มูลค่าการค้าทวิภาคี กัมพูชา-ออสเตรเลีย เติบแตะเกือบ 260 ล้านดอลลาร์

ปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและออสเตรเลียในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เพิ่มสูงขึ้นกว่า 258 ล้านดอลลาร์ ตามการรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา ซึ่งคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังออสเตรเลียที่มูลค่า 180 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าของกัมพูชาจากออสเตรเลียมีมูลค่าอยู่ที่ 77 ล้านดอลลาร์ โดยออสเตรเลียเน้นการนำเข้าสินค้ากลุ่มสิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าด้านการเกษตรเป็นสำคัญ ซึ่งทางการกัมพูชาคาดหวังเป็นอย่างมากว่าการส่งออกและนำเข้าระหว่างสองประเทศจะขยายตัวต่อเนื่อง ภายใต้การมีอยู่ของ RCEP ซึ่งใน 2022 ปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและออสเตรเลียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 205 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 เพิ่มขึ้นเป็น 523 ล้านดอลลาร์ในปี 2022

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501330676/cambodia-australia-bilateral-trade-volume-nearly-260-million/

รัฐบาลไทยหนุนธุรกิจสินค้าฮาลาลในมาเลเซีย มุ่งเป้า 1.02 ล้านล้านบาทในปี 68

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับความร่วมมือทางการค้าของไทย-มาเลเซียที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นการค้าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.02 ล้านล้านบาท) ในปี 2568 รวมถึงจะมีการหารือเพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ระดับรัฐมนตรี ซึ่งมีแผนจะจัดขึ้นในช่วงปลายปี 2566นี้

ที่มา : https://www.posttoday.com/politics/domestic/697479

‘สหราชอาณาจักร’ ยอมรับเวียดนามเป็นเศรษฐกิจระบบตลาด

สำนักงานกำกับดูแลด้านมาตรการการค้าของเวียดนาม (TRAV) ระบุว่าสหราชอาณาจักร (UK) พร้อมที่จะยอมรับว่าอุตสาหกรรมเวียดนามอยู่ในช่วงวางรากฐานของเศรษฐกิจระบบตลาด และจะไม่กำหนดกฎเกณฑ์ที่ทำให้เสียเปรียบ หากได้รับการตรวจสอบเป็นไปตามมาตรการป้องกันทางการค้า ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรแสดงเจตจำนงที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ของความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ส่งผลให้เวียดนามเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ จำนวน 71 ประเทศ รวมถึงคู่ค้าสำคัญที่ผ่านการลงนามข้อตกลงการค้า และเมื่อเวียดนามได้รับการยอมรับว่าเป็นเศรษฐกิจระบบตลาด ทำให้สินค้าของเวียดนามจะได้รับการปฎิบัติที่เป็นธรรมมากขึ้น และผู้ส่งออกจะสามารถเข้าถึงตลาดได้อีกจำนวนมาก

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1551526/uk-to-recognise-viet-nam-as-market-economy.html

‘จีน’ ผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ของเวียดนาม

กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงของเวียดนาม มีมูลค่า 24.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในชวงครึ่งแรกของปีนี้ ลดลง 11.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยประเทศจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของผลผลิตทางการเกษตรเวียดนาม ทั้งนี้ การส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 32.9% และ 5.3% คิดเป็นสัดส่วนของการส่งออกสินค้าเกษตร อยู่ที่ 20.2% และ 7.7% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งประเทศ ตามลำดับ

ในขณะที่การส่งออกไปยังตลาดจีน เพิ่มขึ้น 7.7% และคิดเป็นสัดส่วนราว 21% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งประเทศ นอกจากนี้ จีนยังคงเป็นผู้นำเข้าเพียงรายเดียวของเวียดนามที่มีอัตราการขยายตัวที่เป็นบวกในตลาดส่งออกสำคัญ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/china-becomes-top-buyer-of-vietnam-s-farm-produce-2167911.html

‘เมียนมา’ เดือน มิ.ย. นำเข้าปุ๋ย 144,900 ตัน

จากข้อมูลสถิติของกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าเมียนมานำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศในเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 144,900 ตัน มูลค่า 58.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนำเข้าปุ๋ยผ่านเส้นทางเดินเรือ 106,900 ตัน และผ่านเส้นทางการค้าชายแดน 38,000 ตัน ทั้งนี้ ปุ๋ยที่นำเข้าผ่านเส้นทางเดินเรือส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน 44,000 ตัน รองลงมาโอมาน ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม รัสเซีย เกาหลีใต้ มาเลเซีย สปป.ลาว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอร์เวย์และจอร์แดน ในขณะที่ปุ๋ยที่นำเข้าผ่านเส้นทางการค้าชายแดนส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน 36,000 ตัน และไทย 2,000 ตัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-imported-144900-tonnes-of-fertilizer-in-june/#article-title

หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว สปป.ลาว วางแผนดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ

รัฐบาล สปป.ลาว กำลังเร่งจะจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติภายในปี 2025 ตามข้อมูลของกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว ซึ่งรวมถึงการพัฒนาตามแผนเพื่อยกระดับมาตรฐานของภาคการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และการเกษตร โดยนำเสนอคุณลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น ด้วยการบูรณาการระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้หลุดพ้นจากความยากจน ขณะที่ปัจจุบันสิ่งอำนวยความสะดวกในการเอื้อต่อการท่องเที่ยว เช่น สถานีรถไฟ สปป.ลาว-จีน และศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว ก็เป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมายัง สปป.ลาว มากขึ้น สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วง 2 ปี 5 เดือน สปป.ลาว ให้การต้อนรับเกือบ 5.6 ล้านคน สร้างเงินหมุนเวียนในประเทศกว่า 631 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้ เกือบ 3 ล้านคน เป็นชาว สปป.ลาว และเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.6 ล้านคน ขณะที่ระยะเวลาพำนักเฉลี่ยอยู่ที่ 7 วันต่อคน อ้างอิงจากกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_141_Tourism_y23.php

การส่งออกยางของกัมพูชาขยายตัว 42.1% ในช่วงครึ่งแรกของปี

กัมพูชาส่งออกผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติในช่วงครึ่งแรกของปีสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 324 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 42.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเฉพาะเดือนมิถุนายนกัมพูชาส่งออกผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวถึง 63.76 ล้านดอลลาร์ จากการส่งออกยางพารา คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 44.8 เทียบกับในช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้วที่มูลค่า 44 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการส่งออกยางพาราที่เพิ่มขึ้นสวนทางกันกับสถานการณ์การส่งออกโดยภาพรวมของกัมพูชาที่มีการเติบโตเพียงร้อยละ 0.8 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านตลาดสำคัญสำหรับการส่งออกยางพาราของกัมพูชาประกอบด้วยจีน เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย และสหภาพยุโรป เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501329610/rubber-exports-go-up-42-1-h1/

ราคาข้าวเปลือกกัมพูชาพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี

ราคาข้าวเปลือกกัมพูชาพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาข้าวในช่วงฤดูแล้งโดยเฉพาะสายพันธุ์ IR และ OM มีมูลค่าสูงถึง 1,047 เรียลต่อ กก. และ 1,029 เรียลต่อ กก. ตามลำดับ ตามคำแถลงของกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมง (MAFF)

ขณะที่ถ้อยแถลงระบุเพิ่มเติมว่าราคาข้าวเปลือกพันธุ์หอมยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วงราคาระหว่าง 1,000-1,260 เรียลต่อ กก. ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าราคาโดยทั่วไปจะสูงกว่าพันธุ์ IR และ OM ในปัจจุบัน โดยเชื่อว่าผลลัพธ์มาจากความพยายามของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยการสนับสนุนทางการเงิน ภายใต้เวลาที่เหมาะสมจากรัฐบาลในการแทรกแซงราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำระหว่างการเก็บเกี่ยว ด้วยการอำนวยความสะดวกในการส่งออกข้าว และการเปิดการแข่งขันในตลาดปุ๋ย ซึ่งราคาปุ๋ยเพื่อการเกษตรค่อยๆ ปรับตัวลดลงนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 เช่น ราคาปุ๋ยยูริกลดลงเหลือ 23.5 ดอลลาร์ต่อถุงจาก 35 ดอลลาร์ต่อถุง ในขณะที่ปุ๋ย DAP ลดลงเหลือ 36 ดอลลาร์ต่อถุง จาก 42 ดอลลาร์ต่อถุง แสดงถึงต้นทุนของภาคการเกษตรที่ลดลงในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501329618/rice-paddy-prices-highest-in-three-years/

อาเซียนสรุปผลเจรจาด้านเศรษฐกิจเตรียมชงวงถก รมต.เคาะ ส.ค.นี้

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เข้าร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (Senior Economic Officials Meeting: SEOM) ครั้งที่ 3/54 ระหว่างวันที่ 11-16 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ เมืองสุราบายา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพื่อติดตามการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของปี 2566 ก่อนเสนอผลลัพธ์ต่อรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในเดือน ส.ค.นี้ พร้อมเตรียมการประชุมกับประเทศนอกภูมิภาค ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา จีน สหภาพยุโรป ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/iq03/3439183

‘เวียดนาม’ เล็งนำเข้าถ่านหินปีละ 20 ตัน จากสปป.ลาว

เวียดนามลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยการนำเข้าถ่านหิน 20 ตันต่อปีจากสปป.ลาว เมื่อวันที่ 20 ก.ค. และภายใต้บันทึกความเข้าใจดังกล่าว ทั้งสองประเทศจะส่งเสริมความร่วมมือและการลงทุนทางด้านการทำเหมืองแร่ อุตสาหกรรมและการส่งออก รวมถึงการถ่ายทอดความรู้หรือประสบการณ์และยกระดับขีดความสามารถในการทำเหมืองและแปรรูปถ่านหิน นอกจากนี้ การบันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะช่วยส่งเสริมกิจกรรมการค้าถ่านหินระหว่างธุรกิจของทั้งสองประเทศ

ที่มา : https://en.baochinhphu.vn/viet-nam-plans-to-import-20-tons-of-coal-from-laos-annually-111230722092801128.htm