ผู้ประกอบการเวียดนามลงทุนกว่า 430 ล้านเหรียญสหรัฐฯไปยังต่างประเทศ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

จากข้อมูลของสำนักงานลงทุนต่างประเทศ ภายใต้กระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่าผู้ประกอบการเวียดนามลงทุนประมาณ 431.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปยังต่างประเทศ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยส่วนใหญ่ลงทุนในภาคการค้าปลีกค้าส่ง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.6 ของการลงทุนรวม รองลงมาภาควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเกษตรกรรม และภาคอสังหาริมทรัพย์ ตามลำดับ ซึ่งในบรรดา 30 ประเทศทั่วโลก นักการเงินเวียดนามส่วนใหญ่ลงทุนไปยังประเทศออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่า 140.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมาสเปน กัมพูชา และสิงคโปร์ ตามลำดับ ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าว ธุรกิจท้องถิ่นได้อัดฉีดเงินทุนเข้าสู่ตลาดใหม่ สังเกตได้จากเวียดนามอัดฉีดเงินทุน 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปยังสปป.ลาว สำหรับการลงทุนในประเทศ ส่วนใหญ่ลงทุนในภาคการเกษตรกรรม การเงิน ภาคธนาคาร ประกันภัยชีวิต และโทรคมนาคม เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnamese-firms-invest-over-us430-million-abroad-in-nine-months-406166.vov

ซูซูกิเปิดแผนผ่อนชำระสำหรับรถสี่รุ่น

บริษัท รถยนต์ซูซูกิเมียนมาร์มอเตอร์ จำกัด เปิดตัวแผนการผ่อนชำระใหม่สำหรับรถยนต์สี่รุ่นในสายการผลิตในประเทศ โดยร่วมมือกับธนาคารสหกรณ์ จำกัด (มหาชน) โดยโครงการใหม่นี้สำหรับผู้ที่ซื้อรุ่น Ciaz, Ertiga, Swift GL และ Swift GLX ในเดือนนี้ โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อด้วยการชำระเงินดาวน์ 20 เปอร์เซ็นต์จากนั้นชำระยอดเป็นรายเดือนรวมถึงประกันของ GGI Insurance วัตถุประสงค์ของธนาคารคือการส่งเสริมการบริการทางการเงินใหม่ ๆ สำหรับผู้บริโภค รถซูซูกิที่เข้าร่วมในโครงการนี้ ได้แก่ Ciaz ราคาอยู่ที่ 27 ล้านจัต, Ertiga mpv ที่ 27.2 ล้านจัต, Suzuki Swift GL และ GLX  แฮทช์แบค ที่ .9.9 ล้านจัตและ 24.1 ล้านจัตตามลำดับ

ที่มา :https://www.mmtimes.com/news/suzuki-launches-instalment-plan-purchases-four-models.html

ตัวเลขนักท่องเที่ยวเมียนมาเพิ่ม

กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวเผยข้อมูลตั้งแต่เดือน ม.ค-ก.ย.ปีนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากกว่า 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 390,000 รายหรือ 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นประเทศในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่นเ กาหลีใต้ และจีน ผลจากการผ่อนคลายวีซ่าในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว วีซ่าอนุญาตให้พำนักในประเทศได้นานถึง 28 วัน ในวันที่ 1 ตุลาคมรัฐบาลได้ขยายวีซ่าเดินทางเข้าประเทศจากเยอรมนี รัสเซีย สเปน อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรเลียเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศตะวันตกให้มากขึ้น นักท่องเที่ยวมีเวลาน้อยมากในการเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวในปีนี้รับรู้เรื่องการผ่อนคลายวีซ่าล่วงหน้าแค่ 3 เดือน มีเพียงนักเดินทางแบบแบ็คแพ็คเท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินกับนโยบายใหม่ได้ ตั้งแต่ ม.ค. –ก.ย.ปีนี้มีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปกว่า 120,000 คน ลดลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากข้อมูลพบว่าผู้มาเยือนจากเยอรมนี อิตาลี รัสเซีย สเปน และโปแลนด์ใช้เวลาเฉลี่ย 14 วันและอยู่ในกลุ่มผู้ใช้จ่ายสูงสุด

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/tourist-numbers-myanmar-rise.html

รัฐบาลต้องการกลไกที่แข็งแกร่งเพื่อลดการกระทำผิดทางการเงิน: NA

สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ กระตุ้นให้รัฐบาลกำหนดมาตรการที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขการละเมิดที่เกี่ยวข้องกับการเงินของรัฐ องค์กรตรวจสอบของรัฐฝ่ายนิติบัญญัติกล่าวว่ามันไม่สมเหตุสมผลหากรัฐบาลไม่ได้ทำตามผลการตรวจสอบของหน่วยงานตรวจสอบ และรัฐบาลควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นใช้จ่ายเงินของรัฐซึ่งไม่รวมอยู่ในงบประมาณของรัฐในกรณีฉุกเฉิน สิ่งนี้จะช่วยกำจัดการละเมิดวินัยทางการเงิน และได้นำเสนอการตรวจสอบทางการเงินในปี 61 พบว่าหน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่นหลายแห่งไม่ได้ส่งเงินที่เก็บรวบรวมเพื่อส่งไปยังคลังแห่งชาติตามที่กฎหมายกำหนด ประมาณ 433 ล้านกีป สมาชิกสมัชชาแห่งนครหลวงเวียงจันทน์กล่าวว่าควรมีการจัดตั้งหน่วยงานกลาง สมาชิกสมัชชาแห่งแขวงสะหวันนะเขตกล่าวว่าขอให้หน่วยงานกลางจัดให้มีการดูแลอย่างใกล้ชิดและทันท่วงที และการเชิญหน่วยงานของรัฐมาอธิบายการกระทำผิด สมาชิกสมัชชาแขวงเชียงขวางกล่าวว่ารัฐบาลควรลดงบประมาณที่จัดสรรให้กับหน่วยงานของรัฐที่ยังคงละเมิดกฎระเบียบ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_needs_250.php

ราคาข้าวในสปป.ลาวมีแนวโน้มสูงขึ้นในปีหน้า

ตลาดข้าวในสปป.ลาวอาจมีความผันผวนมากขึ้นในปี 63 เนื่องจากการเก็บเกี่ยวอาจไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 62 ซึ่งคาดว่าจะให้ผลตอบแทนรวมประมาณ 3.5 ล้านตันซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ 4.4 ล้านตัน ราคาที่สูงขึ้นเกิดจากปัญหาการขาดแคลน การเก็บรักษา และความยากลำบากในการจัดหาข้าว นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว ได้ระบุปัจจัยบางประการที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตข้าวในปี 62 ว่าการซ่อมแซมช่องทางชลประทานจำนวนมากที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในปี 61 ยังไม่สมบูรณ์และระบบชลประทานไม่สามารถจ่ายน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ในปี 62 ฤดูแล้งยาวนานกว่าปกติส่งผลให้เกิดภาวะแห้งแล้งซึ่งประสบปัญหาในบางพื้นที่เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการระบาดของศัตรูพืชและน้ำท่วมอย่างรุนแรง ในปีนี้ข้าวนาปี ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติเกือบ 172,000 เฮกตาร์ ข้าวประมาณ 105,200 เฮคตาร์ ถูกกำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์ซึ่งคิดเป็น 13.63% ของการปลูกข้าวนาปีทั่วประเทศ

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-11/14/c_138554434.htm

ผู้ส่งออกตกลงราคาข้าวเปลือกอินทรีย์ในชุมชนกัมพูชา

ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชียได้ตกลงลงนามซื้อข้าวเปลือกจากชุมชนเกษตรกรรมในพระวิหารบนราคาเดียวกันในฤดูเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายแม้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ระหว่างประเทศจะลดลงก็ตาม  โดยราคาที่ตกลงกันสำหรับข้าวขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้าวแต่ละชนิด เช่นข้าวขาวปกติจะถูกซื้อในราคา 1,200-1,300 เรียลต่อกิโลกรัม ส่วนราคาของข้าวหอมมะลิถูกตั้งไว้ที่ 1,450-1,650 เรียลต่อกิโลกรัม ซึ่งบริษัทได้เข้าร่วมโครงการทำสัญญากับชุมชนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มการเข้าถึงตลาดให้กับเกษตรกรและช่วยให้พวกเขาเข้าถึงห่วงโซ่อุปทานในท้องถิ่น ซึ่งจะส่งออกข้าวไปยังยุโรปนอกจากนี้ยังมีผู้ซื้อในสหรัฐฯและออสเตรเลีย โดยบริษัทกำลังมองหาซัพพลายเออร์ข้าวอินทรีย์ในจังหวัดบันทายมีชัยและจังหวัดเสียมราฐเพิ่มเติม ซึ่งระบุว่าข้าวอินทรีย์มีปริมาณมากกว่าข้าวธรรมดาทั่วไป 25-30% ในตลาดต่างประเทศ ซึ่งAmru Rice คือผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่รายหนึ่งประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่า บริษัท ได้เข้าร่วมโครงการทำสัญญากับเกษตรกรประมาณ 5,000 รายและตั้งเป้าที่จะส่งออกข้าวอินทรีย์กว่า 20,000 ตันไปยังตลาดต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50659140/exporter-communities-agree-price-for-organic-paddy-rice/

เทศกาลน้ำของกัมพูชามีผู้เข้าชมกว่า 4.7 ล้านคน

มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 4.7 ล้านคน เข้าชมเมืองหลวงในช่วงวันหยุดเทศกาลน้ำสามวัน ตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับวันหยุดในปีที่แล้ว ซึ่งรายงานระบุว่ามีชาวกัมพูชากว่า 4.7 ล้านคนและชาวต่างชาติที่เดินทางมาอีก 31,446 คน ไปเยี่ยมชมกรุงพนมเปญในช่วงวันหยุดสามวัน โดยโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวว่าวันแรกของเทศกาลน้ำมีผู้เข้าชมประมาณครึ่งล้านคนเท่านั้น แต่ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากในอีกสองวันถัดมา ซึ่งในวันที่ 2 และ 3 จำนวนผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเพราะผู้คนรู้สึกปลอดภัยและต้องการสนุกสนานกับเทศกาลน้ำ โดยเทศกาลน้ำเป็นหนึ่งในวันหยุดหลักในปฏิทินกัมพูชา ซึ่งจะมีการแข่งเรือที่ด้านหน้าของพระบรมมหาราชวังในช่วงกลางวันและการแสดงแสงสีบนเรือรวมถึงดอกไม้ไฟในยามกลางคืน โดยจากรายงานของกระทรวงพบว่ามีผู้คนเดินทางไปยังกัมพูชาจำนวนกว่า 5.8 ล้านคนในช่วงสามวันของเทศกาลน้ำ ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเป็นนักท่องเที่ยวประมาณ 89,500 คนเป็นชาวต่างชาติ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50659038/capital-draws-4-7-million-visitors-during-festival/

“อุตตม” คาดเศรษฐกิจ’63 ยังผันผวน พร้อมออกมาตรการดูแล เล็งใช้ตลาดทุนขับเคลื่อนศก.ไทย

นายอุตตม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมการลงทุนแห่งปี SET in the City 2019” ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2563 ยังคงมองว่ามีความผันผวน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มองว่าเศรษฐกิจไม่ดี เพียงแต่ว่ามีความไม่แน่นอนสูง รัฐจึงจะต้องเตรียมความพร้อมด้วยการออกมาตรการมาดูแลอย่างใกล้ชิดจะต้องพิจารณาในความเหมาะสม เนื่องจากต้องการที่จะประคับประครองเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ดี ยังคงมองว่าตลาดทุนมีความสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไทย โดยกระทรวงการคลังได้ขอให้ตลาดหลักทรัพย์เข้ามามีส่วนช่วยในการดูแลและพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการให้ความรู้ทางด้านการเงินแก่ประชาชนในต่างจังหวัด เนื่องจากมองว่า การลงทุนจะเกิดขึ้นได้ไม่เฉพาะในเขตเมือง แต่ในต่างจังหวัดเองก็เป็นแหล่งทุนที่มีความมั่งคั่งที่จะทำให้เกิดการระดมทุนผ่านตลาดทุน โดยเฉพาะในภูมิภาคกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการระดมทุนในภูมิภาค

ที่มา : https://www.prachachat.net/finance/news-391286

5 อาการน่าเป็นห่วง 4 มิติท้าทาย ของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “การเมือง การคลัง พลังนำประเทศ” จัดโดยสมาคมศิษย์เก่ารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ให้มุมมองแง่คิดที่น่าสนใจ ที่ผู้เขียนขออนุญาตสรุปมา ณ ที่นี้ 5 อาการน่าเป็นห่วงของประเทศไทย อาการแรก “ศักยภาพเศรษฐกิจถดถอย” อาการที่สอง “ความเหลื่อมล้ำสุดโต่ง” อาการที่สาม “การก้าวสู่สังคมคนชราเต็มรูปแบบ” อาการที่สี่ “เทคโนโลยีป่วนโลก” อาการสุดท้าย “การเมืองในม่านหมอก” 4 มิติ การเมือง-การคลังกับการพัฒนาเพื่ออนาคต มิติแรก ประเทศไทยที่เท่าเทียม มิติที่สอง ประเทศไทยที่แข่งขันได้ มิติที่สาม ประเทศไทยที่ทันสมัย โปร่งใส และเป็นธรรม มุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมการเมืองและสังคมที่เสรีเปิดกว้าง เป็นรากฐานสำคัญ มิติที่สี่ ประเทศไทยที่ยั่งยืน ท่านสรุปไว้ว่า มองไปในอนาคต ประเทศไทยจะเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่ท้าทายในหลายมิติ แต่การเมือง-การคลังที่มีศักยภาพจะเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่นและมั่นคง โดยมิติสำคัญที่รัฐบาลควรดำเนินการหรือคำนึงถึง คือ 1.สร้างความเท่าเทียมในสังคม 2.เพิ่มศักยภาพของประเทศในทุกระดับ 3.ปรับกลไกภาครัฐให้ทันสมัย เปิดกว้าง เป็นธรรม และ 4.มีกรอบการดำเนินการด้านการคลังที่คำนึงถึงคนเจเนอเรชันต่อไปอย่างยั่งยืน

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/854237

ฮานอยยังคงเป็นเป้าหมายของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 62

กรุงฮานอยยังคงเป็นผู้นำเป้าหมายของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ด้วยมูลค่าอยู่ที่ 6.85 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะของเงินทุนและการซื้อหุ้น โดยโครงการที่น่าสนใจ คือ โครงการเมืองอัจฉริยะในเขตดงอันห์ (Dong Anh) เป็นการร่วมทุนหรือกิจการร่วมการค้าระหว่างกลุ่ม BRG Group และ Sumitomo Corporation ของประเทศญี่ปุ่น ประกอบกับบริษัทฮ่องกง BeerCo Limited ในการเข้าถือหุ้นบริษัทเวียดนามเบฟเวอเรจ จำกัด ด้วยเม็ดเงินทุนกว่า 3.85 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ จากข้อมูลของหน่วยงานการลงทุนและการวางแผนเวียดนาม (DPI) ระบุว่าเงินทุน FDI ส่วนใหญ่ไหลเข้าในภาคอสังหาริมทรัพย์, อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป, การค้าและบริการ, โทรคมนาคม และระบบสารสนเทศ ซึ่งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมืองหลวงมีโครงการ FDI ที่ได้รับอนุญาตกว่า 91 โครงการ ด้วยมูลค่า 468 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมถึงโครงการต่างประเทศ 72 โครงการ และกิจการร่วมค้า 19 แห่ง นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดที่เข้ามาลงทุนในกรุงฮานอย รองลงมาสิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ตามลำดับ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/hanoi-remains-top-fdi-destination-in-10-months-406118.vov