ภาคการผลิตของเมียนมาดึงดูด FDI ทั้งหมด 40 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนเมษายน

ตามสถิติที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัท (DICA) การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 39.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไหลเข้าสู่ภาคการผลิตของเมียนมาจากวิสาหกิจ 8 แห่งในเดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2567-2568 (เมษายน-มีนาคม) โดยในเดือนเมษายน ภาคการผลิตมีส่วนดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ 100% ซึ่งบริษัทจีนมีการลงทุนในภาคการผลิตเป็นหลักโดยมี 4 โครงการ ตามมาด้วยอินโดนีเซีย อินเดีย จีนไทเป และสิงคโปร์ในแต่ละโครงการ สถานประกอบการผลิตที่ต้องการกำลังแรงงานจำนวนมากได้รับการจัดลำดับความสำคัญเพื่อสร้างโอกาสในการทำงานให้กับคนในท้องถิ่น ทั้งนี้ ภาคการผลิตของเมียนมาส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปและสิ่งทอที่ผลิตในรูปแบบ CMP และมีส่วนช่วยต่อ GDP ของประเทศในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี ตามคำแถลงของ สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปเมียนมา (MGMA) สมาคมฯ มุ่งมั่นที่จะเร่งความพยายามในการพัฒนาภาคส่วนสิ่งทอและเสื้อผ้าของเมียนมา โดยร่วมมือกับแบรนด์และพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่ง ณ เดือนเมษายน 2567 มีโรงงานที่ดำเนินการอยู่ 539 แห่งที่ดำเนินการภายใต้ MGMA ซึ่งประกอบด้วยโรงงานในจีน 315 แห่ง, เกาหลีใต้ 55 แห่ง, ญี่ปุ่น 18 แห่ง, จากประเทศอื่น ๆ 16 แห่ง, โรงงานในประเทศ 62 แห่ง และกิจการร่วมค้า 27 แห่ง และมีโรงงานกว่า 50 แห่งที่ปิดชั่วคราวในขณะนี้

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-manufacturing-sector-attracts-whole-fdi-of-us40m-in-april/#article-title

การค้าชายแดนกลับมาดำเนินต่อไปหลังจากสะพานมิตรภาพเปิดอีกครั้ง

ตามการระบุของผู้ค้าและผู้อยู่อาศัยบริเวณชายแดนเมียนวดี กล่าวว่า เมียวดีกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และการค้าชายแดนก็กลับมาดำเนินต่อตามปกติ หลังจากสะพานมิตรภาพ 2 แห่งถูกเปิดอีกครั้ง  สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์แห่งที่ 1 เชื่อมระหว่างไทยและเมียวดีได้เปิดอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 เมษายน หลังจากที่ปิดไปเมื่อวันที่ 23 เมษายน และสะพานแห่งที่ 2 เปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 30 เมษายน หลังจากปิดในวันที่ 11 เมษายน อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสะพานหมายเลข 2 ได้เปิดขึ้นอีกครั้ง และการค้าชายแดนได้ดำเนินการอีกครั้งตามปกติ สินค้าไทยเข้าเมียนมา และสินค้าเมียนมาส่งออกไปยังไทย ขณะนี้อุปทานสินค้าเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เมียวดีกลับคืนสู่สภาพเดิม ทั้งนี้ แม้ว่าทางหลวงสายเอเชียจะยังคงถูกปิดกั้น จึงมีการใช้ถนนทางเลือกเพื่อการค้าชายแดน และผ่านมาประมาณ 5 เดือนแล้ว ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งและค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้ค้าต้องใช้ช่องทางอื่นในการซื้อขาย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/border-trade-resumes-after-friendship-bridges-reopened/

รัฐบาล สปป.ลาว และภาคเอกชน เดินหน้าโครงการเครดิตคาร์บอนจากป่าไม้

รัฐบาล สปป.ลาว ร่วมมือกับบริษัทเอกชน ริเริ่มโครงการคาร์บอนเครดิตจากป่าไม้ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า โครงการนี้จะครอบคลุมพื้นที่ป่าไม้ 8 แห่ง มีพื้นที่รวมประมาณ 1.4 ล้านเฮกตาร์ ภายใต้ข้อตกลงระหว่างกระทรวงเกษตรและป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ AIDC Green Forest จะมีการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เพื่อความก้าวหน้าในการซื้อและการขายคาร์บอนเครดิตในอนาคต นายเพชรสภา ภูมิมาศักดิ์ ประธานโครงการ AIDC Green Forest กล่าวว่า โครงการริเริ่มดังกล่าวจะช่วยปกป้องและฟื้นฟูป่าไม้ ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศและการพัฒนาสังคมโดยรวม นอกจากนี้ยังจะเป็นก้าวสำคัญในการช่วยให้ลาวสามารถซื้อและขายคาร์บอนเครดิตจากป่าไม้ตามกลไกตลาดของลาวและต่างประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_86_Govt_y24.php

‘เวียดนาม’ เผยเม็ดเงินทุนจากต่างประเทศ ทะลักไหลเข้าอสังหาฯ และอุตสาหกรรม

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าประมาณ 6.28 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับว่าเป็นเม็ดเงินทุนไหลเข้ามากที่สุดในรอบ 5 ปี โดยภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงได้รับเงินทุนจากต่างประเทศมากที่สุด มูลค่า 4.93 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 78.5% ของเงินทุน FDI ทั้งหมด รองลงมาภาคอสังหาฯ 607.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศนั้น มีส่วนสำคัญอย่างมากในการส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศ และการลงทุนด้านทรัพย์สินทางปัญญาในหลายๆ โครงการใหม่ อย่างไรก็ดี เวียดนามจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมกำลังแรงงานให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fdi-flows-strongly-into-manufacturing-real-estate-post285568.vnp

‘หุ้น VinFast’ แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนาม ร่วงหนัก 65%

หุ้นวินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่สัญชาติเวียดนาม ร่วงลง 65% ในปีนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทจะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 1 แสนคัน เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในปีนี้ แต่ว่าผลประกอบการไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ในไตรมาสแรก ในชณะเดียวกัน บริษัทเตรียมระดมทุนในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยมีแผนที่จะสร้างโรงงานในรัฐนอร์ธ แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา รวมถึงอินโดนีเซียและอินเดีย

ทั้งนี้ Ken Foong นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence กล่าวว่าวินฟาสต์ ทำได้ดีในตลาดเวียดนาม เนื่องจากการแข่งขันไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่ในสหรัฐฯ และภูมิภาคอื่นๆ มีการแข่งขันรุนแรงมากกว่านี้ ทั้งนี้ในแง่ของการใช้กลยุทธ์ลดราคารถยนต์อย่างบริษัทเทสลา (Tesla)

นอกจากนี้ Jochen Siebert กรรมการผู้จัดการของ JSC Automotive Consulting กล่าวว่าวินฟาสต์ อาจบรรลุเป้าหมายการผลิต แต่จะไม่สามารถบรรลุยอดขายได้ เนื่องจากตลาดในประเทศของอ่อนแอเกินไป และขนาดของตลาดรถยนต์ในประเทศไม่ได้ใหญ่มากนัก ตลอดจนราคารถยนต์ค่อนข้างแพงและเล็กสำหรับตลาดรถหรู

ที่มา : https://finance.yahoo.com/news/vinfast-ev-ambitions-reality-check-230000804.html

IMF คาดอัตราเงินเฟ้อกัมพูชาทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.3 ในปี 2024

IMF คาดอัตราเงินเฟ้อกัมพูชาจะยังคงทรงตัวในปีนี้ที่ร้อยละ 2.3 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 2.1 ในปี 2023 สอดคล้องกับภาคส่วนอื่นๆ ของประเทศในกลุ่มเอเชียและแปซิฟิก ตามรายงานของ IMF Regional Economic Outlook ในเดือนเมษายน 2024 จากข้อมูลของ IMF คาดว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะขยายตัวกว่าร้อยละ 6 ในปีนี้ และเติบโตสู่ร้อยละ 6.1 ในปี 2025 เป็นรองแค่เพียงฟิลิปปินส์ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับประเทศในโซนเอเซีย ขณะที่ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ได้รายงานเสริมว่าในช่วงปี 2024 การเติบโตของกัมพูชาจะถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 8.6 ในขณะที่ภาคบริการจะขยายตัวที่ร้อยละ 6.4 และภาคการเกษตรที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.3 สำหรับความท้าทายต่อเศรษฐกิจกัมพูชา ได้แก่ หนี้ภาคเอกชนที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น การฟื้นตัวที่อ่อนแอจากภาคการก่อสร้าง ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง และจำนวนเที่ยวบินสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต่ำ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501483848/imf-says-cambodias-inflation-to-be-stable-at-2-3-percent-in-2024/

กัมพูชา-ญี่ปุ่น ร่วมหารือในระดับทวิภาคีดันการค้าและการลงทุนระหว่างกัน

Lim Lork Piseth รัฐมนตรีต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย Tuy Ry เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศญี่ปุ่น เข้าพบหารือกับ Mr. TAKAHASHI Shinichi รองนายกเทศมนตรีเมืองเซ็นได ณ ศาลาว่าการเซนได ประเทศญี่ปุ่น เพื่อหารือความร่วมมือในระดับทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเซนไดในด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การศึกษา และสุขภาพ โดยในโอกาสนี้ ฝ่ายเซนไดได้ศึกษาความเป็นไปได้ด้านการลงทุนและโอกาสทางการค้าในประเทศกัมพูชาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในส่วนของภาคการศึกษาและสุขภาพนั้น หน่วยงานรัฐบาลเมืองเซนไดกำลังพิจารณามอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาชาวกัมพูชาที่ต้องการเรียนจักษุวิทยาและมีอาชีพด้านการดูแลดวงตาเป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501484115/cambodia-japan-discuss-bilateral-trade-and-investment-cooperation/

เงินกีบลาวแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทไทย

สปป.ลาว กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากสกุลเงินกีบของประเทศยังคงอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทของไทย แนวโน้มดังกล่าวถือเป็นความท้าทายที่สำคัญต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจลาว โดย ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ธนาคารแห่งประเทศลาว (BOL) กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ 21,391 กีบต่อดอลลาร์สหรัฐ และ 596.90 กีบต่อหนึ่งบาทไทย อย่างไรก็ตามธนาคารพาณิชย์ เช่น Banque Pour Le Commerce Exterieur Lao Public (BCEL Bank), Phongsavanh Bank และอื่นๆ กำลังขายในราคาที่แตกต่างกัน โดยเสนอราคา 21,393 กีบต่อดอลลาร์สหรัฐ และ 657.90 กีบต่อหนึ่วบาทไทย

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/05/08/lao-kip-hits-record-lows-against-us-dollar-thai-baht/

คาด FTC ผลักดันการขนส่งของท่าเรือปกครองตนเองสีหนุวิลล์

โครงการ Funan Techo Canal (FTC) โครงข่ายคลองที่มีความยาวกว่า 180 กิโลเมตร ตัดผ่านระหว่างจังหวัดกันดาล ตาแก้ว กัมปอต และแกบ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จเร็วๆ นี้ ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการผลักดันกิจกรรมการขนส่งของท่าเรือปกครองตนเองสีหนุวิลล์ (PAS) ให้ถึงร้อยละ 90 ของปริมาณการส่งออกกัมพูชา ที่ปัจจุบันคิดเป็นการขนส่งสินค้าผ่าน PAS ร้อยละ 67 ตามมาด้วย การส่งออกผ่านทางท่าเรือพนมเปญ (PPAP) ร้อยละ 33 ตามรายงานของสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ปัจจุบัน PAS ถือเป็นท่าเรือที่ดำเนินกิจการโดยรัฐฯ ซึ่งเป็นศูนย์ขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา โดยสามารถจัดเก็บตู้สินค้าขนาด 20 ฟุต หรือ TEU (ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดมาตรฐาน) ได้จำนวนกว่า 797,778 ตู้ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6.35 จาก 750,148 TEU ในปีก่อนหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501483296/ftc-to-drive-activities-at-pas-to-90/

ราคาเกลือในกัมพูชาลดลงต่อเนื่อง จากสภาพอากาศที่ร้อน

Bun Narin ประธานสมาคมผู้ผลิตเกลือ GI ในเขตกัมปอต-แกป กล่าวกับสื่อท้องถิ่นว่า แม้ว่าปัจจุบันการผลิตเกลือธรรมชาติในกัมปอตจะมีปริมาณมากขึ้นอันเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน แต่ราคากลับปรับตัวลดลงอย่างมากอันเป็นผลมาจากมีผลผลิตส่วนเกินในตลาดที่สูงเกินความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งต้นทุนแรงงานในภาคการผลิตเกลือที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาเกลือในตอนนี้อยู่ที่ 8,000 ถึง 10,000 เรียลต่อถุง ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของราคาที่ขายให้กับเทรดเดอร์ในอดีต สำหรับในปี 2022 การผลิตเกลือให้ผลผลิตมากกว่า 60,000 ตัน ตามตัวเลขของกรมอุตสาหกรรมกำปอตรายงาน โดยในปีนี้การผลิตเกลือคาดว่าจะผลิตได้ราว 100,000 ตัน ในปี 2024 ภายใต้ความต้องการนำเข้าเกลือจากต่างประเทศที่ลดลงอันเป็นผลมาจากการผลิตเกลือในประเทศเพียงพอต่อความต้องการบริโภคในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501483668/salt-prices-fall-as-the-weather-heats-up/