ไชยบุรีเตรียมพัฒนา “ภูเบี้ย” ดึงดูดนักท่องเที่ยว

ไชยบุรีจะถูกกำหนดให้มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้นในจังหวัด จากการประชุมในวันจันทร์ที่ผ่านมาของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ให้ความเห็นสุดท้ายเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ภูเขา “ภูเบี้ย” ภายใต้โครงการ KPG ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับประโยชน์ของการศึกษาความเป็นไปได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาเศรษฐกิจและเทคนิคของโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวภูเบี้ยโดยโครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวในภูมิภาคสู่มาตรฐานสากลควบคู่กับการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาชนบท ประธานกลุ่ม KPG นายคำเปรมสมณะกล่าวว่า “โครงการนี้จะกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวหลักในภูมิภาคซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นเพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาชีวิตของพวกเขาได้” โครงการตั้งอยู่ในเขตอนุวงศ์ ในจังหวัดไชยบุรี และผู้พัฒนาคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับมาตรการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Xaysomboun111.php

รัฐบาลสปป.ลาวประกาศชัยชนะเหนือ Covid-19

เมื่อวันพุธที่ผ่านมารัฐบาลสปป.ลาวประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับ Covid-19 หลังจากผู้ป่วยทั้งหมด 19 คนที่ติดเชื้อได้ออกจากโรงพยาบาลและไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เป็นเวลา 59 วันติดต่อกัน รัฐบาลได้ต่อสู้กับ Covid-19 มากกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา มีการกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมภายใต้คําสั่งนายกรัฐมนตรี เลขที่ 06 ลงวันที่ 29 มี.ค.และวางข้อจำกัดอื่น ๆ รัฐบาลได้อธิบายถึง Covid-19 ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจและเป็นฆาตกรเงียบ แต่ชัยชนะเกิดขึ้นได้จากการมีส่วนร่วมของประชาชนจากทุกภาคส่วน และมีปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายประการที่มีส่วนทำให้ได้รับชัยชนะ รวมถึงการกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมในช่วงต้น แนวทางในการต่อสู้ การสนับสนุนความช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพ ทันเวลาจากทุกภาคส่วนองค์กรระหว่างประเทศและประเทศที่เป็นมิตรให้การสนับสนุน ถึงแม้จะมีความสำเร็จนายกรัฐมนตรีก็เตือนทุกภาคส่วนว่าอย่าประมาทจะต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นและดำเนินการตามคำสั่งและประกาศอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2  เนื่องจากความก้าวหน้าที่ดีในการป้องกันและควบคุมโรครัฐบาลได้ปลดล็อกข้อจำกัดหลายประการภายใต้คำสั่งของนายกรัฐมนตรีหมายเลข 06 แต่จะยังคงประเมินสถานการณ์และแก้ไขมาตรการป้องกันและควบคุมให้เหมาะสมต่อไป

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Lao111.php\

สีหนุวิลล์รายงานถึงการก่อสร้างมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์

พระสีหนุเมืองชายฝั่งของกัมพูชาได้ดึงดูดการลงทุนในโครงการก่อสร้างมูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาซึ่งส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนทางฝั่งประเทศจีน ตั้งแต่ปี 2560 ถึงพฤษภาคม 2563 ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างประมาณ 1,355 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 13,107,209 ตารางเมตร และมีมูลค่า 7.1 พันล้านดอลลาร์ โดยรัฐบาลแห่งชาติกำลังตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนจังหวัดชายฝั่งทะเลให้กลายเป็นเสาหลักเศรษฐกิจหรือเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่หลากหลายของกัมพูชา ซึ่งจุดประสงค์หลักคือการสร้างจังหวัดพระสีหนุให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนที่หลากหลาย โดยจังหวัดสีหนุวิลล์ได้พัฒนาระบบการขนส่งทางบก, ทางน้ำและทางอากาศ ให้กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งสำหรับการเชื่อมต่อ จากการเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50732207/sihanoukville-records-over-7-billion-in-construction/

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชายกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตสำหรับปีหน้า

กระทรวงการท่องเที่ยวได้ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตทั้งหมดในปีหน้าเพื่อช่วยเหลือภาคที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 อย่างไรก็ตามค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจใหม่จะยังคงมีผลบังคับใช้และค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่นค่าปรับสำหรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ไม่ผ่านการรับรองจะยังคงอยู่ โดยการยกเว้นค่าธรรมเนียมจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวว่ารัฐบาลกำลังพยายามช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสทีละขั้นตอน ซึ่งจนถึงขณะนี้ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวใน 2,956 แห่ง ในกัมพูชาได้ปิดตัวไปแล้วทำให้มีผู้ว่างงานถึง 45,405 คน และส่งผลทำให้รายได้จากภาคส่วนใหญ่สูญเสียไปประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50732281/the-ministry-of-tourism-waives-licence-renewal-fees-for-next-year/

โควิดหนุน ‘ช้อปออนไลน์’ ฮิตทั่วอาเซียน

ผลวิจัยล่าสุดชี้ นักช้อปชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มซื้อของกินของใช้และสินค้าจำเป็นอื่นๆ ทางออนไลน์ต่อไป แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าจะยุติลง โดยผลวิจัยจากบริษัทที่ปรึกษา “เบนแอนด์คัมพะนี” และเฟซบุ๊ค เผยว่ากระแสอีคอมเมิร์ซและดิจิทัลมาแรงทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แรงหนุนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่วานนี้ (9 มิ.ย.) มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 7 ล้านคน ซึ่งหุ้นส่วนเบนแอนด์คัมพะนี จากสิงคโปร์ เผยกับเว็บไซต์ซีเอ็นบีซีว่า เทรนด์การซื้อสิ่งของจำเป็นผ่านทางออนไลน์จะดำรงอยู่ต่อไป การซื้อขายของกินของใช้ออนไลน์เป็นภาคส่วนใหญ่ที่ยังไม่ถูกเจาะ ด้วยเหตุผลด้านโลจิสติกส์และอื่นๆ แต่ช่วงไวรัสระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาคส่วนนี้โตขึ้นเกือบ 3 เท่า ผู้ใช้ 1 ใน 3 ที่ให้ข้อมูลกล่าวว่า พวกเขามีแผนซื้อของชำผ่านอินเทอร์เน็ตต่อไป ทั้งนี้การใช้จ่ายซื้อของกินของใช้โดยรวมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ราว 3.5 แสนล้านดอลลาร์ โดยยอดซื้อออนไลน์คิดเป็นเพียงสัดส่วนเล็กๆ ของมูลค่าทั้งหมด แต่ก็เติบโตขึ้นมาก

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/884379

ค้าชายแดน-ผ่านแดน 4 เดือนแรกหดตัว 9.45%

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยสถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในช่วง 4 เดือนแรกปี 2563 (ม.ค.-เม.ย.) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 415,241 ล้านบาท หดตัวลง 9.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น การส่งออก 239,495 ล้านบาท ลดลง 9.68% และการนำเข้า 175,746 ล้านบาท ลดลง 9.13% ทำให้ไทยเกินดุลการค้า 63,749 ล้านบาท โดยการค้าชายแดน 4 ประเทศ พบว่า มาเลเซียเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งมีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 70,022 ล้านบาท หดตัว 32.35% รองลงมาคือ เมียนมา มูลค่า 60,194 ล้านบาท หดตัว 7.08% ตามมาด้วยกัมพูชามูลค่า 59,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.06% และ สปป.ลาว มูลค่า 62,745 ล้านบาท หดตัว 2.63% ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปยังสปป.ลาว ได้แก่น้ำมันดีเซล สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ สินค้าแร่และเชื้อเพลิงอื่นๆ และกัมพูชา ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สินค้าปศุสัตว์ และรถยนต์ อุปกรณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการค้าชายแดนและผ่านแดนลดลง เนื่องจากมีการประกาศปิดจุดผ่านแดนถาวรของไทยโดยจากเดิมทั่วประเทศจำนวน 42 จุด เหลือเพียง 26 จุด ประกอบกับความต้องการสินค้าและปัจจัยการผลิตของประเทศเพื่อนบ้านลดลง

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/Macro_econ/437679?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=Macro_econ

ข้อตกลงการค้า EVFTA ช่วยส่งเสริมภาคเกษตรกรรมของเวียดนาม : EP

ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนามกับสหภาพยุโรป (EU-Vietnam Free Trade Agreement : EVFTA) เป็นประโยชน์ต่อภาคเกษตรของเวียดนาม ตามข้อมูลของรัฐสภาสยุโรป (EP) แม้ว่าภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีจะได้รับการอนุมัติจากสถาแห่งชาติของเวียดนาม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.โดยยกเลิกภาษีนำเข้าถึง 65% สำหรับสินค้าเวียดนาม เมื่อมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ และจนถึงปี 2030 การยกเลิกภาษีจะเท่ากับ 100% ทั้งนี้ เวียดนามยินดีต่อการยกภาษีนำเข้าและโควตาข้าวขาว ข้าวสาร ข้าวหอมมะลิ ปริมาณอยู่ที่ 30,000 , 20,000 และ 30,000 ตัน ตามลำดับ ขณะที่ สินค้าอื่นๆ ได้แก่ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ชาและกาแฟ ได้รับผลประโยชน์จากข้อตกลงดังกล่าว นอกจากนี้ สหภาพยุโรปก็ได้รับประโยชน์ในการส่งออกเนื้อวัว ผลิตภัณฑ์นมและเนื้อหมู ไปยังกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรัฐสภายุโรปมองว่าข้อตกลง EVFTA สร้างผลประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย และคาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังยุโรปกว่า 15 พันล้านยูโร

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/evfta-to-benefit-vietnams-agricultural-sector-ep-official/174596.vnp

ราคาข้าวสารส่งออกของเวียดนาม ปรับตัวลดลงหลังจากทำสถิติต่ำสุด

ราคาข้าวสารส่งออกลดลงประมาณร้อยละ 7-8 ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่เตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี โดยผู้ส่งออกข้าวส่วนใหญ่ตั้งฐานการผลิตอยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ทำให้ธุรกิจขายได้ในราคาที่สูง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘ราคาข้าวสารส่งออกเริ่มมีการปรับตัวลดลง ไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นผลมาจากจีนและฟิลิปปินส์ระงับการนำเข้าข้าวชั่วคราว’ ทั้งนี้ ปัจจุบัน ผู้ประกอบการข้าวส่วนใหญ่ยังคงมีข้าวคงค้างสต๊อกจำนวนมาก อาทิ บริษัท Viet Hung ระบุว่าบริษัทได้ส่งออกข้าวราว 50,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของแผนที่ตั้งเป้าส่งออกทั้งปี ในขณะเดียวกัน ยังมีสินค้าคงคลังมากกว่า 10,000 ตัน ที่ต้องรอการเพาะปลูกพืชพันธุ์ฤดูหนาว-ใบไม้ผลิ นอกจากนี้ เวียดนามขายข้าวได้ในระดับราคาที่สูงในตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง จีน เป็นต้น ถึงแม้ว่ากลุ่มประเทศดังกล่าวจะให้โควตาเต็มแล้วก็ตาม ขณะที่ ฟิลลิปปินส์หยุดการนำเข้าข้าวและกำลังรอคำสั่งจากรัฐบาล

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/rice-export-price-begins-to-decline-following-record-high-414708.vov

การก่อสร้างสะพานบ่อแก้ว-ไชยบุรี ดำเนินการแล้วกว่า 50%

สะพานบ่อแก้ว-ไชยบุรีแล้วเสร็จไปแล้วกว่าร้อยละ 55 ของโครงการทั้งหมด โดยสะพานดังกล่าวจะมีความยาว 505 เมตรทอดยาวไปตามลำน้ำโขงระหว่างอำเภอปากท่อจังหวัดบ่อแก้วและอำเภอพบพระในจังหวัดไชยบุรีและยังเชื่อมต่อไปยังประเทศไทยได้อีกด้วย สะพานดังกล่าวเกิดจากการระดมทุนของรัฐบาลสปป.ลาวในต้นเดือนตุลาคม 2017 ซึ่งสามารถระดมทุนได้ถึง 3 พันล้านกีบ สะพานแห่งนี้จะให้การเชื่อมโยงที่เข้าถึงได้มากขึ้นจากถนนแห่งชาติหมายเลข 2243 จะเป็นเส้นทางลัดสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ที่เดินทางผ่านพื้นที่และอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างสปป.ลาวและไทย สะพานจะมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคนอกจากนี้เมื่อเสร็จแล้วจะเป็นสะพานเหล็กที่ยาวที่สุดในสปป.ลาว อีกด้วย โครงการก่อสร้างสะพานเพื่อเป็นเส้นทางลัดสำหรับการเดินทางหรือการค้าของสปป.ลาวยังมีอีกหลายโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวในอนาคตของสปป.ลาว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Construction110.php