จีนมอบวัคซีนโควิด -19 แก่สปป.ลาว 300,000 โด๊ส

กระทรวงสาธารณสุขสปป.ลาว ได้รับวัคซีนโควิด -19 จำนวน 300,000 โดสจากประเทศจีนและได้เริ่มฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์มากกว่า 600 คนแล้ว การช่วยเหลือเกิดขึ้นภายใต้กองทุนตอบสนอง โควิด -19 จากประเทศจีนและได้ส่งมอบอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา วัคซีนดังกล่าวผลิตโดย China’s Sinopharm (China National Pharmaceutical Group Co. , Ltd. ) รองศาสตราจารย์ดร.บุญคง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสปป.ลาวกล่าวว่า “คาดว่าประชากรสปป.ลาว 1.6 ล้านคนหรือร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด จะได้รับการฉีดวัคซีนในปีนี้และคาดการณ์ในปี 2565 จะฉีดได้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมดและเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไปนอกจากนี้สปป.ลาวยังคาดหวังว่าจะได้รับวัคซีนโควิด -19 จาก Gavi COVAX Facility ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่ดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าทั่วโลกสามารถเข้าถึงวัคซีน Covid-19 ได้อย่างเท่าเทียมกันของ WHO เพื่อตอบสนองต่อการป้องการแพร่ระบาดของโควิด -19 อย่างมีประสิทธิภาพ  

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_China_27.php

การส่งออกของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง

การส่งออกของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯในปี 2020 ยังคงแข็งแกร่งแม้จะเกิดวิกฤตการระบาดของโควิด-19 แต่ถึงอย่างไรการส่งออกของกัมพูชาไปยังคู่ค้าหลักอื่น ๆ ก็ยังคงลดลง จากตัวเลขของสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่ากัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มูลค่ารวมกว่า 6.577 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยกัมพูชานำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่ารวมอยู่ที่ 343 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับตัวเลขของปี 2019 ซึ่งการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 6.921 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 จากปีก่อน โดยสินค้าส่งออกของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯ ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์สำหรับการเดินทาง เป็นหลัก ส่วนกัมพูชานำเข้าสินค้าสำคัญจากสหรัฐฯ ได้แก่ ยานพาหนะ อาหารสัตว์ และเครื่องจักร เป็นสำคัญ ซึ่งการส่งออกของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯดำเนินการภายใต้ระบบ Generalized System of Preferences (GSP) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่ถือเป็นข้อได้เปรียบสำหรับการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯในรูปแบบปลอดภาษี (เฉพาะสินค้าที่กำหนด)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50811365/cambodian-exports-to-us-show-strength-in-2020/

ระบบบำบัดน้ำเสียบนเนื้อที่สีหนุวิลล์ในกัมพูชาใกล้แล้วเสร็จ

กระทรวงโยธาธิการกล่าวถึงการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียในสีหนุวิลล์เสร็จสมบูรณ์แล้วร้อยละ 93 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการกล่าวระหว่างการตรวจเยี่ยมความคืบหน้าของโครงการโรงบำบัดน้ำเสีย ซึ่งจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของจังหวัด รวมถึงเพื่อการท่องเที่ยวและเพื่อดึงดูดการลงทุนในอนาคต โดยการเพิ่มขีดความสามารถของโรงบำบัดน้ำและการสร้างระบบบำบัดน้ำเสียในจังหวัดพระสีหนุเป็นการป้องกันไม่ให้น้ำเสียไหลลงสู่ทะเลและเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เมื่อเปิดดำเนินการแล้วโรงงานจะสามารถบำบัดน้ำเสียได้ถึง 30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันก่อนปล่อยสู่ทะเล ซึ่งรัฐบาลได้อัดฉีดเงินทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับจังหวัดให้เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดในประเทศ โดยใช้เงินลงทุนถึง 300 ล้านดอลลาร์ ในการสร้างถนน 34 สาย ในจังหวัดและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50811473/sihanoukville-wastewater-facility-nearly-complete/

เวียดนามเผยหนี้เสียพุ่งแตะ 4.5% ปี 64

ตามรายงานงบการเงินของกลุ่มธนาคารเผยตัวเลขหนี้เสีย (NPL) ของธนาคารเวียดนาม 20 แห่งในสิ้นปี 2563 ได้เพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อยู่ที่ 83.4 ล้านล้านด่อง (3.58 พันล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับธนาคาร Techcombank นั้นพบว่ามีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ 0.5% ซึ่งต่ำกว่า 1.3% ที่ได้บันทึกไว้เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ถือว่าเป็นตัวเลขอัตราส่วนที่ต่ำที่สุดในกลุ่มภาคธนาคาร ในขณะที่ ธนาคาร Vietcombank มีหนี้เสีย ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 5.22 ล้านล้านด่อง ลดลงกว่า 50% และมีอัตราส่วนหนี้เสียลดลงอย่างมาก 1.01% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 มาอยู่ที่ระดับ 0.62% ณ สิ้นปี 2563 อย่างไรก็ตาม หนี้เสียของธนาคารจะเพิ่มสูงขึ้น หากเอาหนี้มารวมกัน โดยวิธีการปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญธนาคาร มองว่าหากสินเชื่อครึ่งหนึ่งกลายมาเป็นหนี้เสีย ส่งผลให้อัตราหนี้เสียจะพุ่งมากกว่า 3 เท่า ภายในสิ้นปีนี้

  ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/871751/bad-debts-of-20-banks-up-45-in-2020.html

เวียดนามเผย ม.ค. ยอดส่งออกผักและผลไม้ ลดลง 7.6%

กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) เผยว่าในเดือนมกราคม เวียดนามส่งออกผักและผลไม้อยู่ที่ 260 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุส่วนใหญ่มาจากไม่สามารถคาดการณ์ถึงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ซึ่งหน่วยงานดังกล่าว ชี้ว่าประเทศจีนยังเป็นผู้นำเข้าผักและผลไม้รายใหญ่ที่สุดในปีที่แล้ว ด้วยสัดส่วน 56.3% ของส่วนแบ่งตลาดรวม ถึงแม้ว่ายอดการส่งออกผักและผลไม้ไปยังตลาดจีน จะลดลง 25.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี อยู่ที่ระดับ 1.84 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาตลาดสหรัฐฯ (168.8 ล้านเหรียญสหรัฐ) ไทย เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ตามลำดับ นอกจากนี้ มูลค่าการนำเข้าผักและผลไม้ในเดือนมกราคมอยู่ที่ 140 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.3% โดยประเทศจีน สหรัฐฯและออสเตรเลียเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดในตลาดเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแนะนำถึงบริษัทในท้องถิ่นว่าควรจะยกระดับคุณภาพของสินค้า เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎระเบียบและทำให้แน่ใจว่าถูกต้องตามกฎด้านอาหารและความปลอดภัย

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/fruit-and-vegetable-exports-decline-by-76-in-january-836248.vov

MADB จับมือ JICA ปล่อยกู้ 500 ล้านจัตให้เกษตรกรมัณฑะเลย์

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 64 ที่ผ่านมา ธนาคารพัฒนาการเกษตรแห่งเมียนมา (MADB) สาขามัณฑะเลย์ ลงนามความร่วมมือกับสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ปล่อยเงินกู้ประมาณ 500 จัตล้านให้แก่เกษตรกรจาก 9 เมืองในเขตมัณฑะเลย์ เพื่อให้เกษตรกรนำไปซื้อเครื่องจักรการเกษตรที่ทันสมัย ผู้จัดการ สามารถเพิ่มผลผลิตการทำฟาร์มได้โดยการเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่การเกษตรแบบอุตสาหกรรมส่งผลให้มาตรฐานดีขึ้นต้นทุนต่ำลงและคนมีงานทำมากขึ้น รายงานล่าสุดระบุว่า JICA มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของเมียนมา ซึ่งได้ลงนามข้อตกลงกับกระทรวงเกษตรปศุสัตว์และการชลประทานเพื่อร่วมมือในโครงการห่วงโซ่คุณค่าพืชผลทางการเกษตรที่ครอบคลุมผลผลิต เช่น ผักขม ฟักทอง มะเขือเทศ แครอท และบรอกโคลี

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/k500-million-loans-granted-mandalay-farmers.html

พบสินค้าที่มีเอี่ยวกองทัพเมียนมา ยอดขายดิ่งฮวบ

ยอดขายสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเมียนมาลดลงอย่างมากเนื่องจากประชาชนยังคงประท้วงต่อการยึดอำนาจของกองทัพ ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับกองทัพกำลังเป็นที่ต้องการน้อยลงในตลาด รวมถึงแบรนด์อย่าง Myanmar Beer, ซิมการ์ด MyTel และบัตรเติมเงิน Ruby Cigarettes และรถบัสด่วนพิเศษ เช่น Shwe Mann Thu และ Shan Ma Lay เมียนมาร์ไทม์สยังพบว่าขณะนี้ผู้ใช้จำนวนมากที่เคยใช้ซิมการ์ด MyTel และบริการไฟเบอร์ได้หันไปใช้บริการเจ้าอื่น เช่น Telenor และ Ooredoo แคมเปญต่อต้านการรัฐประหารอย่าง “Stop Buying Junta Businesses” เปิดตัวบนโลกโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 64 หลังการยึดอำนาจเมื่อวันก่อนโดยผู้นำจากกลุ่มรุ่น 88 เพื่อสันติภาพและสังคมเปิดกว้าง” (88 Generation Peace and Open Society) ออกแถลงการณ์รณรงค์อีกครั้งเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 64 ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้แคมเปญ Stop Buying Junta Businesses ได้แก่ Myanmar Beer, Dagon Beer, Mandalay Beer, MyTel SIM card และบริการอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์, Kantharyar Private Hospital, Shwe Mann Thu และ Shan Ma Lay express และ 7th Sense Production เป็นต้น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/sales-tatmadaw-linked-products-decline.html

จุรินทร์ สกัดพ่อค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า ตรุษจีน

จุรินทร์ สั่ง พาณิชย์ทุกจังหวัด ตรวจสอบราคาสินค้า ช่วงตรุษจีน ห้ามไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าช่วงนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด ออกตรวจตลาดทุกพื้นที่ในความรับผิดชอบ โดยกำชับมิให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะช่วง หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฏหมายอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดการกระทรวงพาณิชย์ จัดพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชนอย่างต่อเนื่อง ล็อตที่9 ซึ่งเริ่มลดราคาสินค้า ค่าบริการตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2564 รวมระยะเวลา 1 เดือน โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการทั้ง 11 แพลตฟอร์ม ที่จะนำสินค้า บริการ ค่าขนส่งเข้าร่วมลดราคาเพื่อช่วยเหลือประชาชนลดค่าครองชีพ ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการ ร้านค้าที่อยู่บนแพลตฟอร์มที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 1 แสนร้านค้าและมีสินค้าเข้าร่วมกว่า 1 ล้านรายการที่ร่วม “ปัจจุบันจากสถานการณ์โควิด ทำให้ประชาชนใช้ช่องทางการสั่งซื้อสินค้า อาหาร เครื่องอุปโภค โดยใช้บริการขนส่งแบบเดลิเวอรี่ ตนจึงได้กำชับให้พาณิชย์ทุกจังหวัดดุแลอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้ง สำรวจราคาสินค้า ตรวจการปิดป้ายแสดงราคาสินค้า รวมไปถึง การปิดป้ายราคารับซื้อพืชผลทางการเกษตรด้วย”

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-609832

นายกฯ สปป.ลาวแนะเจ้าหน้าที่รัฐปฏิรูปการลงทุนของรัฐป้องกันวิกฤตเศรษฐกิจ

นายกรัฐมนตรีทองลุน สีสุลิด ได้บอกกับหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการลงทุนของภาครัฐให้มีการปฏิรูปการลงทุนของรัฐและดูแลให้การใช้จ่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเสริมสร้างเศรษฐกิจมหภาคและป้องกันวิกฤตทางด้านการเงินของสปป.ลาวที่อาจส่งผลกระทบหากไม่รีบแก้ไขคำแนะนำของนายกฯ เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานออกมาว่า การลงทุนของรัฐบาลในหลายโครงการในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่สามารถให้ผลได้เต็มที่ บางโครงการใช้เงินลงทุนสูงเกินสมควรในขณะที่หลายโครงการไม่จำเป็นต้องลงทุน ปัญหาดังกล่าวทำให้การขาดดุลงบประมาณขยายตัวมากขึ้นและหนี้ก็เพิ่มขึ้นในระดับสูง การใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองได้สร้างความตึงเครียดด้านงบประมาณและการระบาดของโรคโควิด -19 ทำให้เศรษฐกิจที่เปราะบางของสปป.ลาวลาวแย่ลง ภายหลังจากการประชุมนายกฯ ยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงขั้นตอนที่จะปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เพื่อโอกาสในการดึงดูดนังลงทุนเข้ามาเพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM_26.php

รัฐบาลกัมพูชาร่วมกับหอการค้ายุโรป ส่งเสริม SME ผ่านเทคโนโลยีสีเขียว

กัมพูชาและสหภาพยุโรป (EU) มุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันในการส่งเสริมการพัฒนา SME ผ่านเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมสีเขียวในกัมพูชา โดยคำมั่นสัญญาดังกล่าวถูกกล่าวขึ้นในการประชุมระหว่างรัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ร่วมกับประธานหอการค้ายุโรปในกัมพูชา (EuroCham) ซึ่งได้กำหนดขอบเขตความร่วมมือระหว่างกันในการพัฒนาเทคโนโลยีการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้วยเทคโนโลยีสีเขียว และการปรับปรุงทรัพยากรมนุษย์ ทั้งยังยืนยันการหารือก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับร่างกฎหมายการลงทุน ในการแก้ไขการทับซ้อนกันในการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ทรัพย์สินทางปัญญา และนวัตกรรม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50811281/cambodia-eurocham-to-boost-sme-technology-science-and-green-industry/