มหาชัยพบแรงงานเมียนมาติดเชื้อโควิด กว่า 1,700 คน

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขประเทศไทย พบแรงงานเมียนมากว่า 1,700 คนติดเชื้อโควิด -19 ในอำเภอมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร จนถึงวันที่ 3 มกราคม 64 สมุทรสาครมีผู้ป่วยกว่า 1,900 คนในจำนวนนี้เป็นแรงงานต่างชาติชาวเมียนมามากกว่า 1,700 คน มหาชัยมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมาและมีเพียง 10% เท่านั้นที่เป็นคนไทย ขณะนี้มีการกักตัว การตรวจสอบที่เข้มงวดรวมถึงการห้ามเดินทางระหว่างจังหวัด มีแรงงานเมียนมากว่า 4,000 คนติดอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้จะอนุญาตจะให้แรงงานเมียนมาที่ไม่มีเอกสารได้รับการตรวจสุขภาพอีกด้วย จากรายงานของบางกอกโพสต์ไทยวางแผนที่จะตรวจเชื้อโควิด -19 ในแรงงานเมียนมาประมาณ 10,000 คนและตอนนี้กำลังมีแผนจะเพิ่มจำนวนเป็นประมาณ 40,000 คน จากข้อมูลขององค์กรช่วยเหลือบางแห่งระบุว่าแรงงานเมียนมากำลังเผชิญกับการถูกเลือกปฏิบัติในและบางส่วนถูกไล่ออกจากงาน

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/mahachai-sees-over-1700-myanmar-migrant-workers-infected-with-covid-19

NBC ชี้ถึงความเสี่ยงต่อการเติบโตของหนี้สินส่วนบุคคลในกัมพูชา

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) กล่าวว่าการลดลงของรายได้ส่วนบุคคลและการออมในปี 2020 ก่อให้เกิดความเสี่ยงหลักสำหรับการเพิ่มขึ้นของหนี้สินส่วนบุคคลในกัมพูชาที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2021 ตามรายงานเศรษฐกิจและการธนาคารฉบับปรับปรุงปี 2020 โดยยอดสินเชื่อสำหรับผู้บริโภค ณ เดือนกันยายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 9.11 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ Credit Bureau Cambodia ซึ่งประธานสมาคมธนาคารในกัมพูชา (ABC) และประธานและกรรมการผู้จัดการกลุ่มของธนาคาร ACLEDA รวมถึง NBC กล่าวถึงความเสี่ยงและความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินส่วนบุคคล โดยได้เตรียมออกมาตรการที่รอบคอบและการสนับสนุนด้านอื่นๆที่จำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพของธนาคารในกัมพูชาต่อไป ซึ่งธนาคารกลางกล่าวเพิ่มเติมว่าหากวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 ทั้งยังควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสได้สำเร็จภายในช่วงครึ่งแรก คาดว่าเศรษฐกิจกัมพูชาอาจจะกลับมาเติบโตได้ที่ร้อยละ 4 ในปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50799995/nbc-outlines-2021-risks-for-personal-debt-growth/

การเติบโตของบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพืชในกัมพูชา

ในปี 2019 กรุงพนมเปญเพียงแห่งเดียวสร้างขยะมากถึง 3,000 ตันต่อวัน โดย 600 ตันเป็นขยะพลาสติกตามรายงานของ Konrad-Adenauer-Stiftung (KAS) ซึ่งปัจจุบันขยะเพิ่มขึ้นทั่วกัมพูชาในอัตรากว่าร้อยละ 10 ต่อปี ในขณะที่กัมพูชากำลังรอการห้ามใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในประเทศ ก็ได้ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์จากพืชได้รับผลกระทบในเชิงบวก โดยผู้อำนวยการบริหารของ Plant-Based Products Council (PBPC) กล่าวว่าผู้บริโภคมีความต้องการที่ชัดเจนในการสนับสนุนและส่งเสริมนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์จากพืชแต่ต้องใช้เวลาสักระยะในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ Single use plastic เช่น ภาชนะโฟม ถุงพลาสติก และช้อนส้อม อยู่เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามขยะพลาสติกเหล่านี้ยังมีส่วนลดทอนความสวยงามตามธรรมชาติของกัมพูชาและยังเพิ่มปัญหามลพิษที่รุนแรงอีกด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50800189/plant-based-packaging-growing/

Fitch Solutions คาดการณ์ GDP ของเวียดนาม ปี 64 โต 8.6%

Fitch Solutions ได้ประเมินอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของเวียดนามในปี 2564 เพิ่มขึ้น 8.6% จาก 8.2% ก่อนหน้านี้ เป็นผลมาจากภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เหตุจากอุปสงค์ต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากข้อตกลงการค้าเสรี อาทิ EVFTA, UKVFTA และ RCEP เป็นต้น เศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 4 ของปี 63 คาดว่าจะเติบโต 4.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนไว้ที่ 2.7%YoY ซึ่งเศรษฐกิจที่ขยายตัวเร่งขึ้นในไตรมาสที่ 4 นั้น เนื่องมาเศรษฐกิจทั่วโลกดีขึ้น แต่ยังได้รับการส่งเสริมจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและภาคบริการ ทั้งนี้ การผลิตอุตสาหกรรมและก่อสร้าง ที่มีสัดส่วนร้อยละ 33.7 ของ GDP ในปี 63 ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของประเทศในปีนี้ โดยทางฟิทซ์คาดการณ์ว่าภาคการผลิตจะดำเนินต่อไปอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ จากการได้รับประโยชน์ของข้อตกลงการค้าเสรีหลายฉบับ โดยเฉพาะข้อตกลงการค้าเสรีสหราชอาณาจักร – เวียดนาม (UKVFTA) นอกจากนี้ เรื่องการเปิดตัววัคซีน จะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวและเวียดนามจะรองรับอุปสงค์จากต่างประเทศสำหรับการส่งออกมากยิ่งขึ้น

  ที่มา : http://hanoitimes.vn/fitch-solutions-revises-up-vietnam-gdp-growth-forecast-to-86-in-2021-315738.html

ตลาดค้าปลีกของเวียดนาม มีมูลค่าถึง 172 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 63

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เผยตลาดค้าปลีกของเวียดนามในปี 2563 มีมูลค่า 172 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ไปทั่วโลก แต่เวียดนามยังสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการฟื้นตัวในเดือนสุดท้ายของปี และการที่ยอดค้าปลีกในช่วงสิ้นปีมีอัตราการขยายตัวได้สูงนั้น เนื่องมาจากกลุ่มร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ทั้งนี้ ในปี 2563 ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการของเวียดนามโดยรวม มีมูลค่าสูงถึง 219.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับปี 62 อย่างไรก็ตาม ในตามหัวเมืองต่างๆ หรือจังหวัด ชี้ให้เห็นว่าเมืองโฮจิมินห์มีการเติบโตของค้าปลีกอย่างแข็งแกร่งในปี 63 ด้วยอัตราการเติบโต 12%YoY ด้วยมูลค่า 33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-retail-market-expands-7-to-record-high-of-us172-billion-in-2020-315740.html

โอกาส-ความท้าทายโครงการรถไฟและทางด่วนสปป.ลาว-จีน

ถึงแม้จะมีโอกาสมากมายที่เข้ามายังสปป.ลาวผ่านโครงการลงทุนรถไฟสปป.ลาว – ​​จีนและทางด่วนเวียงจันทน์ – โบเตน แต่สปป.ลาวก็จำเป็นต้องจัดการกับความท้าทายที่มาพร้อมกับโอกาสครั้งนี้ ทางรถไฟและทางด่วนเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสปป.ลาวที่จะเปลี่ยนประเทศจากการไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นแผ่นดินที่เชื่อมต่อในภูมิภาค อย่างไรก็ตามยังมีข้อควรพิจารณาที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อที่จะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ประการแรกจำเป็นต้องสร้างถนนที่เชื่อมทางรถไฟกับแหล่งผลิตเพื่อให้ขนส่งสินค้าได้สะดวก ประการที่สองต้องบูรณาการโลจิสติกส์และบริการข้ามพรมแดนเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า ประการที่สามการพัฒนาเมืองอัจฉริยะเพื่อดึงดูดการค้าและการลงทุนมากขึ้น ประการที่สี่ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาที่สปป.ลาวมากขึ้น โครงการดังกล่าวไม่เพียงแค่สร้างการพัฒนาแก่สปป.ลาวตามรายงานของซินหัว หากจีนและประเทศในอาเซียนทำการค้าโดยใช้ทางรถไฟผ่านสปป.ลาวจะได้รับประโยชน์มากขึ้นและจะสร้างมูลค่าการค้าที่สูงขึ้นจากการขนส่งที่มีคุณภาพและรวดเร็วขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Expert_2.php

จีนหนุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์คาดแล้วเสร็จภายใน เม.ย. 64

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 29 โครงการที่กำลังดำเนินการโดยจีนในเมียนมาจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายนนี้ คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์และเมื่อเสร็จสมบูรณ์และสามารถกระจายพลังงานไปยังกริดแห่งชาติได้ โครงการดังกล่าวจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันหลังจากได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเมียนมา โดยบริษัทที่ได้ชนะการประมูลส่วนใหญ่มาจากจีน ซึ่งราคาประมูลของจีนต่ำกว่าที่อุตสาหกรรมคาดการณ์ไว้ที่ 0.0422 ดอลลาร์สหรัฐต่อหน่วย ราคาเสนอซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 0.0508 ดอลลาร์

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/china-backed-solar-projects-be-completed-april.html

เอกชนเชียร์บิ๊กตู่ล็อกดาวน์แค่พื้นที่เสี่ยง

เอกชนเชียร์บิ๊กตู่ล็อกแค่พื้นที่เสี่ยง หวั่นล็อกทั้งประเทศ ศก.เจ็บหนักแน่ จี้รัฐเพิ่มสิทธิคนละครึ่งอีก 20-30 ล้านราย หวังหล่อเลี้ยงร้านค้า–ลดภาระประชาชน  พับเราเที่ยวด้วยกันไปก่อน นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับมาตรการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ประกาศไม่ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ หรือประกาศเคอร์ฟิว โดยใช้วิธีแก้ปัญหาเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงไป เนื่องจากหากประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศ จะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจอย่างรุนแรงแน่นอน  เพราะตอนนี้ไม่ใช่ว่าทุกพื้นที่จะเสี่ยงสูงทั้งหมด พื้นที่ไหนมีปัญหา ก็เลือกแก้เฉพาะจุด มีความเหมาะสมมากกว่า พื้นที่ไหนพอไปได้ ความเสี่ยงน้อย ก็ให้เฝ้าระวัง และป้องกันอย่างเข้มข้นต่อไป เพื่อให้เศรษฐกิจยังพอขับเคลื่อนได้  นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประเมินความเสียทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การระบาดรอบ 2 เสียหายประมาณวันละ 3,000 – 5,000 ล้านบาท หรือประมาณเดือนละ 1–1.5 แสนล้านบาท เป็นผลจากประชาชนชะลอการใช้จ่าย เทียบจากการประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศครั้งแรกช่วงเดือน มี.ค.–เม.ย. 63 มีมูลค่าความเสียหายวันละ 10,000 ล้านบาท แม้การระบาดรอบ 2 จะยังไม่มีการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ แต่มีมูลค่าความเสียหายสูง เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้กึ่งๆ ล็อกดาวน์ทั้งประเทศแล้ว และจังหวัดที่ล็อกดาวน์ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ และเมืองท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี ระยอง ทั้งนี้ภาครัฐ ควรกระตุ้นมาตรการทางเศรษฐกิจลงมาเพิ่มเติมในไตรมาสแรก เพื่อชดเชยมูลค่าเศรษฐกิจหายไปเป็นแสนล้านบาท โดยพาะมาตรการคนละครึ่ง ที่เห็นผลอย่างชัดเจนในการช่วยกระจายรายได้อย่างทั่วถึง และช่วยลดภาระค่าครองชีพ ควรเปิดกว้างเพิ่มเติมอีก 20 -30 ล้านราย เพื่อกระจายอย่างทั่วถึง ซึ่งไม่รวมกับผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปแล้ว ขณะที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ควรชะลอไปก่อน รอให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้วกลับมาให้คนเดินทางท่องเที่ยวใหม่ เชื่อว่า หากเติมเงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ทั้งปี 64 ขยายตัวได้บวก 2-3% แต่ถ้าไม่มีมาตรการกระตุ้นออกมา จีดีพีจะขยายตัวในกรอบ 0-2% เท่านั้น      

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/816820

จีนช่วยให้สปป.ลาวเข้าถึงวัคซีน COVID-19

สปป.ลาวจะได้รับวัคซีนโควิด -19 จากจีน 2,000 โด๊ส บางส่วนได้เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่อาสาสมัครไปแล้ว 200 ราย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ. บุญคง สีหะวงศ์ กล่าวในแถลงการณ์วันนี้ว่า “สปป.ลาวได้รับการจัดส่งวัคซีน Sinopharm Covid-19 จากจีนและได้ฉีดให้กลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เป็นกลุ่มแรกและเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองฉีดวัคซีนระยะแรกอีกด้วย”  สปป.ลาวเป็นหนึ่งใน 92 ประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตร “COVAX” โดยกลุ่มประเทศดังกล่ามีประชากรรวมประมาณร้อยละ 15 – 20 ของประชากรโลก ซึ่งจะได้รับวัคซีน Sinopharm Covid-19 ภายในเดือนเมษายน 2564 ในขณะเดียวกันวัคซีน “Sputnik V” ที่ผลิตโดยรัสเซียประมาณ 500 โด๊ส จะถูกส่งไปยังสปป.ลาวในช่วงต้นเดือนมกราคม 2564 ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2021/01/04/china-to-help-laos-get-access-to-covid-19-vaccine