บริษัทสปป.ลาวต้องการการควบคุมการนำเข้าที่ผิดกฎหมาย

ธุรกิจสปป.ลาวจำนวนมากที่ผลิตสินค้าสำหรับตลาดในประเทศเสียเปรียบเพราะไม่มีการควบคุมการไหลเข้าของสินค้านำเข้าที่ผิดกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่นำเข้าสินค้าอย่างผิดกฎหมาย แม้รัฐบาลมีนโยบายและกฎหมายในการปกป้องจากการค้าที่ผิดกฎหมายแต่การบังคับใช้กฎหมายนี้อ่อนแอ เพื่อให้บริษัทสปป.ลาวสามารถผลิตสินค้าสำหรับตลาดในประเทศ รัฐบาลจำเป็นต้องจัดการกับการค้าที่ผิดกฎหมายเพื่อบังคับให้ผู้นำเข้าจ่ายภาษี นอกจากการปราบปรามการค้าข้ามพรมแดนที่ผิดกฎหมายแล้ว รัฐบาลควรใช้มาตรการที่สำคัญเพื่อส่งเสริมธุรกิจ ผลิตสินค้าสำหรับตลาดในประเทศ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถผลิตสินค้าในราคาที่แข่งขันได้ จากการสำรวจของธนาคารโลกหนึ่งในความท้าทายที่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเผชิญคือการเข้าถึงการเงิน ผู้ประกอบการหลายคนกล่าวว่าประเด็นที่เร่งด่วนที่สุดที่รัฐบาลต้องดำเนินการเพื่อเพิ่มผลผลิตคือการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ โดยเฉพาะกฎหมายหนึ่งฉบับระบุถึงอาชีพบางประเภทที่สงวนไว้สำหรับคนสปป.ลาว และหากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมธุรกิจที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ได้อย่างน้อยก็ควรจดทะเบียนและถูกบังคับให้จ่ายภาษีเต็มจำนวนเพื่อให้สปป.ลาวและผู้ประกอบการต่างชาติสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-firms-demand-regulation-illegal-imports-102623

การลงทุนจากต่างประเทศ 81,000 ล้านเหรียญสหรัฐและการอนุญาตนักลงทุนในประเทศ 19.049 ล้านล้านจัต

เมียนมาอนุญาตให้การลงทุนจากต่างประเทศมากกว่า 81,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และนักลงทุนของในประเทศ 19.049 ล้าน  ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าธุรกิจการลงทุนต่างประเทศจำนวน 1779 มีมูลค่า 81.249 พันล้านเหรียญสหรัฐและธุรกิจการลงทุนในประเทศที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมาธิการการลงทุนของพม่า (MIC) ถึง 19.049 ล้านล้านจัต (10,353 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) จนถึงสิ้น ก.ค. 62 MIC ได้อนุญาตให้ธุรกิจการลงทุนต่างประเทศ 1,836 ล้านเหรียญสหรัฐมีมูลค่า 1,836 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 30 ปีตั้งแต่ปี 31-32 จนถึงสิ้น พ.ค. 62 ในปี 62 จากตัวเลขของคณะกรรมการการลงทุนและการบริหาร บริษัท (DICA) จากธุรกิจต่างประเทศมีเพียง 1489 แห่งและปริมาณการลงทุนมีมูลค่าประมาณ 67.223 พันล้านเหรียญสหรัฐ ธุรกิจที่เลิกกิจการออกภายใน 30 ปี มีจำนวน 338 ธุรกิจและปริมาณการลงทุนมีมูลค่า 14.712 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภาคน้ำมันและก๊าซอยู่ในอันดับต้น ๆ ด้วยการลงทุนมากกว่า $ 22 พันล้านเหรียญสหรัฐ 27.94% ตามด้วยภาคพลังงานด้วย 21 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ 26.40% ภาคการผลิต 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ 13% การขนส่งและการสื่อสารที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่า 13%, อสังหาริมทรัพย์ 6% โรงแรมและการท่องเที่ยว 4% ภาคเหมืองแร่ 3% และภาคอื่น ๆ 3% ตามลำดับ ในปีงบประมาณปัจจุบันได้อนุมัติธุรกิจการลงทุนจากต่างประเทศจำนวน 207 ล้าน 2.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 61-62 ถึง 10 ก.ค. มีมูลค่ามากกว่า 1.171 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในทำนองเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าวปริมาณการลงทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 208.300 ล้านเหรียญสหรัฐตามกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาลา

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/more-than-us-81-billion-worth-of-foreign-investment-and-k-19049-trillion-worth-of-citizen

รัฐบาลเมียนมาขายบ้านราคาถูกในสี่เมือง

รัฐบาลกำลังขายอพาร์ทเมนท์ราคาถูกในเมืองอย่าง หล่ายธะยา ชเว-ปยีตา Dagon Seikkan และ ตันลยิล-เจ๊าตัน สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 300,000 จัต ผู้ซื้อต้องเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่อยู่อาศัยในธนาคารเพื่อการพัฒนา การก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน (CHID) และต้องมีน้อย 3 ล้านจัต ในบัญชีของพวกเขาเพื่อให้ได้เงินกู้ก่อสร้างระยะยาวเพื่อซื้ออพาร์ทเมนต้นทุนต่ำ โดยกำลังเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งมอบอพาร์ทเมนท์ให้กับผู้ซื้อในกลุ่มที่สอง ณ สิ้นเดือนก.ย. เงินดาวน์จะเท่ากับ 20% สำหรับอพาร์ทเมนท์ราคาถูกและ 30 เปอร์เซ็นต์สำหรับอพาร์ทเมนท์ราคาไม่แพง อัตราดอกเบี้ย 8.5% และระยะเวลากู้ 15 ปี มีอพาร์ทเมนท์ทั้งหมด 325 ห้องที่ถูกจับฉลากและขายเป็นชุดที่สองในวันที่ 4 มิถุนายน การขายอพาร์ทเมนท์ราคาถูกและราคาไม่แพงนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางในเขตย่างกุ้ง

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/govt-sells-low-cost-housing-units-in-four-townships

ราคาเนื้อสัตว์ราคาถูกที่นำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์ในเวียดนาม

การนำเข้าเนื้อสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้น สร้างแรงกดดันไปยังอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในประเทศ เนื่องมาจากข้อตกลงการค้าเสรีและการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมูแอฟริกัน (ASF) โดยจากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม ระบุว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมีการนำเข้าเนื้อหมูกว่า 8,000 ตัน และเนื้อไก่มากกว่า 142,000 ตัน ซึ่งผู้บริโภคชื่นชอบกับราคานำเข้าที่ถูกกว่าในประเทศ โดยตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ที่สุดไปยังเวียดนาม คิดเป็นมูลค่าราว 48.6 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ หรือปริมาณมากกว่า 62,400 ตัน ส่วนสาเหตุที่ราคานำเข้าถูก เป็นเพราะอุตสาหกรรมของต่างประเทศมีความเชี่ยวชาญในระบบการดำเนินงาน และเป็นโรงเรือนระบบปิด รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนพันธุกรรมสัตว์ให้เติบโตได้เร็วขึ้นและมีขนาดใหญ่มากขึ้น

ที่มา :  https://vietnamnews.vn/economy/524518/cheap-imported-meats-hurt-domestic-livestock-industry.html#VqAHBMqF5HQ54W80.97

การไฟฟ้าเวียดนามขายหุ้น 6.5% หรือคิดเป็นมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากข้อมูลของการประมูลหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮานอย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระบุว่า การไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ได้ทำการขายหุ้น 16.25 ล้านหุ้น ของบริษัท EVN Finance Joint Stock Company ในมูลค่ามากกว่า 219 พันล้านด่อง (9.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งการขายดังกล่าว เป็นไปตามเผนการดำเนินงานของบริษัทในการถอนตัวจาก EVN Finance ในปีนี้ จากข้อมูลประวัติของ EVN Finance พบว่าก่อตั้งเมื่อในปี 2008 ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 2.5 ล้านล้านด่อง ซึ่งหน้าที่/บทบาทหลัก คือการจัดหาเงินทุนในโครงการไฟฟ้าของ EVN และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงจัดเตรียมผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อการดำเนินงานในกลุ่มพลังงานและภาคเศรษฐกิจอื่นๆ โดยในปี 2562 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 1.64 ล้านล้านด่อง และกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 280 พันล้านด่อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.5, 10.35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/524542/evn-sells-65-stake-of-its-financial-arm-for-10-million.html#bHeupgaxiD8XMCzw.97

พื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงเวียดนาม คาดว่าการผลิตเพิ่มมากกว่า 150,000 ตัน ในช่วงฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง

จากรายงานของกระทรวงเกษตรและพัฒนาขนบท (MARD) เปิดเผยในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง คาดว่าปริมาณข้าวเปลือกจะอยู่ที่มากกว่า 150,000 ตัน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงได้ดำเนินเก็บเกี่ยวผลผลิตมาแล้ว 2 ใน 3 ของพื้นที่ กว่า 1.57 ล้านเฮกตาร์ของปริมาณข้าว คิดเป็นผลผลิตโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.7 ตันต่อเฮกตาร์ เพิ่มขึ้นประมาณ 100 กก. เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งการเพิ่มขึ้นของผลผลิตในฤดูนี้จะช่วยผลผลิตที่ลดลงจากฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงในปีที่แล้ว ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับภัยแล้งและการขยายตัวของน้ำเค็ม ในขณะที่ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อุปสงค์ของประเทศคู่ค้านำเข้าลดลง นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ข้าว เป็นสินค้าเกษตรส่งออกสำคัญของเวียดนาม ที่มีการส่งออกไปยังต่างประเทศกว่า 150 ประเทศ รวมไปถึงประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย จีน เป็นต้น  

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/mekong-delta-expects-150000-more-tonnes-from-summerautumn-rice-crop/158397.vnp

เวียดนามเผยการส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐอเมริกา ได้รับสิทธิภาษีนำเข้าในอัตรา 0%

จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ (DOC) ในวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา เปิดเผยผลการประเมินรอบสุดท้ายครั้งที่ 13 อย่างเป็นทางการ (POR 13) ผู้ส่งออกกุ้งเวียดนามกว่า 31 รายที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรมีอัตราร้อยละ 0 ในขณะที่ ซึ่งก่อนหน้าที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้สอบสวนถึงสถานการณ์การทุ่มตลาดสินค้ากุ้งในสหรัฐฯ สมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตเวียดนาม (VASEP) ระบุว่าสถานการณ์การส่งออกกุ้งของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ จะกลับมาฟื้นตัว โดยจากตัวเลขสถิติ เผยว่าในเดือนกรกฎาคมของปีนี้ มูลค่าการส่งออกกุ้งของเวียดนามไปสหรัฐฯ อยู่ที่ 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังมีตลาดส่งออกกุ้งที่สำคัญ ได้แก่ สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ และจีน เป็นต้น

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7843202-vietnamese-shrimp-exporters-enjoy-zero-taxes-to-us.html

กัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมด้านความมั่นคงทางไซเบอร์

ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์จากทั่วโลกจะมารวมตัวกันที่กรุงพนมเปญในการประชุม Cyber Security Asia Conference 2019 ซึ่งจัดขึ้นโดย Thomvell International โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน ซึ่งจะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มระดับภูมิภาคในโลกไซเบอร์ ซึ่งนี่เป็นภัยคุกคามที่อยู่เหนือพรมแดนและมีโอกาสสร้างความเสียหายมากมายทั้งทางการเงินและทางสังคมโดยกว่า 90% ของธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกเคยตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์ทำให้อุตสาหกรรมด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ในภูมิภาคมีมูลค่าถึง 32.9 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019 โดยทางกัมพูชาเองวางแผนเสริมสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ในระดับประเทศโดยรัฐบาลกัมพูชาระบุว่าการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นหนึ่งในห้าด้านที่สำคัญในการพัฒนา และจากรายงานของ Kaspersky Labs เมื่อปีที่แล้วกัมพูชาพบเห็นการโจมตีทางไซเบอร์ออนไลน์กว่า 4.5 ล้านคนซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตราว 30.5% โดยความเสียหายจากอาชญากรรมไซเบอร์นั้นคาดว่าจะสูงถึง 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในระดับโลกภายในปี 2564

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50636876/cambodia-to-host-international-cybersecurity-conference/

World Bank: การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสปป.ลาวในปัจจุบันยังคงสูง

ตามรายงานล่าสุดจากธนาคารโลกการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดปัจจุบันของสปป.ลาว คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 12% ในปีนี้เนื่องจากการนำเข้าคาดว่าจะเติบโตได้เร็วกว่าการส่งออก การขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากความต้องการการนำเข้าที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟสปป.ลาว – ​​จีนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ตามรายงานของรัฐบาลคาดว่ามูลค่าการนำเข้าจะสูงถึง 5.77 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้และคาดว่ามูลค่าการส่งออกจะสูงถึง 5.51 พันล้านดอลลาร์ โดยดุลการค้าขาดดุล 259 ล้านดอลลาร์ หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญสำหรับสปป.ลาวคือการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรมการแปรรูป เพื่อการส่งออกและเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้สกุลเงินต่างประเทศไหลเข้ามาในประเทศมากขึ้น

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/world-bank-lao-current-account-deficit-remains-high

พาณิชย์แนะชิงตลาดข้าวอิรักหลังเวียดนามแชมป์ 2 ปี ซ้อน

“ทูตพาณิชย์” แนะช่องทางส่งออกข้าวไปอิรัก ชี้เป็นตลาดศักยภาพสูงแต่สถิติชี้ 3 ปีย้อนหลังไร้ข้าวไทยในตลาดอิรักสวนทางเวียดนามครองตลาด 2 ปีซ้อน ตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุถึงการส่งออกไปยังตลาดอิรักที่เคยเป็นตลาดส่งออกข้าวเดิมของไทยแต่ปัจจุบันหยุดชะงักไปนั้น โดยปัจจุบันอิรักกำหนดการนำเข้าข้าวใน 2 รูปแบบได้แก่ การนำเข้าโดยรัฐบาล หน่วยงาน Grain Board – Ministry of Trade ของรัฐบาลนําเข้าข้าวโดยการประมูล เพื่อใช้ในระบบจัดสรรอาหารภาครัฐเพื่อประชาชน ส่วนรูปแบบที่ 2 ได้แก่ การนำเข้า ข้าวคุณภาพดีนําเข้าโดยเอกชน อิรักนำเข้าข้าวเฉลี่ยปีละ7 แสน – 1 ล้านตัน โดยการนำเข้าสูงสุดเมื่อปี 55 ปริมาณ 1.2 ล้านตัน เป็นการนำเข้าจากประเทศไทย 8.7 แสนตัน รองลงมาคือ สหรัฐ 2.7 แสนตัน ขณะที่สถิตินำเข้าย้อนหลัง 3 ปี พบว่าไม่ได้นำเข้าข้าวจากไทยอีกเลย โดยปี 59 นำเข้ารวม 3.6 แสนตัน เป็นการนำเข้าจากอินเดียสูงสุด 1.79 แสนตัน ปี 60 ปริมาณรวม 3.07 แสนตัน เป็นการนำเข้าจากเวียดนามสูงสุด 1.2 แสนตัน และ ปี 61 ปริมาณนำเข้ารวม 7.35 แสนตัน เป็นการนำเข้าจากเวียดนามสูงสุด 3.2 แสนตัน จากรายงาน การส่งออกข้าวในช่วงเดือนม.ค.-ก.ค. 62 มีปริมาณรวม 4.9 ล้านตัน โดยปริมาณส่งออกลดลง 21.6% มูลค่า 8.18 ล้านบาท ลดลง 18.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 61 ที่มีการส่งออกปริมาณ 6.3 ล้านตัน มูลค่า 100,826 ล้านบาท ส่วนการส่งออกทั้งปี 61ปริมาณ 11 ล้านตัน ส่วนการส่งออกเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ปริมาณ 5.4 ล้านตัน ลดลงจากเดือนมิ.ย.ที่ส่งออกได้ปริมาณ 5.78 แสนตัน

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/845035