10 เดือนของปีงบฯ 65-66 MIC ไฟเขียว 70 โครงการลงทุนในเมียนมา โกยเงินเข้าประเทศทะลุ 1.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำนักงานบริหารจัดการบริษัทและทะเบียนบริษัท (DICA) เผย 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565-2566 (เดือนเมษายน 2565 -เดือนมกราคม 2566) คณะกรรมาธิการการลงของทุนเมียนมา (MIC) ได้ตอบรับโครงการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) จำนวน 70 โครงการ ซึ่งจะลงทุนในภาคเกษตรกรรม เหมืองแร่ การผลิต ไฟฟ้า โรงแรมและการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และภาคบริการ สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศกว่า 1.476 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสิงคโปร์เป็นประเทศผู้ลงทุนอันดับต้น ๆ มีมูลค่าการลงทุนกว่า 1,157 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รองลงมาคือฮ่องกง มีมูลค่าการลงทุนกว่า 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจีน มีมูลค่าการลงทุนกว่า 105.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/mic-greenlights-70-foreign-projects-worth-1-47-bln-in-ten-months/

เปิดโผสินค้าที่พร้อมฝ่าพิษเศรษฐกิจ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้รายงานสถานการณ์ภาคอุตสาหกรรมไทยในปีนี้ว่า มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา แต่ภาคอุตสาหกรรมไทยยังต้องปรับตัวเผชิญกับความท้าทาย ทั้งความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจ และภัยธรรมชาติ ขณะที่อุตสาหกรรมที่จะมีการเติบโตและขยายตัวได้โดดเด่นในปีนี้ มีอาทิ ยานยนต์ โดยเฉพาะยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีความต้องการใช้ที่สูงขึ้นมาก จากการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัล ในทุกอุตสาหกรรม อาทิ การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะแผ่นวงจรรวม (IC) และแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCBA) ขณะที่อาหารและเครื่องดื่มที่เกี่ยวกับสุขภาพ อาหารเสริม อาหารทางการแพทย์ อาหารสำหรับผู้สูงอายุ เครื่องดื่มสมุนไพร เติบโตจากกระแสรักษ์และดูแลสุขภาพ, เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ เช่น สามารถดักจับฝุ่น PM 2.5, พลาสติกชีวภาพ ที่ปลอดสารพิษและย่อยสลายได้ ที่ใช้เป็นส่วนประกอบ สำหรับทำบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม, เภสัชภัณฑ์ โดยเฉพาะยาเม็ดสกัด จากสมุนไพรได้รับการตอบรับที่ดี เช่น ฟ้าทะลายโจร แคปซูลขมิ้นชัน ลูกประคบสมุนไพร ส่งผลให้มีการผลิตเพิ่มมากขึ้น รองรับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งภายในและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทย

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2622956

เงินเฟ้อสปป.ลาว เดือนม.ค. 66 พุ่งทะยานแตะ 40.3%

สำนักงานสถิติของสปป.ลาว เผย เดือนมกราคม 2566 เงินเฟ้อในสปป.ลาว พุ่งขึ้นไปถึง 40.3% สูงสุดในรอบ 23 ปี แม้ภาครัฐพยายามควบคุมต้นทุนสินค้าและบริการที่สูงขึ้น แต่ราคาไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ซึ่งการอ่อนค่าของเงินกีบเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ส่งผลให้สินค้าที่ซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านมีราคาสูงทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการสูงขึ้นตามไปด้วย จากสถานการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย ปี 2540 -2541 ที่ส่งผลกระทบต่อสปป.ลาวอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2543 ทำให้เงินเฟ้อในเดือนมกราคม 2543 พุ่งสูงสุดถึง 75.75% เป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้รัฐบาลของสปป.ลาว พยายามสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนโดยให้คำมั่นว่าในปี 2566 เศรษฐกิจของสปป.ลาว จะเติบโตอย่างน้อย 4.5% ในขณะเดียวกันได้กำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 9%

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten26_January_y23.php

คาดเที่ยวบินระหว่าง กัมพูชา-จีน จะกลับมาดำเนินการนับตั้งแต่เดือน ก.พ.

กัมพูชาและจีนคาดการณ์นับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2023 เที่ยวบินระหว่างสองประเทศจะเริ่มกลับมาดำเนินการในอัตราร้อยละ 30-40 ของปริมาณเที่ยวบินเดิม ในช่วงก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2019 ด้าน Mao Havnall รัฐมนตรีสำนักเลขาธิการแห่งรัฐ ด้านการบินพลเรือนกล่าวว่าก่อนการระบาดของโควิด-19 กัมพูชาและจีนมีเที่ยวบินระหว่างกันทั้งหมด 415 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยมีสายการบินให้บริการทั้งหมด 22 สายการบิน ซึ่งเป็นสายการบินของจีน 16 สายการบิน และสายการบินของกัมพูชา 6 สายการบิน เชื่อมต่อ 37 เมือง ด้วยสถานการณ์ข้างต้นเป็นผลมาจากการที่ทางการจีนยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501232419/flights-between-cambodia-and-china-from-february-with-a-projected-increase-of-up-to-40-percent/

ปี 2022 กัมพูชาส่งออกไปยังเยอรมนีมูลค่าแตะ 1 พันล้านดอลลาร์

กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังเยอรมนีมูลค่ารวมกว่า 1,083 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวกว่าร้อยละ 23 ในปีที่แล้ว ตามรายงานล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา ในขณะเดียวกัน การนำเข้าของกัมพูชาจากเยอรมนีก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันประมาณร้อยละ 3 หรือคิดเป็นมูลค่า 163 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชา ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า สินค้าเดินทาง สินค้าเกษตร ชิ้นส่วนไฟฟ้า และจักรยาน ขณะที่สินค้านำเข้าหลักจากเยอรมนี ได้แก่ ยานพาหนะ วัสดุก่อสร้าง และเฟอร์นิเจอร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501232469/cambodias-exports-to-germany-worth-over-1-billion-in-2022/

“สนามบินเวียดนาม” เผย ม.ค. รองรับผู้โดยสาร ทะลุ 9.8 ล้านคน

สำนักงานการบินพลเรือนเวียดนาม (CAAV) เปิดเผยว่าในเดือน ม.ค. สนามบินเวียดนามทั่วประเทศ รองรับผู้โดยสารมากกว่า 9.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.8% จากเดือนก่อนหน้า ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารต่างประเทศ มีจำนวน 2.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่ผู้โดยสารภายในประเทศ มีจำนวน 7.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 15% จากเดือนก่อนหน้า อีกทั้ง สนามบินเวียดนามรองรับกับการขนส่งสินค้าได้ประมาณ 112,000 ตัน เพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2565 นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลเต๊ด แต่ก็ไม่มีปัญหาความแออัดในสนามบิน โดยเฉพาะสนามบินโหน่ยบ่ายและเติ่นเซินเญิ้ต

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-airports-serve-more-than-98-million-passengers-in-january/247849.vnp

“ธนาคารเวียดนาม” เล็งจ่ายปันผลเป็นเงินสดครั้งแรก! ในรอบ 3 ปี

“TPBank” ธนาคารเวียดนาม ประกาศจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 25% แทนการจ่ายปันผลเป็นหุ้นเหมือนปีที่ผ่านมา หมายความว่าผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผล 2,500 ดอง (0.11 เหรียญสหรัฐ) ต่อหุ้น และคาดว่าจะจ่ายปันผลในไตรมาสแรกของปีนี้ นับว่าเป็นธนาคารแห่งแรกที่จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในปี 2566 โดยก่อนหน้านี้ธนาคารเวียดนาม “Vietnam International Commercial Joint Stock Bank” หรือ VIB เปิดเผยว่าหากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นและธนาคารแห่งรัฐ จึงสามารถดำเนินการจ่ายปันผลเป็นเงินสดสูงถึง 35% ของทุนจดทะเบียน ทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับเงินปันผล 3,500 ดองต่อหุ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1480247/banks-plan-to-pay-cash-dividends-for-first-time-in-three-years.html

หอค้าเชียงใหม่ ผวา ‘นอมินีจีน’ ขยับลงทุนฮุบธุรกิจ ‘โรงแรม-ร้านอาหาร-สถานบันเทิง-ทัวร์’

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และท่องเที่ยวในเชียงใหม่ และภาคเหนือ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม ภัตตาคารร้านอาหาร สปา สถานบันเทิง และทัวร์ เพื่อนำนักท่องเที่ยวจีนมายังเชียงใหม่และภาคเหนือ แต่นักลงทุนดังกล่าว ส่วนมากถือวีซ่าท่องเที่ยว จึงไม่ต้องเสียภาษี ทำให้ได้เปรียบนักลงทุนท้องถิ่น เพราะต้นทุนต่ำกว่า ประกอบกับค่าเงินหยวนแข็ง ทำให้ได้เปรียบอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น มีอำนาจซื้อและต่อรองสูงขึ้น ซึ่ง ททท.ประเมินว่า ปีนี้นักท่องเที่ยวจีนเข้าสู่เชียงใหม่ และภาคเหนือ กว่า 2 ล้านคน โดยสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การลงทุนแบบแอบแฝง หรือธุรกิจสีเทา ที่นำไปสู่อาชญากรรมข้ามชาติ และการฟอกเงินที่ผิดกฎหมาย อาทิ ยาเสพติด บ่อนกาสิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่บ่อนทำลายและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจประเทศ ดังนั้นรัฐต้องมีมาตรการป้องกันและปราบปรามจริงจัง พร้อมบังคับใช้กฎหมายการสงวนอาชีพคนไทยไม่ให้ต่างชาติลงทุน หรือประกอบอาชีพได้ เพื่อคุ้มครองสิทธิ รักษาผลประโยชน์นักลงทุน ผู้ประกอบการในประเทศ และท้องถิ่น

ที่มา: https://www.matichon.co.th/economy/news_3807262

10 เดือนของปีงบ 65-66 เมียนมาส่งออกข้าว ทะลุ 1.9 ล้านตัน

สหพันธ์ข้าวแห่งเมียนมา (MRF) เผย ในรอบ 10 เดือนของปีงบประมาณ 2565-2566 (เดือนเมษายน 2565– เดือนมกราคม 2566) เมียนมาส่งออกข้าวและปลายข้าวไปแล้วกว่า 1.9 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากข้อมูลพบว่า 10 เดือนที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกต่ำสุดอยู่ในเดือนกันยายน 2565 จำนวน 93,792 ตัน ส่วนปริมาณการส่งออกสูงสุดอยู่ในเดือนมกราคม 2566 จำนวน 268,835 ตัน โดยเมียนมาตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 10 ต่อปี อีกทั้งยังให้ความสำคัญในการส่งออกข้าวเกรดพรีเมียมมากขึ้น ที่ผ่านมาในปีงบประมาณ 2563-2564 เมียนมาส่งออกข้าวประมาณ 2 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศไปแล้วกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exports-1-9-mln-tonnes-of-rice-in-ten-months/

สปป.ลาว พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน หลังการเปิดประเทศ

ภาครัฐ-เอกชน ของสปป.ลาว เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังสปป.ลาว ถูกบรรจุในรายชื่อ 20 ประเทศที่จีนอนุญาตให้ธุรกิจทัวร์สามารถนำนักท่องเที่ยวเดินทางไปต่างประเทศได้ โดย Ms. Darany Phommavongsa อธิบดีกรมการจัดการการท่องเที่ยว กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวของสปป.ลาว กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับบริษัทนำเที่ยว โรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในประทศ เพื่อปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการให้พร้อมรับการกลับมาของกรุ๊ปทัวร์จีน ซึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2565 จากข้อมูลของสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) พบว่า เมื่อจีนได้เปิดประเทศให้ประชาชนสามารถเดินทางต่างประเทศได้เป็นปกติหลังยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ เชื่อว่าจะมีชาวจีนอย่างน้อย 3 ล้านคนเดินทางด้วยรถไฟสปป.ลาว-จีน โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่สนใจสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างหลวงพระบางซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญในการท่องเที่ยว ทั้งนี้ สปป.ลาวได้รับการจัดอันดับจากสื่อท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น CNN, National Geographic และ The Telegraph ให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของโลกประจำปี 2566

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten25_Laos_gears_y23.php