‘บิ๊กซี’ขยายสาขาต่างแดน เปิดร้านสะดวกซื้อในกัมพูชา

บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบริษัทบีเจซี ล่าสุดเปิด “มินิบิ๊กซี สาขาตลาดเดโป” ร้านสะดวกซื้อสาขาแรกในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เนื่องจากมองเห็นโอกาสกำลังซื้อสูงจากการขยายตัว และการขยายตัวของธุรกิจ ในกัมพูชามีแนวโน้มเติบโตสำหรับ มินิบิ๊กซี สาขาตลาดเดโปตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ถนนชวาหระลาลเนห์รู บูเลอวาร์ด นำเข้าสินค้าจากไทยทั้งอาหารสดและอาหารแห้ง ทั้งนี้ ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเข้ามาจำหน่าย ประมาณ 20% ส่วนอนาคต ได้ตั้งเป้าหมายหลักที่กรุงพนมเปญ เนื่องจากเป็นเมืองศูนย์กลางการค้ามีประชากรจำนวน 2 ล้านคนจากประชากร 15.2 ล้านคนในประเทศ ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยด้านวัฒนธรรมตลอดจนความคล้ายคลึงกันในรสนิยมระหว่างกัมพูชาและไทย

ที่มา: https://www.naewna.com/business/601888

สะพานมิตรภาพลาว-ไทย แห่งที่ 5 สำเร็จไปแล้วกว่า 14 %

การก่อสร้างสะพานมิตรภาพลาว-ไทยแห่งที่ 5 เชื่อมจังหวัดบริคัมไซกับจังหวัดบึงกาฬในประเทศไทยข้ามแม่น้ำโขงคีบหน้า 14 % ของการก่อสร้างทั้งหมด เมื่อแล้วเสร็จคาดว่าสะพานจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและเส้นทางคมนาคมระดับภูมิภาคอีกแห่งสำหรับสปป.ลาวและประเทศเพื่อนบ้าน โครงการดังกล่าวได้รับความช่วยเหลือจากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย (สพพ.) ให้เงินกู้แก่รัฐบาลสปป.ลาว 1.38 พันล้านบาท นายเลทอง พรมวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการกล่วว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการก่อสร้างถนนและสะพานที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อไม่ให้ลาวถูกมองว่าไม่มีทางออกสู่ทะเลอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็นประเทศศูนย์กลางโลจิสติกส์ในระดับภูมิภาค ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งและกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสปป.ลาว”

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Road177.php

เวียดนามขึ้นเป็นประเทศผู้นำเข้าเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา

กัมพูชากล่าวถึงเวียดนาม ที่ถือเป็นประเทศผู้นำเข้าเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ของกัมพูชาในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2021 โดยข้อมูลรายงานจากกระทรวงเกษตรกัมพูชาเปิดเผยว่า กัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ประมาณ 876,531 ตัน ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 350 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งกล่าวว่าร้อยละ 99 ของการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทั้งหมดหรือเกือบ 870,000 ตัน ถูกส่งออกไปยังเวียดนาม โดยการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่เพาะปลูกและสินค้าคงคลังจากปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันกัมพูชามีการเพาะปลูกต้นมะม่วงหิมพานต์มากกว่า 500,000 เฮกตาร์ ในเขตพื้นที่ 10 จังหวัด ตามข้อมูลของสมาคมมะม่วงหิมพานต์กัมพูชา เพื่อเป็นการรองรับความต้องการของตลาดในระยะถัดไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50933602/vietnam-becomes-leading-market-of-cambodias-cashew-nuts/

ทางการกัมพูชารายงานถึง FDI ใหม่ในช่วงของการแพร่ระบาด

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) กล่าวเมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมาว่า ตามข้อเสนอการลงทุนสำหรับโครงการโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของบริษัท Flourish Garment (Cambodia) Co., Ltd. คณะกรรมการการลงทุนของ CDC กัมพูชา ได้ออกใบอนุมัติการจัดตั้งขั้นสุดท้ายให้แก่บริษัทที่ตั้งอยู่ในอำเภอเกียนสวาย จังหวัดกันดาล ด้วยเงินลงทุนประมาณ 5 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสามารถสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นได้ประมาณ 1,414 ตำแหน่ง ซึ่งทางการกัมพูชารายงานให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน แม้สถานการณ์ของโควิด-19 ในกัมพูชาจะยังไม่จบลง โดยเห็นได้จากโครงการลงทุนใหม่จากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนมาก ตามรายงานของ CDC ที่ได้อนุมัติโครงการลงทุนมากกว่า 90 โครงการในช่วงของการแพร่ระบาด โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2021 สร้างงานให้กับคนในประเทศมากกว่า 60,000 ตำแหน่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50932715/despite-pandemic-fdi-continue-to-flow-into-cambodia-with-5-million-garment-factory-in-kien-svay/

ไทยเฮ!‘IMF’จัดสรรเงินช่วย แนะใช้1.4แสนล้านบ.สู้โควิด

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF มีมติให้จัดสรรเงินจากกองทุน SDRs จำนวนมากถึง 6.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับประเทศสมาชิก ขณะที่ไทยที่ได้รับเงินจัดสรรด้วยในวงเงินราว 1.4 แสนล้านบาทหรือ 4.4 พันล้านดอลลาร์ ขณที่ รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า รัฐบาลควรหารือกับ ธปท. เพื่อนำเงิน SDRs ที่ได้รับการจัดสรรมาใหม่จำนวนนี้มาใช้ด้านการคลัง โดยมุ่งไปที่การเยียวยาผู้ว่างงานและลงทุนทางการศึกษา การจัดซื้อวัคซีนและการลงทุนทางด้านสาธารณสุข เห็นควรใช้ SDRs ไปแลกกับเงินสกุลหลักเพื่อนำมาจัดซื้อวัคซีน นอกจากเป็นการช่วยเหลือประเทศและประชาชนแล้ว ยังเป็นการช่วยเสริมสภาพคล่องในระบบการเงินโลกอีกด้วย

ที่มา: https://www.naewna.com/business/601657

‘เวียดนามเตรียมเปิด ‘เกาะฟูโกว๊ก’ ต้อนรับนนท.ต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้ว

กระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวของเวียดนาม เตรียมเสนอให้เกาะฟูโกว๊ก (Phu Quoc) เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีหนังสือเดินทางวัคซีนในเดือนตุลาคม นาย Nguyen Trung Khanh ประธานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) กล่าวว่าแผนงานดังกล่าวเป็นโครงการนำร่องระยะเวลา 6 เดือนและอาจมีการปรับแผนขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเกาะฟูโกว๊กต้องได้รับการฉีดวัคซีนมาแล้วครบ 2 โดสที่ททางการเวียดนามรับรอง และต้องผ่านการทดสอบด้วยวิธี RT-PCR ทั้งนี้ นาย Nguyen Luu Trung รองประธานจังหวัดเกียนซาง แสดงถึงความกังวลว่าในปัจจุบัน เกาะฟู้ก๊วกได้รับการฉีดวัคซีนเพียง 35%ของประชากรทั้งหมด และจำเป็นต้องสรรหาวัคซีนเพิ่มอีกราว 250,000-300,000 โดส เพื่อให้มีความครอบคลุมได้อย่างปลอดภัย

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20210911/vietnam-prepares-to-welcome-vaccinated-foreign-tourists-to-phu-quoc/63038.html

‘HSBC’ ชี้เวียดนามคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจในด้านการลงทุน

ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ได้เปิดเผยสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคในเดือนกันยายน 2564 ว่าตลาดเวียดนามจะยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดของนักลงทุนต่างชาติในอนาคตข้างหน้า อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจเวียดนาม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้า ทั้งนี้ สมาคมเครื่องหนังรองเท้าและกระเป๋าถือของเวียดนาม (LEFASO) ระบุว่าผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปมากกว่า 30% ระงับการผลิต ส่งผลให้ยอดการส่งออกเสื้อผ้าในเดือนสิงหาคมลดลง 4.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ว่ายอดการส่งออกโทรศัพท์และชิ้นส่วน พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในเดือนสิงหาคม อัตราการเติบโต 11% ต่อปี ในขณะที่ยอดการส่งออกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าเวียดนามจะเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้น ธนาคารเอชเอสบีซีมองว่าเวียดนามคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากเวียดนามมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-continues-to-be-attractive-investment-destination-hsbc-889966.vov

เมียนมาเปิดด่านทิกิ ด่านมุต่อง กลับมาค้าขายได้ปกติ

ด่านตีกีและด่านมุต่อง ชายแดนเมียนมา-ไทย ได้รับอนุญาตให้เปิดกลับมาค้าขายได้ปกติอีกครั้ง ก่อนหน้สการค้าระหว่างเมียนมาและไทยถูกปิดชั่วคราวเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือนจนถึงสิ้นเดือนส.ค.64 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งด่านชายแดนเหล่านี้ตั้งอยู่ในเขตตะนาวศรี สินค้าที่ส่งออกไปยังไทยผ่านชายแดนทั้ง 2 ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งปัจจุบัน รถบรรทุกวิ่งผ่านได้แต่พนักงานขับรถต้องได้รับการตรวจ COVID-19 แล้วเท่านั้น และตู้คอนเทนเนอร์รวมถึงห้องเย็นต้องดำเนินการตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขของเมียนมา ทั้งนี้ไทยถือเป็นผู้นำดข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำรายใหญ่ เมื่อปีงบประมาณที่แล้ว เมียนมาส่งสินค้าประมงมูลค่า 318 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปยังไทย ในขณะที่การส่งออกการประมงรวมอยู่ที่ 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/hteekhee-mawtaung-border-crossings-return-to-normal/#article-title

ต้นทุนปลูกพริกพุ่งขึ้น ! ส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกลดฮวบเกือบครึ่ง

สมาคมตลาดค้าพริกเและการพัฒนาทางเทคนิคของเมียนมา เผย ปีนี้พื้นที่เพาะปลูกพริกลดลงครึ่งหนึ่งเนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อความต้องการพริก เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับตลาดต่างประเทศ และข้อจำกัดในการถอนเงินสดจากธนาคารในเมียนมา ทำให้พื้นที่เพาะปลูกพริกลดลง 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากราคาปุ๋ยและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่สูงซึ่งสร้างกังวลสำหรับผู้เพาะปลูก อีกทั้งยังมีการปิดด่านชายแดนมูเซ ของจีน ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.64 ซึ่งเป็นด่านชายแดนหลักของประเทศ ทำให้เมียนมาหันไปส่งออกไปยังไทยผ่านชายแดนเมียวดีแทน ขณะที่ราคาพริกในปีนี้เหลือเพียง 1,300 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กก.) ขณะที่ปีที่แล้วทำสถิติสูงถึง 5,000-6,000 จัตต่อ viss โดยพริกขี้หนูสดถูกส่งออกไปยังเวียดนามผ่านทางเรือ และส่งออกไปยังจีนและไทยผ่านชายแดนเป็นหลัก

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/rising-input-costs-drop-half-chilli-cultivation-acres/#article-title

FTA กู้วิกฤตดันส่งออกสินค้าเกษตร 7 เดือนปี 64 ทะลุ 1 หมื่นล้าน!

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงข้อมูลการส่งออกสินค้าเกษตร (กสิกรรม ประมง และปศุสัตว์) ไป 18 ประเทศคู่เจรจา FTA ช่วง 7 เดือนปี 64 ทะลุ 11,664.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 33% ความตกลงการค้าเสรี (FTA) มีส่วนสำคัญในการสร้างแต้มต่อทางการค้าให้กับสินค้าเกษตรของไทยในตลาดโลก เนื่องจากประเทศที่มี FTA กับไทยได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกส่วนใหญ่แล้ว ทำให้สินค้าไทยได้เปรียบด้านราคาและต้นทุนทางภาษีเมื่อต้องแข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่น ช่วยให้สินค้าเกษตรมีการส่งออกขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้พบตลาดเกาหลีใต้โตแรง มั่นใจ! แนวโน้มส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจตลาดสำคัญฟื้นตัว

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-757862