MoIT เสนอให้เริ่มส่งออกข้าว

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) ขอให้รัฐบาลดำเนินการส่งออกข้าวต่อไป อย่างไรก็ตามปริมาณการส่งออกจะถูก จำกัด ที่ 800,000 ตันในเดือนเมษายนและพฤษภาคม MoIT เสนอให้อนุญาตให้ส่งออกข้าวแต่ต้องควบคุมโควต้ารายเดือนอย่างเข้มงวดหลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อความมั่นคงด้านอาหารท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 แผนดังกล่าวเป็นไปตามประกาศจากกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเรื่องปริมาณข้าว 3.2 ล้านตันซึ่งสามารถส่งออกได้ในฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ นี่คือปริมาณที่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ การส่งข้าวประมาณ 1.7 ล้านตัน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ดังนั้นการส่งออกข้าวในอนาคตจะอยู่ที่ 1.5 ล้านตัน ในขณะเดียวกันปริมาณข้าวสำรองทั้งหมดในอีกสองเดือนข้างหน้าจะมีปริมาณ 700,000 ตัน โดยเฉพาะการส่งออกข้าวจะได้รับอนุญาตผ่านประตูชายแดนระหว่างประเทศเท่านั้น เช่น ถนน รถไฟทาง และทางทะเล ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 เมียนมาห้ามส่งออกข้าวใหม่เพื่อให้แน่ใจว่ามีอุปทานภายในประเทศเพียงพอที่จะรับมือกับการระบาด COVID-19

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/moit-proposes-to-resume-rice-exports

เมียนมาคลายข้อจำกัดศุลกากรบางประการเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า

รัฐบาลจะลดข้อจำกัดทางการค้าและความล่าช้าของราชการเพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าและส่งออกระหว่างการระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนกรมศุลกากรจะลดภาษีศุลกากรสำหรับธุรกิจที่ดำเนินงานด้วยระบบการเคลียร์สินค้าออกจากคาร์โก้แบบอัตโนมัติ (MACCS) ผู้ที่ต้องการสมัครเพื่อลดภาษีศุลกากรจะต้องส่ง E-Form D พร้อมกับหมายเลขอ้างอิงที่ได้รับจากประเทศอื่น ๆ เพื่อยื่นขอเอกสารที่จำเป็นเพื่อขยายเวลา ผู้อำนวยการฝ่ายศุลกากรกล่าวว่าเอกสารจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดโดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับยาและผลิตภัณฑ์อาหารที่อยู่ภายใต้การควบคุมขององค์การอาหารและยา

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/some-customs-restrictions-be-eased-facilitate-trade.html

สมาคมเวียดนาม-สปป.ลาวมอบเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อช่วยเหลือสปป.ลาว

เมื่อวันที่ 21 เมษายนผ่านมาสมาคมมิตรภาพเวียดนาม – ลาวได้มอบเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อช่วยเหลือสปป.ลาวโดยเฉพาะแพทย์และพยาบาลที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการป้องกันและต่อสู้กับ COVID-19 โดยเวชภัณฑ์ประกอบด้วยชุดป้องกัน 500 ชุดและหน้ากากป้องกันใบหน้า 18,500 ชุด หน้ากากทางการแพทย์ 17,500 ชุดและหน้ากากผ้าต้านเชื้อแบคทีเรีย 1,000 ชุด การช่วยเหลือดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นปึกแผ่นระหว่างสองประเทศ เพื่อเอาชนะความยากลำบากที่เกิดจากการระบาดของ COVID-19 รวมถึงเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีของทั้ง 2 ประเทศ จะเป็นประโยชน์กันในภายภาคหน้าเพราะสปป.ลาวถือเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของเวียดนามหากสปป.ลาวฟื้นตัวได้เร็ว เศรษฐกิจกลับมาเหมือนเดิมจะทำให้การค้าระหว่างประเทศกับมาขยายตัวได้เหมือนเดิม การช่วยเหลือดังกล่าวจึงเป็นทั้งการช่วยเหลือด้านสาธารณะสุขและเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ

ที่มา : http://kpl.gov.la/En/Detail.aspx?id=51828

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในกัมพูชาขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐบาล

ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเรียกร้องให้รัฐบาลหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการชะลอการจ่ายดอกเบี้ยและการชำระคืนเงินต้นสำหรับธุรกิจในภาคที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของ COVID-19 ณ วันที่ 17 เมษายน มีโรงแรม 2,698 แห่ง, เกสต์เฮาส์, ร้านอาหารและตัวแทนการท่องเที่ยวในธุรกิจการบริการในภาคการท่องเที่ยวได้ถูกสั่งปิดทั่วประเทศ โดยในเดือนกุมภาพันธ์รัฐบาลประกาศว่าธุรกิจการบริการที่ได้รับการจดทะเบียนในจังหวัดเสียมราฐที่ได้รับผลกระทบจากการลดน้อยลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจนแทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ได้รับการลดหย่อนภาษีจนถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลยังได้ยกเว้นภาษียืดไปอีกสามเดือน (ครอบคลุมเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม) สำหรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบในจังหวัดต่าง ๆ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50715483/tourism-industry-asks-for-further-govt-help/

การไหลออกของ FDI จากตลาดเกิดใหม่อาจส่งผลต่อกัมพูชา

การไหลออกของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น กัมพูชา อาจได้รับผลกระทบด้านลบต่อตลาดการเงิน การบริโภค ความเชื่อมั่น การลงทุน การค้าระหว่างประเทศและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนตัวลงจากผลกระทบของมาตรการด้านสุขภาพที่รุนแรงเพื่อตอบสนองต่อการระบาดของ COVID-19 โดยนักเศรษฐศาสตร์พิจารณาว่าการลดลงอย่างรุนแรงนี้อาจเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงสำหรับกัมพูชาเนื่องจากการถอนเงินทุนจำนวนมากและฉับพลันสามารถก่อให้เกิดความกังวลด้านสภาพคล่องสำหรับทั้งธนาคารกลาง และบริษัทขนาดใหญ่รวมทั้งส่งผลกระทบต่อศักยภาพของประเทศสำหรับการเติบโต และลดศักยภาพการส่งออก ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากัมพูชาได้รับการดึงดูดสูงเป็นประวัติการณ์ของกระแสเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศจีนด้วยการลงทุนเน้นไปที่ภาคการผลิต โดยกัมพูชาดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 3.588 พันล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2562 เพิ่มขึ้น 11.7% จาก 3.212 พันล้านดอลลาร์ในปี 2561 คิดเป็นการลงทุนจากจีนคิดเป็น 43% เกาหลีใต้ 11% เวียดนาม 7% ญี่ปุ่น 7% และสิงคโปร์ 6% ตามรายงานความคืบหน้าของเศรษฐกิจมหภาคและการธนาคาร 2562 และแนวโน้มปี 2563

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50715485/record-fdi-outflow-from-emerging-markets-could-leave-cambodia-exposed/

นายกฯ มอบ มท.-พาณิชย์จัดการ แก้ปัญหาขนส่งสินค้าข้ามเขต ชี้เคอร์ฟิวเป็นเหตุน้ำพริกบูด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ รมว.กลาโหม มอบหมายในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้หน่วยงานกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทยและฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันหาทางแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่จำเป็นต้องส่งสินค้าข้ามจังหวัดในช่วงที่มีการเคอร์ฟิว หลังพบการร้องเรียนจากผู้ประกอบธุรกิจหลายรายว่า แต่ละจังหวัดมีมาตรการการตรวจสอบไม่เหมือนกัน ทำให้การขนส่งสินค้าไม่สะดวก โดยผลการประชุมสำคัญเรื่องแรกเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 มาตรการการกีดกันการเคลื่อนย้ายพรมแดนควรขึ้นอยู่กับการพิจารณาด้านสาธารณสุข ไม่ควรมีการจำกัดการค้าในภูมิภาคโดยไม่จำเป็น รวมถึงได้ข้อตกลงร่วมกันเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาด พร้อมเห็นชอบในหลักการการลดค่าธรรมเนียมการให้บริการโทรศัพท์ข้ามแดนระหว่างประเทศให้เป็นอัตราเดียวกันในอาเซียน โดยรอผลการพิจารณาจากองค์กรรายสาขาที่เกี่ยวข้อง และยังเห็นชอบให้มีการลงนามความตกลงยอมรับร่วมสาขายานยนต์อาเซียนภายใน ส.ค.63 นี้

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/business/1827079

โครงการรถไฟฟ้าลาว-จีนยังคงมีการก่อสร้างในสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19

แรงงานสปป.ลาวกว่า 30 คน กำลังก่อสร้างโครงการรถไฟลาว-จีนที่เกือบจะแล้วเสร็จซึ่งจะเชื่อมโยงสปป.ลาวกับประเทศจีน แต่จากการระบาดCOVID-19 ทำให้นายจ้างผู้รับเหมาที่เป็นชาวจีนต้องกลับประเทศทำให้แรงงานก่อสร้างได้เงินเดือนล่าช้าพวกเขามีความกังวลเกี่ยวกับการได้เงินเดือนที่ล่าช้า ภาคการก่อสร้างเป็นส่วนที่รัฐบาลออกคำสั่งให้จำกัดจำนวนคนงานและกำหนดให้คนงานที่ไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคทำให้อุตสาหกรรมบางแห่งหยุดทำงานอย่างไรก็ตามภาคการก่อสร้างได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อไปแม้ว่าจะมีคนงานน้อยลงโครงการดังกล่าวขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ 90% ได้รับการคาดการณ์ว่าจะทำให้ภาคธุรกิจลดต้นทุนการส่งออกได้ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม

ที่มา : https://www.rfa.org/english/news/laos/railway-workers-04212020175011.html

รัฐบาลออกมาตราการช่วยเหลือแรงงานและภาคธุรกิจจากผลกระทบ COVID-19

พนักงานที่เป็นสมาชิกของโครงการประกันสังคมของธุรกิจจะมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือประมาณ 500,000 กีบเป็นระยะเวลาสองเดือนในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 จัดทำโดยกองทุนประกันสังคมแห่งชาติ (NSSF) การจ่ายเงินจะทำเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ว่างงานในขณะนี้หลังจากที่โรงงานได้รับคำสั่งให้ปิดกิจการชั่วคราว ทำให้แรงงานอย่างน้อย 551,200 คนหรือประมาณ 70% ของแรงงานในภาคอุตสาหกรรมว่างงานและต้องความช่วยเหลือทางการเงินอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ภาคธุรกิจยังเรียกร้องรัฐบาลขอให้ธนาคารขยายระยะเวลาการชำระคืนสำหรับสินเชื่อและดอกเบี้ยรวมถึงกองทุนกู้เงินฉุกเฉินแบบด่วนสำหรับธุรกิจ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID ในสปป.ลาวมีแนวโน้มดีขึ้นและคาดว่าจะกลับมาเป็นปกติในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt75.php

หน่วยงานของสหประชาชาติเริ่มดำเนินการเพื่อช่วยเหลือภาคเกษตรกรรมในกัมพูชา

กองทุนระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาการเกษตร (IFAD) ซึ่งเป็นองค์กรด้านการเงินระดับโลกและหน่วยงานพิเศษของสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศแผนการที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อยกระดับภาคเกษตรกรรม และบรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 โดยความร่วมมือดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการทางเศรษฐกิจของชุมชนในชนบทโดยการสร้างโอกาสให้กับแรงงานเกษตรกรและการขยายโอกาสสำหรับเกษตรกรรายย่อยด้วยการสนับสนุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งโครงการบริการการเกษตรเพื่อนวัตกรรมความยืดหยุ่นและการขยายตัว (ASPIRE) จะถูกนำโดย MAFF และมุ่งเน้นในทันทีคือการรักษาการผลิตผักใบเขียวและไข่ไก่เป็นองค์ประกอบสำคัญของอาหารท้องถิ่น พร้อมกันกับโครงการเร่งรัดการรวมตลาดสำหรับผู้ถือครองรายย่อย (AIMS) ที่นำโดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นช่องทางในการจัดหาทรัพยากรเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านชลประทานในฟาร์มแก่เกษตรกรเพื่อสนับสนุนในการผลิตสินค้าเหล่านี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50715086/un-agency-springs-into-action-to-aid-agriculture-sector/

ผ้าไหมในกัมพูชาอาจเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่น่าสนใจหลังการระบาด Covid-19

เจ้าหน้าที่อาวุโสของมหาวิทยาลัย Royal University of Phnom Penh (RUPP) ได้เรียกร้องให้ชุมชนท้องถิ่นภาคเอกชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการพัฒนาโครงการผ้าไหมในประเทศกัมพูชา โดยประธานคณะกรรมาธิการ RUPP และผู้อยู่เบื้องหลังศูนย์วิจัยผ้าไหมกล่าวว่าสถาบันของเขามีความรู้และทรัพยากรเพียงพอที่จะมอบไหมที่มีคุณภาพและต้นหม่อนให้กับชุมชนในชนบท ซึ่งเสริมว่า COVID-19 จะสร้าง “New Normal” สำหรับประเทศกัมพูชา โดยการเรียนรู้อย่างหนึ่งคือประเทศกัมพูชาต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในชนบทเพื่อให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในอนาคต ภายในบริบทนี้ผ้าไหมอาจเป็นองค์ประกอบหนึ่ง จากข้อมูลของ Mey มีการใช้ไหมถึง 400 ตัน ในประเทศทุกปีส่วนใหญ่จะทำการนำเข้ามามากกว่าการผลิตไหมเอง ซึ่งการผลิตผ้าไหมจะช่วยให้เกษตรกรสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนตลอดระยะเวลาหลายปีที่พวกเขาสามารถขายใบหม่อนหรือรังไหมให้โรงงานในกำปงสปรือ โดยสามารถสร้างรายได้ระหว่าง 500-600 เหรียญสหรัฐ ในทุกรอบการเก็บเกี่ยวต่อเฮกตาร์และถ้าเกษตรกรสามมรถทำได้ถึง 6 รอบต่อปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50715091/silk-could-be-a-slick-way-forward-post-covid-19/