พาณิชย์เมียนมาคาดภาคการค้าขยายตัว 109.73%

กระทรวงพาณิชย์ เผยเมียนมามีรายได้จากการค้าเกินเป้าหมายสำหรับปีงบประมาณ 2562-2563 ปริมาณการค้ามีมูลค่า 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐและเทียบกับ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณที่แล้ว โดยในปีนี้ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ผลิตและส่งออกผลไม้ดอกไม้และผักของเมียนมาเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดผลไม้ในท้องถิ่นในช่วง COVID-19 นอกจากนี้ยังจัดตั้ง Myanmar Online Expo Park และจัดงาน Myanmar International Expo of Organic and Natural Products ทางออนไลน์ในเดือนสิงหาคม ปีงบประมาณนี้มีการส่งออกมีมูลค่าประมาณ 17,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 18.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2561-2562 โดยการส่งออกพบว่าเพิ่มขึ้น 851 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การค้าต่างประเทศขยายตัวกว่า 10%  ส่วนใหญ่ โดยภาคการส่งออกส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าและสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ในขณะที่การนำเข้าจะเป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลา งวัสดุเสื้อผ้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งอุปสงค์จากต่างประเทศมีแนวโน้มเชิงบวก ตัวอย่างเช่น ความต้องการหัวหอมจากบังกลาเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ด้านการส่งออก ความต้องการสินค้าอื่น ๆ เช่น น้ำผึ้งและกาแฟมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งน้ำผึ้งสามารถส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (EU) ส่วนความต้องการกาแฟจากต่างประเทศก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยมีการถูกส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และยุโรป ในช่วงห้าปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกกาแฟเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าคิดเป็นมูลค่ากว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้จาก 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2557 และเมียนมายังเริ่มส่งออกเบียร์ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว Carlsberg Myanmar ได้เริ่มส่งออกเบียร์ Tuborg Beer ไปยังจีน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/trade-sector-exceeds-10973pc-estimates-minister-commerce.html

ธุรกิจท่องเที่ยวลดราคาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในท้องถิ่น

ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและการบริการได้ลดค่าใช้จ่ายในการให้บริการและแพคเกจทัวร์ของตนลงเพื่อให้มีราคาที่เหมาะสมมากขึ้นและส่งเสริมให้ชาวสปป.ลาวเดินทางไปพักผ่อนทั่วประเทศ เพื่อชดเชยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 การสำรวจเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า Covid-19 ได้ลดรายได้ของธุรกิจนำเที่ยวและการบริการในเมืองหลวงพระบางซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกของสปป.ลาวประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ภาคการท่องเที่ยวอาจไม่ใช่ภาคที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่การที่ภาคบริการไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร      บริษัททัวร์ได้รับผลกระทบนั้นก็อาจผลต่อระดับการจ้างที่จะต้องมีการปลดคนออกทำให้อัตราการว่างงานสูงซึ่งในระยะยาวหากไม่มีการแก้ไขปัญหาหรือมาตราการช่วยเหลืออาจนำมาซึ่งการถดถอยของเศรษฐกิจสปป.ลาว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Tourism201.php

รายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลกัมพูชายังคงแข็งแกร่ง

การจัดเก็บภาษีของรัฐบาลยังคงแข็งแกร่งแม้ในช่วงของการระบาดของ โควิด-19 ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 2.25 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ตามรายงานของ General Department of Taxation (GDT) โดยรายงานแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และถือเป็นร้อยละ 78.10 ของเป้าหมายในการจัดเก็บภาษีประจำปี อย่างไรก็ตาม GDT เก็บเงินได้เพียง 162.22 ล้านดอลลาร์ ในเดือนกันยายนลดลงร้อยละ 18.75 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลได้เสนอให้มีการยกเว้นภาษีสำหรับธุรกิจท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และอุตสาหกรรมการบิน เนื่องจากภาคส่วนต่างๆได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 โดย GDT ยังคงกระตุ้นให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบ e-VAT และจัดให้มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ภาษีเพื่อให้พร้อมสำหรับการดำเนินการด้านภาษีโดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50772989/tax-collection-strong/

สนามบินนานาชาติสีหนุของกัมพูชาอัพเกรดรันเวย์ใหม่

สนามบินนานาชาติสีหนุพัฒนารันเวย์ขยายจาก 2,500 เมตร เป็น 3,300 เมตร เพื่อทำการรองรับเที่ยวบินในอนาคต ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น B-777-300ER หรือ A-350-1000 ที่ให้บริการเที่ยวบินตรงระยะไกลไปและกลับจากสนามบินนานาชาติสีหนุ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสีหนุวิลล์ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวและเป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึกที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งในระหว่างปี 2015-2019 สีหนุได้ให้กี่ต้อนรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 94,000 คน สู่ 1.6 ล้านคน ซึ่งการเดินทางผ่านสนามบินพนมเปญ เสียมราฐ และสีหนุวิลล์ลดลงถึงร้อยละ 75 ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาจากผลกระทบของโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ประกาศมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับบางภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบเพื่อเป็นการรับมือกับการแพร่ระบาดของ โควิด-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50772830/sihanouk-airport-upgrades-runway-flights-due-to-begin-from-the-58-million-investment-before-the-end-of-the-year/

IMF ฟันธง “เศรษฐกิจไทย” รอดตำแหน่งบ๊วยอาเซียน

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะติดลบ 7.1% ในปีนี้ ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ว่าจะติดลบ 7.7% ขณะที่เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์จะติดลบ 8.3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ส่วนปี 2564 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4.0% ส่วนเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน-5 ซึ่งประกอบด้วยไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม คาดเศรษฐกิจอินโดนีเซียจะหดตัว 1.5% ในปีนี้ และขยายตัว 6.1% ในปีหน้า, มาเลเซียจะหดตัว 6.0% ในปีนี้ และขยายตัว 7.8% ในปีหน้า, ฟิลิปปินส์จะหดตัว 8.3% ในปีนี้ และขยายตัว 7.4% ในปีหน้า ส่วนเวียดนามเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีการขยายตัวในปีนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 1.6% ขณะที่ปีหน้าขยายตัว 6.7% IMF ยังคาดการณ์ว่าไทยมีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในอาเซียน โดยทรงตัวที่ระดับ 1.0% ในปีนี้ และปีหน้า เช่นเดียวกับในปี 2562

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/money_market/452697

สปป.ลาวและจีนเร่งส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค

จีนได้เปิดทางด่วนอีกเส้นที่เชื่อมทางตอนใต้ของประเทศกับชายแดนสปป.ลาวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคและส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีน – อาเซียน ทางด่วนเวียงจันทน์ – บอเต็นที่กำลังก่อสร้างอยู่ จะลดเวลาในการเดินทางระหว่างสองประเทศ เชื่อกันว่าจะช่วยปรับปรุงเครือข่ายถนนในภูมิภาคส่งเสริมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ระหว่างสปป.ลาวและจีนเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค ทางด่วน Xiaomengyang-Mohan สร้างขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของทางหลวงคุนหมิง – กรุงเทพฯผ่านสปป.ลาว ทางด่วนสายที่ 2 มณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนไปยังชายแดนสปป.ลาวก็เปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ เวียงจันทน์ – วังเวียงเป็นด่านแรกของทางด่วนเวียงจันทน์ – บอเต็นและมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมปีนี้ เมื่อสร้างเสร็จจะลดเวลาเดินทางระหว่างเวียงจันทน์และวังเวียงเหลือเพียง 1.5 ชั่วโมง ส่วนที่วางแผนไว้อีกสามส่วนล ได้แก่ วังเวียง – หลวงพระบาง หลวงพระบาง – อุดมไซและอุดมไซ – โบเต็น ยังขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากรัฐบาลสปป. ขณะนี้ทางรถไฟสปป.ลาว – ​​จีนสร้างเสร็จแล้วมากกว่า 90% คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการรถไฟประมาณ 14 ล้านคนต่อปี จีนมีความตั้งใจที่จะให้ทางรถไฟเชื่อมต่อเมืองหลวงของอาเซียนโดยที่คุนหมิงทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค รัฐบาลสปป.ลาวถือว่าทางรถไฟและทางด่วนเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนประเทศจากการไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นการเชื่อมต่อทางบกภายในภูมิภาคลดต้นทุนการขนส่งและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/10/13/laos-and-china-keen-to-boost-regional-connectivity

ยอดขายรถจักรยานยนต์เวียดนาม ลดลง 18.49% ในไตรมาสสามปี 2563

สมาคมผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เวียดนาม (VAMA) รายงานว่าตัวเลขยอดขายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ดิ่งลงร้อยละ 18.49 เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 677,739 คัน บริษัทฮอนด้ามอเตอร์เวียดนาม ระบุว่าในเดือนกันยายน เพียงเดือนเดียว มียอดขายรถจักรยานยนต์สูงถึง 169,917 คัน และมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 80.1 ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในไตรมาสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคม-กันยายน ยอดขายรถจักรยานยนต์ทั้งหมด อยู่ที่ 1.92 ล้านคันและยอดขายชิ้นส่วนมากกว่า 214,000 ชิ้น/เดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไม่สามารถทำยอดขายตรงตามเป้าที่ตั้งไว้ได้เหมือนกับปีก่อนๆ

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/motorcycle-sales-taper-off-1849-percent/188506.vnp

ค่าเงินด่องของเวียดนามมีแนวโน้มเสถียรภาพ

จากรายงานของฟิทช์ โซลูชันส์ (Fitch Solutions) ระบุว่าในระยะสั้น ทางธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) คาดว่ายังคงรักษาเสถียรภาพของค่าเงินด่องได้ เนื่องจากต้องควบคุมระดับของความสามารถทางการแข่งขันด้านการส่งออก ด้วยเหตุนี้  ฟิทช์ โซลูชันส์ปรับค่าเงินด่องเวียดนามเฉลี่ยที่ 23,250 ด่อง/ดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 และมาอยู่ในระดับที่ 23,400 ด่อง/ดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 ขณะที่ ค่าเงินด่องยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่เดือนก.ค. ทั้งนี้ คาดว่าการเกินดุลการค้าของเวียดนามยังคงต่อเนื่อง เนื่องจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการส่งออกยังได้รับแรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับผลกระทบจากข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ที่ช่วยกระตุ้นการส่งออกของประเทศ ในขณะที่ การไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยในปีนี้เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับผลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 นอกจากนี้ ทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือนก.ค. อยู่ที่ 84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางธนาคาร SBV มองว่ายังสามารถรักษาระดับของค่าเงินด่องในไม่กี่เดือนข้างหน้า และมีแนวโน้มว่าจำเป็นต้องซื้อเงินสำรองต่างประเทศมากขึ้น เพื่อที่จะให้ค่าเงินด่องกลับมาอ่อนค่าลง

ที่มา : http://hanoitimes.vn/stable-outlook-expected-for-vietnamese-dong-314500.html

แนวโน้มท่องเที่ยวอาเซียนบูมยุคนิวนอร์มอล

ทราเอ็กซ์เอเชีย(TraXasia) ผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณาในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เปิดเผยรายงานแนวโน้มนักท่องเที่ยวประจำไตรมาส 4 ปี 2563 ชี้การท่องเที่ยวระยะใกล้จะได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคนิวนอร์มอล ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจีนจะยังคงเป็นตลาดนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ตามมาด้วยเกาหลีใต้ ขณะไทยติดโผจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการท่องเที่ยวขาเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา และคาดว่าการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง เนื่องจากการท่องเที่ยวระยะใกล้จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในช่วงของการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดทั่วโลก นอกจากนี้ จากผลสำรวจยังพบด้วยว่า จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำที่คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปีนี้ ได้แก่ เวียดนาม (โฮจิมินห์ ฮานอย ดานัง) มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง โคตาคินาบาลู) และ ไทย (กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่)

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/902272

กัมพูชาและจีนร่วมลงนามข้อตกลงทางด้านการค้า

กัมพูชาและจีนได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ณ พนมเปญ โดยมีนายกรัฐมนตรีฮุนเซน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนเข้าร่วมพิธีลงนาม ซึ่งนายฮุนเซนพูดถึง FTA ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองต่อประเทศกัมพูชา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่าเขตการค้าเสรีจะช่วยให้กัมพูชาก้าวข้ามจากผลกระทบที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันในหลายด้าน ซึ่งฝ่ายกัมพูชามีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างกัมพูชาและจีน โดยจะยังคงสนับสนุนจีนอย่างต่อเนื่องในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและยินดีที่จะทำงานร่วมกับจีนเพื่อกระชับความร่วมมือที่ส่งผลประโยชน์ร่วมกันในด้านต่างๆต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50772642/cambodia-china-sign-trade-deal/