UMFCCI และ YPGCC หนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ยูนนาน-เมียนมาร์

เจ้าหน้าที่สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) เข้าพบคณะผู้แทน นำโดยประธานหอการค้าทั่วไปมณฑลยูนนาน (YPGCC) เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2566 โดยได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจทวิภาคีและการยกระดับการค้า ด้านประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา กล่าวว่า ยูนนานถือเป็นท่าเรือบกที่สำคัญในด้านความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจกับเมียนมา และได้ขอให้ทางหอการค้ายูนนานช่วยเหลือเมียนมาในเรื่องของข้อบังคับและกฎระเบียบการนำเข้าของจีน รวมทั้งได้เชิญชวนให้ยูนนานลงทุนในภาคพลังงาน และภาคส่วนอื่นๆ เพื่อยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและกิจกรรมส่งเสริมการค้า ด้าน ดร.เกา เฟิง ประธาน YPGCC กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเยือนเมียนมาครั้งนี้ เพื่อสร้างบันทึกความร่วมเมือ ที่ลงนามระหว่างยูนนานและเมียนมาร์ ในภาคพลังงานและเหมืองแร่ การบรรเทาภัยพิบัติ การท่องเที่ยว การบรรเทาความยากจน และยกระดับระเบียงเศรษฐกิจเมียนมาร์-จีน นอกจากนี้ การประชุมยังได้เน้นย้ำถึงการพัฒนาการลงทุนแบบทวิภาคี การพัฒนาการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการค้า การแลกเปลี่ยนข้อมูล การเสริมสร้างความร่วมมือเชิงปฏิบัติ ธุรกิจท่าเรือ อุปทานสินค้าข้าวและปุ๋ย การส่งออกสินค้าเกษตร การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และการค้าข้ามพรมแดน

อย่างไรก็ดี ผู้แทนจากทั้งสองสภายังหารือเกี่ยวกับโอกาสความร่วมมือที่อาจเกิดขึ้นและความคิดเห็นเกี่ยวกับภาคเหมืองแร่ เหล็กและเหล็กกล้า การขนส่ง อีคอมเมิร์ซ การท่องเที่ยว เกษตรกรรม เภสัชกรรม อ้อย น้ำตาล ถั่วลิสง ผัก การประมง ผลิตภัณฑ์อาหาร การวิจัย และสารเคมีทางการเกษตร

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/umfcci-ypgcc-to-bolster-yunnan-myanmar-economic-cooperation/

จีนจ่อลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานกัมพูชา มูลค่ารวมกว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์

ภาคพลังงานของกัมพูชาได้รับแรงผลักดันมหาศาลจากบริษัทจีนในการประกาศแผนการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานมูลค่ารวมกว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์ ด้านนายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต กล่าวขอบคุณและยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับความสนใจด้านการลงทุน ในระหว่างการประชุม ‘Belt and Road Forum’ ที่กำลังดำเนินอยู่ในกรุงปักกิ่ง โดย Wang Bo ประธานบริษัท China Machinery Engineering Corporation (CMEC) ได้ให้คำมั่นว่าจะลงทุนประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี หลังก่อนหน้าประสบความสำเร็จในหลายโครงการที่ได้เข้ามาลงทุนยังกัมพูชา ขณะที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ภายใต้เครือ SINOMACH ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงานสะอาด และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นสำคัญ สำหรับในกัมพูชาบริษัทวางแผนที่จะเพิ่มเงินลงทุนมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์ ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมในอนาคตอันใกล้ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ห้าเหลี่ยมของรัฐบาลกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501377951/china-to-charge-up-kingdoms-energy-sector-with-3-6-billion/

นักท่องเที่ยวเดินทางมายังกัมพูชาในช่วงเทศกาลประชุมแบนเกือบ 2 ล้านคน

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชารายงานสถานการณ์การนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปชุมแบน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวราว 1.89 ล้านคน เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 52.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนับเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 27,000 คน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 90.5 สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งได้รับความนิยม ได้แก่ จังหวัดเสียมราฐ อุดรมีชัย กัมปงธม และจังหวัดพระวิหาร รวมถึงบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเล ได้แก่ จังหวัดพระสีหนุ แกบ กัมปอต และเกาะกง สำหรับพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือที่ได้รับความนิยม ได้แก่ พระตะบอง, บันเตียเมียนเจย, โพธิสัตว์ และไพลิน ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ กระแจะ มณฑลคีรี รัตนคีรี และสตึงแตรง เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501378210/nearly-2-million-tourists-travel-during-pchum-ben-holiday/

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ สปป.ลาว เดินหน้าแก้ไข‘ปัญหาท่าเรือทางบก’

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ สปป.ลาว เริ่มดำเนินแผนงานปรับปรุงกระบวนการนำเข้าและส่งออกในท่าเรือทางบกทั่วประเทศ ทั้งการจัดการปัญหาการทุจริตและกระบวนการขนส่งข้ามแดนที่ยุ่งยาก โดยแบ่งระยะของแผนงานเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ปี 2566 มีเป้าหมายที่จะแก้ไขโครงสร้างการเก็บค่าธรรมเนียมและทบทวนระบบการจัดการงานข้ามหน่วยงาน ระยะที่ 2 ช่วงกลางปี 2567 จะทำการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องและกำหนดหลักการที่เป็นเอกภาพ และระยะยาวในช่วงสิ้นปี 2567 จะมุ่งเน้นการสร้างระบบวิธีการจัดการที่เหมาะสมและเชื่อมโยงการทำงานกับภาคีการค้าต่างประเทศ
เพื่อปรับปรุงข้อตกลงการขนส่งในระดับทวิภาคีและไตรภาคีระหว่างลาว จีน และไทย

ที่มา : http://: https://laotiantimes.com/2023/10/18/laos-ministry-of-industry-and-commerce-works-to-address-land-port-issues/

คณะกรรมการกำกับดูแลน้ำมันเชื้อเพลิงเมียนมาได้รับการจัดตั้งขึ้นใหม่

คณะกรรมการกลางว่าด้วยการกำกับดูแลความเรียบร้อยด้านการค้าและสินค้า ได้จัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้า จัดเก็บ และจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา คณะกรรมการดังกล่าว ได้รับการจัดตั้งขึ้น โดยมีหน้าที่สำคัญในการป้องกันการสูญเสียรายได้ของรัฐ ทำให้เกิดเสถียรภาพด้านราคา กำกับดูแลการออกใบอนุญาตและการนำเข้าน้ำมัน การจัดเก็บและจำหน่ายน้ำมันอย่างเป็นระบบให้มีคุณภาพมาตรฐานสำหรับน้ำมันที่นำเข้า จัดการกับความล่าช้าในการเทียบท่าของเรือบรรทุกน้ำมัน ตรวจสอบการจ่ายน้ำมันไปยังถังและสต็อกรายวันในมือ และประเมินระยะเวลาการรักษาความปลอดภัยของน้ำมัน นอกจากนี้ คณะกรรมการต้องแจ้งเรื่องกิจกรรมต้องสงสัยด้านคุณภาพไปยังคณะกรรมการกลางฯ และรายงานเกี่ยวกับบริษัทผู้นำเข้า ประเทศผู้ส่งออก ปริมาณการนำเข้า (ตัน) เลขทะเบียนและวันที่มาถึงของเรือบรรทุกน้ำมัน ไปยังคณะกรรมการจัดการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และคณะกรรมการกลางฯ รวมทั้งจะมีการประเมินคุณภาพการจ่ายน้ำมันจากถังเก็บน้ำมัน เป็นระยะ เพื่อแจ้งสถานะสต๊อกสินค้าในถังเก็บน้ำมัน และทำการบันทึกและตรวจสอบย้อนกลับว่าพบพฤติกรรมฉ้อโกงในห่วงโซ่อุปทานหรือไม่ (ตั้งแต่การนำเข้าไปจนถึงขั้นตอนการจัดจำหน่าย) และเพื่อการควบคุมราคา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/fuel-oil-supervisory-committee-reestablished/#article-title

เมียนมามีรายได้จากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปในเดือนเมษายน-กันยายน กว่า 4.316 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เมียนมามีรายได้มากกว่า 4.316 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตภายใต้ระบบการตัดเย็บ (CMP : Cutting Making และ Packaging)  ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน-กันยายน ของปีงบประมาณ 2566-2567 จากการรายงานของ ดอว์ โช เท็ต มู รองผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการค้า สังกัดกระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา กล่าวว่า ในบรรดาประเทศที่มีการลงทุนในภาคส่วนเครื่องนุ่งห่ม CMP ประเทศจีนถือเป็นอันดับที่หนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนจากจีนไทเป ไทย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปภายใต้ระบบ CMP และถูกส่งออกไปยังเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และประเทศในสหภาพยุโรป (EU) อย่างไรก็ดี โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่ดำเนินงานภายใต้ระบบ CMP ตั้งอยู่ในเขตย่างกุ้ง ซึ่งประกอบด้วยโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า 505 แห่ง โรงงานรองเท้า 48 แห่ง โรงงานผลิตวิกผม 8 แห่ง และโรงงานอีก 177 แห่งที่เกี่ยวข้องกับการผลิตกระเป๋า ชุดกีฬา รองเท้ากีฬา และถุงเท้า

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/us4-316-bln-bagged-from-garment-exports-in-april-sept/#article-title

‘รัฐบาล สปป.ลาว’ ขอภาคเอกชนร่วมมือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ผู้แทนจากรัฐบาล สปป.ลาว นายกเทศมนตรีนครเวียงจันทน์ และภาคธุรกิจในนครหลวงเวียงจันทน์ร่วมประชุมระดมความคิดหาแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเงินที่ลาวเผชิญอยู่ ทั้งปัญหาเงินเฟ้อ สินค้ามีราคาแพง และการอ่อนค่าของเงินกีบ โดยผลการประชุมสรุปว่า ควรเร่งสร้างความร่วมมืออย่างจริงจังระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินมาตรการและกลไกการแก้ไขปัญหาให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ทั้งการส่งเสริมให้เกิดการผลิตสินค้าภายในประเทศ ลดการนำเข้าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับสินค้านำเข้าเพื่อลดการขาดดุลทางการค้า ส่งเสริมกิจการด้านการท่องเที่ยวให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงรัฐบาลควรออกนโนยบายลดราคาค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือน

ที่มา : https://english.news.cn/20231018/ae565798a40548bb9eedba88bc5d26a6/c.html

‘เวียดนาม’ จ่อขยายเวลาหั่น VAT จนถึง มิ.ย. สูญเสียรายได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

รัฐบาลเวียดนาม ประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่ามีแผนที่จะขยายเวลาการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการผลิตภายในประเทศ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงซบเซา ซึ่งการขยายเวลาการลดภาษีดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา ภาษีมูลค่าเพิ่มลดลงจาก 10% เป็น 8% มีผลตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค. 2566 ทั้งนี้ การปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่มในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และยังส่งผลกระทบต่องบประมาณรายรับของรัฐบาลที่ลดลง 25 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 1.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://asia.nikkei.com/Economy/Vietnam-to-extend-VAT-cut-until-June-despite-1bn-revenue-loss?fbclid=IwAR2dq0G_GS-qP1B38OS5ak2BUxtFDb7UwtX2504m-uyMciiFRuwtsHkNbzg

วิกฤตขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในเวียดนาม ทรุดตัวต่อเนื่องจนถึงปี 2050

คณะกรรมการกำกับดูแลของสมัชชาแห่งชาติ รายงานว่าแหล่งทรัพยากรพลังงานปฐมภูมิที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติกำลังจะหมดไป เนื่องจากไฟฟ้าพลังน้ำถูกใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว รวมไปถึงปริมาณน้ำมันและก๊าซจากแหล่งพลังงานหลักลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จากรายงานของธนาคารโลก ประจำเดือน ส.ค. มีการประเมินความสูญเสียของเวียดนาม พบว่าเวียดนามสูญเสียรายได้จากวิกฤตพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 0.3% ของ GDP โดยผู้เชี่ยวชาญได้เตือนถึงการขาดแคลนไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือของประเทศ ทำให้จะไม่มีการจัดตั้งโรงงานใหม่เกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ เวียดนามจำเป็นที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ และอาจทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าได้จนถึงปี 2050

ที่มา : https://www.retailnews.asia/power-shortage-in-vietnam-looms-until-2050/

เมียนมามีรายได้กว่า 16,551.306 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากมูลค่าการค้าต่างประเทศ ช่วงระยะเวลามากกว่า 6 เดือนในปีงบประมาณ 2023-2024

จากวันที่ 1 เมษายน 2566 – 6 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาเมียนมาร์มีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 8,712.336 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมูลค่าการนำเข้า 7,838.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มีดุลการค้าแบบขาดดุลอยู่ที่ 873.366 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย เมียนมาร์มีการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง ผลิตภัณฑ์แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำเร็จรูป และสินค้าอื่นๆ ไปยังต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมี สินค้าเพื่อการลงทุน วัตถุดิบเชิงพาณิชย์ สินค้าอุปโภคบริโภค วัตถุดิบสินค้าตัดเย็บ หรือ CMP (cut-make-package) โดยนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการส่งออกของเมียนมาร์ตามยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (National Export Strategy : NES) ปี 2020-2025 ที่มีผลบังคับใช้อยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี ภาคส่วนที่สำคัญตามแผนยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ NES 2020-2025 ได้แก่ การผลิตอาหารจากการเกษตร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมและไฟฟ้า การประมง ผลิตภัณฑ์จากป่า ผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัล บริการโลจิสติกส์ การจัดการคุณภาพ บริการข้อมูลการค้า นวัตกรรมและผู้ประกอบการ และอื่นๆ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/us16551-306-mln-earned-from-foreign-trade-volume-in-more-than-six-months-period-in-2023-24-fy/