สปป.ลาวจะเข้าสู่การlockdownประเทศ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส covid-19 ทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่ง ณ ขณะนี้สปป.ลาวพบผู้ติดเชื้อแล้ว 9 คนตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาถึงแม้ตัวเลขที่ติดเชื้ออาจไม่สูงมากนักแต่ทางการสปป.ลาวก็ได้มีมาตราการเพื่อป้องกันและลดการขยายในการแพร่ระบาดโดยเริ่มจากการที่รัฐบาลสปป.ลาวประกาศให้ประชาชนอาศัยอยู่บ้านและลดกิจกรรมพบปะต่างๆ แต่มาตราการดังกล่าวก็ได้เพิ่มความเข้มงวดไปอีกหลังจากยอดผู้ติดเชื้อของสปป.ลาวยังเพิ่มขึ้นโดยรัฐบาลได้ปิดด่านพรหมแดนต่างๆ รวมถึงให้หน่วยงานเอกชนและราชการทำงานจากที่บ้านมีผลตั้งแต่วันนี้ 1 เมษายนถึง 19 เมษายนรวมถึงห้ามมิให้มีการรวมตัวกันมากกว่า 10 คนและยกเลิกกิจกรรมทุกอย่างที่จะจัดในเดือนนี้ ทั้งนี้เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในสปป.ลาว

ที่มา : https://www.ttrweekly.com/site/2020/04/laos-goes-into-total-lockdown/

เครือข่าย 5G ในกัมพูชารอการอนุญาตเปิดตัวหลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบแล้ว

กระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมของกัมพูชาได้ออกหนังสืออนุมัติให้กับบริษัท 5 แห่ง ที่เปิดตัวเครือข่าย 5G ซึ่งเป็นก้าวถัดจากเครือข่ายมือถือเดิมที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็น 4G หรือ LTE ที่ให้ความเร็วที่เร็วขึ้นและแบนด์วิดธ์ที่มากขึ้น โดยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมกล่าวว่าผู้ให้บริการทั้ง 5 ราย ได้ทำการทดสอบบนเครือข่ายเรียบร้อยแล้ว รวมถึง Cam GSM, Smart Axiata Co Ltd, Metfone, Seatel และ บริษัท Kingtel Communications Ltd. ในเวียดนาม ซึ่งกำลังที่จะเปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุดอย่างเต็มระบบในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาในการเริ่มให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ โดยต้องรอการอนุมัติเพื่อระบุคลื่นความถี่สำหรับ 5G จาก International Telecommunication Union (ITU) ก่อนหลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบพวกเขาจะต้องรอจนกว่านโยบายอย่างเป็นทางการจะถูกกำหนดโดยกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมระบุช่วงความถี่ที่จะสอดคล้องกับ ITU ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกในเทคโนโลยี 5G

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50707625/operators-get-the-green-light-for-launching-on-the-5g-network-after-completing-trials/

นายกฮุนเซนสั่งห้ามส่งออกข้าวเพื่อป้องกันอุปทานภายในประเทศ

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้สั่งหยุดการส่งออกข้าวขาวและข้าวเปลือกทั้งหมดกำหนดตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนจนกว่าจะมีประกาศให้ทำการส่งออกดังเดิม โดยนายฮุนเซนกล่าวในการแถลงข่าวหลังจากการประชุมรัฐสภาว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ทำไปเพื่อปกป้องอุปทานภายในประเทศเพื่อตอบสนองต่อการขาดแคลนอาหารในช่วงของการระบาด COVID-19 ซึ่งรัฐบาลได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้ผู้ผลิตข้าวและผู้ส่งออกสามารถจัดการและควบคุมสต็อค รวมถึงเคลียคำสั่งซื้อต่างๆที่มีอยู่ จากรายงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กัมพูชาได้ส่งออกข้าวสาร 214,612 ตัน ไปยังตลาดต่างประเทศ โดยคิดเป็นส่งออกไปยังประเทศจีน 94,060 ตัน สหภาพยุโรป 62,998 ตัน ตลาดอาเซียน 27,937 ตัน และตลาดอื่น ๆ 29,617 ตัน รวมไปถึงการส่งออกอย่างไม่เป็นทางการที่คาดว่ามากกว่า 800,000 ตัน ไปยังเวียดนาม ซึ่งรองประธานสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) กล่าวว่าการส่งออกข้าวขาวของกัมพูชายังคงมีเสถียรภาพ โดยข้าวขาวที่ผลิตในประเทศส่งออกประมาณ 20 ถึง 25% ในแต่ละเดือน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50707627/pm-bans-white-rice-and-paddy-exports-in-effort-to-safeguard-local-supply/

ครม.อนุมัติบริจาคเพิ่มทุนสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ 159.91 ล้าน

ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการบริจาคเพิ่มทุนในสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ (International Development Association : IDA) ครั้งที่ 19 (IDA 19) ของประเทศไทย จำนวน 159.91 ล้านบาท โดยแบ่งชำระออกเป็น 9 งวด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2572 โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กค.) และสำนักงบประมาณ (สงป.) ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ สมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ (IDA) เป็นสถาบันในกลุ่มธนาคารโลกมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจนที่สุดในรูปแบบเงินให้เปล่า (Grant) และเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน ในครั้งนี้กระทรวงการคลังเสนอให้ไทยบริจาคเงินเพิ่มทุนใน IDA ครั้งที่ 19 (IDA 19) จำนวน 159.91 ล้านบาท โดยแบ่งชำระออกเป็น 9 งวด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2572 และสามารถบริจาคในรูปแบบเงินบาทได้ จึงไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน การบริจาคเพิ่มทุนใน IDA 19 สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และเป็นการรักษาจุดยืนของประเทศไทยที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่มีฐานะยากจน ซึ่งรวมถึงประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากผลการพัฒนาของประเทศเหล่านี้ในทางอ้อม ผ่านช่องทางการค้า การลงทุน และความเชื่อมโยงของภูมิภาคและเป็นการส่งเสริมบทบาทภูมิภาคอาเซียนในการเป็นกำลังสำคัญเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคและเศรษฐกิจโลกต่อไป

ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9630000032896

กระทรวงเสนอจำกัดปริมาณการส่งออกข้าว 400,000 ตันต่อเดือน

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) ได้เสนอแผนต่อนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการควบคุมปริมาณส่งออกข้าวต่อเดือนและการกักตุน 400,000 ตัน จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยข้อเสนอดังกล่าวนั้น คาดว่าปริมาณการส่งออกข้าวในเดือนเม.ย.-พ.ค. อยู่ที่ประมาณ 800,000 ตัน และนากยรัฐมนตรีจะนำไปพิจารณาถึงการส่งออกข้าวในเดือนพ.ค. ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเม.ย. ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯ เสนอให้ส่งออกข้าวผ่านชายแดนระหว่างประเทศเท่านั้น ซึ่งมีอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตครบครันที่จะทำให้กรมศุลกากรสามารถตรวจสอบได้ สำหรับความต้องการบริโภคและการเก็บสินค้า ทางกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทคาดว่าความต้องการข้าวเปลือกในประเทศปีนี้ อยู่ที่ 29.96 ล้านตัน ส่วนที่เหลือจะนำไปส่งออกประมาณ 13.5 ล้านตัน

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/ministry-proposes-limiting-rice-exports-to-400000-tonnes-per-month-411991.vov

ส่อง GDP กรุงฮานอย โต 3.27% ในช่วงไตรมาสแรก

จากข้อมูลของหน่วยงานสถิติประจำเมือง ระบุว่ากรุงฮานอย มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภูมิภาค (GRDP) ไตรมาสแรกของปี 2563 ปรับตัวขึ้นร้อยละ 3.27 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยภาคเกษตร ป่าไม้และประมง ลดลงร้อยละ 1.17 ขณะที่ ภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้างและภาคบริการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.46 และ 3.2 ตามลำดับ สำหรับภาคการค้าปลีกและบริการ มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 135.7 ล้านล้านด่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน การท่องเที่ยว การขนส่ง บริการจัดงานเลี้ยง อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป การค้าระหว่างประเทศและภาคบริการอื่นๆ ปรับตัวลดลงอย่างหนัก ทั้งนี้ เมืองหลวงดึงดูดเม็ดเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ที่ 389 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยโครงการใหม่ 170 โครงการ และอีก 36 โครงการที่ปรับเพิ่มทุน รวมถึงมูลค่าอีก 257.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากการซื้อหุ้น ซึ่งในปัจจุบัน กรุงฮานอยได้ดึงดูดโครงการ FDI อยู่ที่ 6,102 โครงการ คิดเป็นมูลค่าจดทะเบียน 42.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hanoi-reports-327percent-gdp-growth-in-q1/170976.vnp

ทางรถไฟวงแหวนของย่างกุ้งลดจำนวนเที่ยวโดยสารลง

จากการติดเชื้อ COVID-19 ได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้โดยสารรถไฟของย่างกุ้งลดลง การรถไฟเมียนมาจึงตัดสินใจลดจำนวนเที่ยวรถไฟลงตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ปัจจุบันเส้นทางวงเวียนในย่างกุ้งมีความจุ 198 ตู้ จากจำนวนทั้งหมด 69 ตู้โดยสารซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของความจุผู้โดยสารรวมจะถูกหยุดชั่วคราวทำให้เหลือเที่ยวโดยสาร 99 เที่ยวที่ดำเนินการตามปกติ ปกติมีผู้โดยสารกว่า 50,000 คนเดินทางบนรถไฟทุกวัน แต่ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 30,000 คน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/yangons-circular-railway-line-carriages-be-reduced.html

ก่อสร้างหดตัวเนื่องจากการระบาดของ COVID-19

สหพันธ์ผู้ประกอบการก่อสร้างของเมียนมา (MCEF) ให้ข้อมูลว่าการก่อสร้างเมียนมาชะลอตัวลงราว 30% เนื่องจากการขาดแคลนวัสดุก่อสร้างที่นำเข้าและบางส่วนได้หยุดชั่วคราวเนื่องจากปัญหากระแสเงินสด ประมาณ 70%  ของโครงการยังคงทำงานตามปกติแต่สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายนัก จากผลกระทบของการระบาด COVID-19 โครงการก่อสร้างต้องหยุดลงหากรัฐบาลเรียกร้องให้มีการหยุดโครงการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส คนงานได้รับอนุญาตให้กลับบ้านเกิดของพวกเขาหากพวกเขาต้องการและโครงการก่อสร้างดำเนินงานไปบางส่วน เพื่อรักษางานและเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไป

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/construction-contraction-due-virus-outbreak.html

คณะกรรมการป้องกันและควบคุมของ Covid-19 ขอความร่วมประชาชนในการดาเนินการป้องกัน Covid-19 อย่างเคร่งครัด

คณะกรรมการระดับชาติที่รับผิดชอบการป้องกันและควบคุมของ Covid-19 (Taskforce) ได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วประเทศดำเนินการตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีอย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากจำนวนผู้ป่วยไวรัสเพิ่มขึ้นเป็น 9 คนในปัจจุบัน ทั้งนี้รัฐบาลได้กำหนดมาตรการสำคัญเพื่อจากัด การเคลื่อนไหวอย่างอิสระ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนจนถึงวันที่ 19 เมษายน ยกเว้นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ต่อสู้กับ Covid-19 รวมถึงงานสาคัญอื่น ๆ มาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเนื่องจากรัฐบาลเชื่อว่าหากยังมีการพบปะกันของประชาชนในระยะยาวจะทำให้มีการแพร่เชื้อไวรัสสู่ผู้อื่นได้ ทั้งนี้ปัจจุบันไม่เพียงแค่การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 เท่านั้นที่สปป.ลาวกาลังเผชิญแต่ปัญหาในเรื่องฝุ่น P.M. 2.5 ก็ยังพบว่ามีค่าเกินมาตราฐานในหลายพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณที่ติดชายแดนทางตอนเหนือของไทย ทำให้มาตราการที่ออกมาดังกล่าวจะต้องครอบคลุมในการแก้ปัญหาค่าฝุ่นที่เกินมาตราฐานด้วย รัฐบาลเชื่อว่าหากประชาชนให้ความร่วมมือได้อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้ปัญหาที่เผชิญในปัจจุบันบรรเทาลงและกลับมาฟื้นตัวได้ในอนาคต

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Taskforce.php

รัฐบาลสปป.ลาวแจ้วสถานทูตต่างประเทศในสปป.ลาวถึงมาตราการป้องกัน COVID -19

รัฐบาลสปป.ลาวได้จัดการประชุมระหว่างรัฐบาลและสถานทูตต่างประเทศ ผู้แทนทางการทูตและองค์กรระหว่างประเทศในสปป.ลาวเพื่อทำความเข้าใจและวางแผนแก้ไขปัญหาที่พวกเขาอาจเผชิญในระหว่างการปิดตัวของสปป.ลาวเพื่อต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโควิด -19 โดยในที่ประชุมมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนาย Saleumxay Kommasith เป็นประธานได้กล่าวว่า“ เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสื่อสารกับต่างชาติที่อาศัยและทางานในสปป. ลาวในมาตรการใด ๆ ที่รัฐบาลจะดาเนินการต่อไปเพื่อตอบสนองต่อ Covid-19 โปรดทราบว่าเราจะดำเนินการผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงต่างประเทศของเราหากรัฐบาลดำเนินมาตรการเพิ่มเติม ” คาสั่งของนายกรัฐมนตรีใหม่นี้ครอบคลุมถึงมาตรการที่เข้มงวดเกี่ยวกับการข้ามประเทศและการเดินทางภายในประเทศลาว ทั้งนี้เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของประชาชนชาวสปป.ลาวและผู้อยู่ในสปป.ลาวทุกคน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos64.php