‘เวียดนาม’ ปรับเพิ่มงบประมาณรายจ่าย ปี 65 แตะ 22.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

รัฐบาลเวียดนามเตรียมปรับเพิ่มเงินทุนสำหรับโครงการสาธารณะ เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นมูลค่า 516.7 ล้านล้านดอง (22.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) รวมถึง 35 ล้านล้านดอง (1.53 พันล้านเหรียญสหรัฐ) จากเงินทุนต่างประเทศ ซึ่งตัวเลขข้างต้นได้รับการเปิดเผยจากกระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) ที่นำเสนอเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขเพื่อเร่งการลงทุนของภาครัฐในปี 2564 และแผนสำหรับปีหน้า ทั้งนี้ กระทรวงฯ ชี้ว่ารัฐบาลเตรียมผลักดันโครงการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2559-2563 ในขณะที่ได้เริ่มดำเนินการโครงการใหม่ เพื่อหวังว่าจะกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ กระทรวงฯ ได้เสนอให้นำงบประมาณของรัฐที่จัดสรรในปี 2564 สำหรับกระทรวงหรือหน่วยงานท้องถิ่นที่มีการเบิกจ่ายต่ำกว่า 60% ณ วันที่ 30 ก.ย. ไปใช้ในโครงการที่มีความสำคัญหรือมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินทุน

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-to-raise-capital-expenditure-to-u227-billion-in-2022-318651.html

‘เวียดนาม’ เผยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมช่วยฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยว

กระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมจัดทำแผนฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยทางกระทรวงฯ เสนอให้มีการจัดทำโปรแกรมสินเชื่อพิเศษแก่ธุรกิจที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยว เพื่อให้กิจการดังกล่าวสามารถจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานได้และปรับปรุงสินค้าและบริการทางด้านการท่องเที่ยวใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังมีการเร่งโครงการ/มาตรการเยียวยาของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวมถึงกระทรวงฯ ยังได้เสนอให้มีการปรับลดหรือยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียม เพื่อช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวและฝึกอบรมทางด้านทรัพยากรมนุษย์ ทั้งนี้ ภายใต้แผนฟื้นฟู กระทรวงฯ เสนอให้มีการท่องเที่ยวภายในประเทศ อย่างเช่น “เวียดนามเที่ยวเวียดนาม เที่ยวปลอดภัย เที่ยวน่าสนใจ”

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/ministry-plans-to-support-firms-to-help-tourism-recover/

มันฝรั่งจากอำเภอยวางาน ความต้องการสูง ราคาพุ่ง

มันฝรั่งที่เก็บเกี่ยวจากอำเภอยวางาน กำลังขนส่งไปสู่ตลาดขายส่งผักทีริมาร์ลา ในมัณฑะเลย์ โดยจะมีรถบรรทุกมันฝรั่ง7-8 คันต่อวัน ไปยังตลาด ราคาเมื่อปีก่อนอยู่ที่ 700 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กก.) แค่ ณ ตอนนี้ราคาอาจพุ่งไปถึง 900-1,000 จัตต่อ viss  ขึ้นอยู่กับขนาดและคุณภาพ อย่างไรก็ตาม มันฝรั่งยังมีความต้องการสูงในปีนี้ ท่ามกลางผลกระทบจากโควิด-19 เนื่องจากมันฝรั่งดิบสามารถอยู่ได้นานหลายเดือน ส่งผลให้ราคาสูงขึ้น แต่ขณะที่ผักอื่นๆ เช่น กะหล่ำปลี ถั่วแดง และดอกกะหล่ำยังขายในราคาปกติ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/potato-from-ywangan-area-fetches-high-price/

National Road 13 ปรับปรุงแล้วสำเร็จไปแล้วกว่า 40 เปอร์เซ็นต์

การปรับปรุงถนนแห่งชาติ 13 ทางเหนือระหว่างหมู่บ้านสิกขิตในเขตนาไซทองของเมืองหลวงและอำเภอโพนหงในแขวงเวียงจันทน์เสร็จสมบูรณ์แล้วกว่า 40 % การปรับปรุงประกอบด้วยการปรับปรุงพื้นผิวถนนและการติดตั้งช่องระบายน้ำสองข้างทางถนนเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว 58 กม. โครงการนี้ได้รับทุนจากธนาคารโลก กองทุนนอร์ดิก กองทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย และกองทุนถนนของรัฐบาล National Road 13 เป็นเส้นทางหลักของประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ถนนสายนี้เป็นทางหลวงสายสำคัญที่สุดในประเทศสปป.ลาว เชื่อมกับจีนทางตอนเหนือและกัมพูชาทางตอนใต้ รวมระยะทาง 1,500 กม. นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมโยงด้านลอจิสติกส์ที่สำคัญไปยังเวียดนามและประเทศไทย การปรับปรุงถนนครั้งนี้จะเป็นส่วนช่วยสำคัญในการส่งเสริมประสิทธิภาพด้านการขนส่งระดับภูมิภาคของสปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Road177.php

โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าบางแห่งในกัมพูชา ไม่คัดค้านการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าบางแห่งเห็นชอบกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการเตรียมการยื่นเรื่องเข้าเจรจารอบแรก ในวันที่ 14 ก.ย. กับสหภาพแรงงานกัมพูชา โดยการปรับขึ้นค่าแรงเป็น 214.20 ดอลลาร์ต่อเดือน ในขณะนี้ยังคงมีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในปัจจุบัน ซึ่งประธานสหภาพแรงงานกัมพูชากล่าวว่าบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตชุดกีฬา กระเป๋าถือ และรองเท้า โดยเฉพาะแบรนด์ระดับพรีเมียม มีแนวโน้มที่จะเพิ่มค่าจ้างให้กับแรงงานโดยไม่คำนึงถึงการตัดสินใจของผู้ผลิตรายอื่น ๆ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับโรงงานทั่วไปที่ไม่สามารถขึ้นค่าแรงได้เพราะโรงงานบางแห่งจำเป็นต้องควบคุมและลดค่าใช้จ่ายในช่วงการแพร่ระบาด เพื่อความอยู่รอดของบริษัท

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50931983/not-all-factories-oppose-minimum-wage/

รมว.พาณิชย์กัมพูชา ยืนยันความร่วมมือทางการค้ากับสิงคโปร์

กัมพูชาและสิงคโปร์ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาได้จัดการประชุมทางวิดีโอกับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งได้หารือถึงความคืบหน้าในการให้สัตยาบันความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ระหว่างสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพื่อสร้างกลุ่มการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งได้พูดคุยกันเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19 ซึ่งรายงานว่าสองประเทศมีระดับปริมาณการฉีดวัคซีนสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนครบ 2 โดส แล้วกว่าร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมดที่มีอยู่ 16 ล้านคน ทางด้านสิงคโปร์ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส แล้วประมาณร้อยละ 80 ของประชากร ซึ่งการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสิงคโปร์มีมูลค่าถึง 4.2 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยการลงทุนของสิงคโปร์ในกัมพูชาสูงถึง 1.29 พันล้านดอลลาร์ระหว่างปี 1994 ถึง 2020

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50931917/the-commerce-minister-reaffirms-trade-cooperation-with-singapore/

‘นักธุรกิจแคนาดา’ เชื่อมั่นเศรษฐกิจเวียดนาม

ผู้ประกอบการชาวแคนาดามีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนาม แม้ว่าจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 ที่สร้างผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจและการเติบโตของประเทศ ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ของสำนักข่าวเวียดนาม คุณ Marc Djandji นักวิเคราะห์การเงินชาร์เตอร์ด กล่าวว่าประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดหุ้นที่มีพลวัต (dynamic) แห่งหนึ่งที่สุดในโลก และเศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นจนถึงครึ่งแรกของปีนี้ ทั้งนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของเวียดนามจะหยุดชะงักลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากการแพร่ระบาดไปยังอุตสาหกรรมการผลิตและการก่อสร้าง ถือเป็นแรงคับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเวียดนามนั้นขึ้นอยู่กับการฉีดวัคซีน ตลอดจนความร่วมมือและความรับผิดชอบร่วมกันของคนในประเทศ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1026159/canadian-businesses-believe-in-viet-nams-medium-term-economic-outlook.html

‘เวียดนาม’ เผยทิศทางการส่งออกขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

ตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าสิ้นปีนี้ ยอดการส่งออกสูงถึง 313 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี หากเวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ ขณะที่ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมียอดการส่งออก/นำเข้ารวม ประมาณ 242.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 27.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็นผลมาจากช่วงครึ่งแรกของปีเติบโตได้ดีและมั่งคง ทั้งนี้ สินค้าที่มีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ โทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วน 35.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 33.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ดี การส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เนื่องจากความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่าการระบาดของโควิดระลอกที่ 4 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลักและศูนย์กลางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของประเทศ ตลอดจนก่อให้เกิดการอพยพของคนงานจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1026158/export-outlook-depends-on-virus-control.html

เมียนมานำเข้ายา พุ่ง 397.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 9 เดือนแรกของปีงบฯ ปัจจุบัน

มูลค่าการนำเข้ายาของเมียนมาอยู่ที่ประมาณ 397.46 ล้านดอลลาร์ในช่วงเก้าเดือน (ต.ค.63- มิ.ย.64) ของปีงบประมาณปัจจุบัน 2563-2564 โดยเมียนมานำเข้ายาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ 90% จากต่างประเทศ อินเดียเป็นแหล่งนำเข้าหลักสำหรับเมียนมา นอกจากนี้ยังมีบังคลาเทศ จีน เยอรมนี อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ใต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ปัจจุบันมีการนำเข้ายาอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ราคายาเพิ่มขึ้น 5-10% จากการอ่อนค่าของจัต ส่วนกรมการค้าเมียนมาได้ยกเว้นใบอนุญาตนำเข้าชั่วคราวสำหรับสินค้า 92 HS code (รหัสศุลกากร) รายการ นาน3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.64 เป็นต้นไป เพื่อเอื้อสำหรับการค้าในช่วงวิกฤต COVID-19 ปัจจุบันสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) พร้อมหน่วยงาน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกในการของยาในช่วงวิกฤต COVID-19

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-pharmaceutical-imports-top-397-46-mln-in-nine-months/

ธนาคารโลกเน้นย้ำโอกาสและความท้าทายของเศรษฐกิจสปป.ลาว

ตามรายงานของธนาคารโลกฉบับใหม่ ระบุว่าเศรษฐกิจลาวคาดว่าจะเติบโตที่ 3.6% ลดลงจากการตัวเลขคาดการณ์การเติบโตที่ 4% ในเดือนมีนาคม 2564  การฟื้นตัวคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตของการส่งออกที่แข็งแกร่ง เนื่องจากอุปสงค์ภายนอกฟื้นตัว ด้านภาคบริการก็มีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่จะกลับมาขยายตัวได้ดีในอนาคตเมื่อมีการเปิดประเทศรับนักท่องที่ยว ด้านการลงทุนคาดว่าหลังจากการสิ้นสุดของการรถไฟลาว-จีนในปีนี้ จะมีส่วนส่งเสริมสปป.ลาวอย่างยิ่งในการเติบโตด้านเศรษฐกิจและความแข็งด้านการเชื่อมต่อกลับพรหมแดนนูมิภาค นอกจากนี้ยังมีแผนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เช่น ทางด่วนระหว่างอำเภอวังเวียงในแขวงเวียงจันทน์กับชายแดนลาว-จีน และเส้นทางภาคใต้อื่นๆ ด้านการส่งออกจะได้รับประโยชน์จากช่วยเหลือและการให้โควต้าของจีนและการลงนามในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค อย่างไรก็ตามสถานการณ์โควิดในปัจจุบันจะเป็นปัจจัยในเชิงลบต่อเศรษฐกิจของสปป.ลาว ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญทั้งในด้านสาธารณะสุขที่ต้องมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับแผนการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_World176.php