city-hit-by-covid-19-900306.vov

 

อุตฯอิเล็กทรอนิกส์เวียดนามโตได้ดี แม้เผชิญการระบาดโควิด-19

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมอิเล็กทรอทรอนิกส์ของเวียดนาม นับเป็นภาคอุตฯ ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบในเชิงลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สมาคมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เวียดนาม (VEIA) ชี้ว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อุตฯดังกล่าว สร้างรายได้ให้กับประเทศราว 97-100 พันล้านเหรียญสหรัฐปีนี้ ตลอดจนยังเป็นผู้นำในการส่งออกสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปและคิดเป็นสัดส่วน 30-40% ของ GDP ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 อุตสาหกรรมดังกล่าวมีสัญญาเขิงบวกในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลมาจากความต้องการสินค้าด้านการสื่อสารที่ใช้สำหรับการทำงานและการศึกษา เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ทีวีและอุปกรณ์

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1065358/vns-electronics-industry-continues-to-grow-despite-covid-19.html

 

ปลาดาบเงินตากแห้งขายราคาดีที่ตลาดเจาะพยู

พ่อค้าปลา เผย ปลาดาบเงินตากแห้งในจังหวัดเจาะพยู รัฐยะไข่ เป็นที่นิยมจากผู้ซื้อและขายดีเป็นอย่างมากที่ตลาดเจาะพยู โดยขายในราคา 4,500 จัต จากเรือลากอวน และนำมาขายต่อที่ 5,000 จัตต่อ viss (1 viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) นอกจากการนี้ยังนำไปขายในเมืองมเยาะอู้, เจาะตอ, มี่น-บย่า, อ้าน, ทัตตาอุง และย่าน-บแย ในรัฐยะไข่อีกด้วย แต่ทั้งนี้ไม่สามารถส่งไปขายยังเมืองใหญ่ๆ เช่น ย่างกุ้ง เนปิดอว์ และมัณฑะเลย์ และต่างประเทศได้เนื่องจากไม่มีการติดต่อรับซื้อ ปลาดาบเงินเป็นที่รู้จักในท้องถิ่นว่างาทัยเวแห้งในรัฐยะไข่ ใช้สำหรับทำน้ำพริกและเป็นอาหารแห้งโดยการย่าง ทอด หรือทำเป็นสลัดรวมทั้งรับประทานกับอาหารเช้าแบบดั้งเดิมของเมียนมา เช่น ข้าวเหนียวร้อน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/dried-ribbonfish-marketable-in-kyaukpyu/#article-title