เมียนมาอนุมัติกู้สินเชื่อของ ADB หนี้คงค้างที่ 8.8 ล้านล้านจัตในปี 61-62

หนี้ในประเทศและต่างประเทศของเมียนมาอยู่ที่ 40.8 ล้านล้านจัต ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 ซึ่งใกล้เคียงกับร้อยละ 40 ของ GDP ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและอุตสาหกรรมแจ้งให้รัฐสภาทราบเกี่ยวกับรายงานหนี้สินประจำปี 2561- 2562  ในวันที่ 24 กรกฎาคม หนี้ของประเทศประมาณร้อยละ 63 เป็นหนึ้ภายในท้องถิ่น ในขณะเดียวกันเงินทุนต่างประเทศส่วนใหญ่ถูกจัดสรรให้กับกระทรวงการก่อสร้างและกระทรวงการไฟฟ้าและพลังงาน คาดว่าในปีนี้หนี้จะเพิ่มขึ้นอีกโดยรัฐบาลได้กู้ยืมเงินจาก ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อสนับสนุนโครงการระดับประเทศและโครงการกระตุ้นทางเศรษฐกิจของ COVID-19 สภาผู้แทนราษฎรของเมียนมาอนุมัติการกู้ยืมเงิน 171.3 ล้านดอลาร์สหรัฐจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ใช้ในโครงการไฟฟ้าเขตชนบทในรัฐกะเหรี่ยง เขตอิรวดี เขตพะโค และเขตมะกเว คาดว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับ 2,815 หมู่บ้าน จำนวน 400,400 ครัวเรือน เงินกู้ดังกล่าวมีระยะเวลา 32 ปี รวมระยะเวลาผ่อนผันแปดปีซึ่งจะเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ร้อยละ 1 สำหรับส่วนที่เหลืออีก 24 ปี อัตราดอกเบี้ยจะเป็นร้อยละ 1.5 โดยอัตราผลตอบแทนภายในทางเศรษฐกิจคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 15

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-approves-adb-loan-outstanding-debt-hits-k408-trillion-2018-19.html

INFOGRAPHIC : ผู้ผลิตอุตสาหกรรมและแปรรูปเวียดนาม 80.6% เห็นว่าแนวโน้มธุรกิจไปในทิศทางที่ดีขึ้น

สถานการณ์ธุรกิจในประเทศ คาดว่าจะดีขึ้นหรือยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 แบ่งออกเป็นประเภทธุรกิจ ดังต่อไปนี้

คาดการณ์แนวโน้มการทำธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 (% จากการคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจของผู้ประกอบการ)

  • ภาพรวมธุรกิจ : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 80.6% มองว่าในอนาคตมีทิศทางที่ดีขึ้นหรือทรงตัว และ 19.4% ทำธุรกิจได้ยากขึ้น
  • ธุรกิจ FDI : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 75.9% มองว่าในอนาคตมีทิศทางที่ดีขึ้นหรือทรงตัว และ 24.1% ทำธุรกิจได้ยากขึ้น
  • รัฐวิสาหกิจ : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 79.7% มองว่าในอนาคตมีทิศทางที่ดีขึ้นหรือทรงตัว และ 20.3% ทำธุรกิจได้ยากขึ้น
  • ธุรกิจเอกชน : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 82.6% มองว่าในอนาคตมีทิศทางที่ดีขึ้นหรือทรงตัว และ 17.4% ทำธุรกิจได้ยากขึ้น

คาดการณ์แนวโน้มการผลิตและยอดตำสั่งซื้อในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 (% จากการคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจของผู้ประกอบการ)

  • ปริมาณการผลิต : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 48.8% มองว่าปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น รองลงมา 33.1% ไม่เปลี่ยนแปลง และ 18.1% แย่ลง ตามลำดับ
  • ยอดคำสั่งซื้อ : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 45.1% มองว่าได้รับยอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น รองลงมา 36.6% ไม่เปลี่ยนแปลง และ 18.3% แย่ลง ตามลำดับ
  • ส่งออกคำสั่งซื้อ : ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 43.9% มองว่าได้รับยอดส่งออกคำสั่งซื้อไม่เปลี่ยนแปลง รองลงมา 34.2% เพิ่มขึ้น และ 21.9% แย่ลง ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/806-processing-manufacturing-firms-optimistic-about-business-outlook/179048.vnp

เวียดนาม-นิวซีแลนด์ เร่งส่งเสริมความร่วมมือทางการเงิน

กระทรวงการคลังเวียดนามและกระทรวงการคลังนิวซีแลนด์ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด่วยความร่วมมือด้านการเงิน ณ กรุงฮานอย วันที่ 23 ก.ค. เอกสารดังกล่าวได้รับการลงนามโดยคุณ Wendy Matthews เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำเวียดนาม พร้อมด้วยคุณ Tran Xuan Ha รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งการเซ็น MoU จะช่วยในการจัดระเบียบและความร่วมมือให้เป็นรูปธรรมระหว่างกระทรวงการคลังเวียดนาม-นิวซีแลนด์ รวมถึงความร่วมมือทวีภาคีในมิติต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงงบประมาณ, บริหารการเงินการคลังภาครัฐ, การจัดการหนี้, นโยบายภาษี, ความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและประเด็นทางการเงินอื่นๆ ทั้งนี้ นิวซีแลนด์มีความสามารถในการส่งเสริมเวียดนามหลายด้านด้วยกัน ได้แก่ การวิจัย การพัฒนาและการบังคับใช้นโยบาย เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-new-zealand-boost-financial-cooperation-ties-416435.vov

“สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด” คาดเศรษฐกิจเวียดนามปี 63 โต 3%

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจเวียดนามปี 2563 น่าจะเติบโตแบบชะลอตัวต่ำที่สุดในรอบหลายปีที่ร้อยละ 3 เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอ ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวของธนาคารฯ สูงกว่าการคาดการณ์ของ IMF ไว้ที่ร้อยละ 2.7 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของ ADB ที่ร้อยละ 4.1 ทั้งนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะกลับมาฟื้นตัว อันจะเป็นแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเวียดนามยังคงค่อนข้างพึ่งพาเศรษฐกิจโลก รองจากสิงคโปร์ โดยมีอัตราการค้าเทียบกับจีดีพี อยู่ที่ร้อยละ 198 อันดับสูงสุดในเอเชีย ได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปี 63 โตร้อยละ 3 อีกทั้ง การส่งเสริมของนโยบายการเงินและการคลังจะเข้ามาผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของรัฐบาลไว้ที่ร้อยละ 4-5 นอกจากนี้ ยอดการลงทุน FDI จะลดลงในปีนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนและความเชื่อมั่นในการลงทุนทั่วโลกหดตัวลง คิดเป็นมูลค่ารวม 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnams-2020-growth-seen-at-3-stanchart-313393.html

รัฐบาลเมียนมาวางแผนซื้อข้าวสำรองเพิ่ม

กระทรวงพาณิชย์เผยรัฐบาลกำลังวางแผนที่จะซื้อข้าวเพิ่มอีก 20,000 ตันเพื่อเป็นแหล่งสำรองข้าว  เมื่อต้นปีรัฐบาลเมียนมาประกาศจะซื้อข้าว 50,000 ตันจากเกษตรกรเพื่อการสำรองหลังตรวจพบ COVID-19 ในเมียนมาเป็นครั้งแรก และจะซื้อเพิ่มอีก 20,000 ตัน ข้าวได้รับการจัดหาจากบริษัทส่งออก 12 แห่งและเก็บไว้ที่โกดัง 9 แห่ง ระหว่างวันที่ 30 เมษายนถึง 12 มิถุนายน 2563 มีการซื้อข้าวจากเมืองย่างกุ้ง 40,000 ตัน 3,000 ตันจากมัณฑะเลย์ และ 1,000 ตันจากเนปิดอว์ เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 เมียนมาส่งออกข้าวได้สูงสุด 2.5 ล้านตันในปีงบประมาณ 2562-2563 มีการซื้อข้าวจากผู้ค้าข้าวในท้องถิ่นมากถึง 38 พันล้านจัตและคาดว่าจะซื้อข้าวสำหรับส่งออกได้มากถึง 10% เพื่อทำการสำรอง

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-govt-plans-buy-more-reserve-rice.html

นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาถึงสปป.ลาวลดลงกว่า 60%

นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาสปป.ลาวในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ลดลง 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการปิดด่านชายแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 จากการรายงานของกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยวพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลงจาก 2,228,459 คนในเดือนม.ค.-มิ.ย. ในปี 62 เป็น 886,447 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนลดลงจาก 1,462,985 เป็น 555,475 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน ไทยลดลงจาก 942,470 คน เป็น 350,098 ในขณะที่เวียดนามลดลงจาก 468,632 เป็น 186,174 จีนลดลงจาก 261,199 เป็น 138,457 เกาหลีใต้ลดลงจาก 46,967 เป็น 40,207 และญี่ปุ่นลดลงจาก 44,559 เป็น 11,081 ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเนื่องจากด่านชายแดนระหว่างประเทศถูกปิดในช่วงการระบาดของโควิด -19 ทุกส่วนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นได้รับผลกระทบรวมถึงโรงแรม รีสอร์ทและเกสต์เฮาส์ บริษัททัวร์และสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศ นอกจากนี้เหตุการณ์สำคัญหลายอย่างได้ถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไปธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยมีมูลค่ามากกว่า 450,000 ดอลลาร์สหรัฐที่หายไปจากภาคธุรกิจในช่วงสองเดือนแรกของปี สถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ (NERI) ระบุว่านักท่องเที่ยวจากจีนและไทยซึ่งเป็นตลาดชั้นนำของลาวลดลง 16% และ 5% ตามลำดับในช่วงเวลาเดียวกัน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_International_142.php

กัมพูชาศึกษาความเป็นไปได้ในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรม

การศึกษาความเป็นไปได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรมในจังหวัดเสียมเรียบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแปลงขยะเป็นพลังงานและรักษาความสะอาดในเขตเมือง ซึ่งโรงงานมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้า 12 เมกะวัตต์ ถูกเสนอโดยบริษัท MIZUDA ของจีน โดยใช้ขยะอย่างน้อย 210,000 ตันต่อปี เพื่อผลิตพลังงานประมาณ 750,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ถูกนำเสนอในการประชุมเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม โดยคณะผู้แทน MIZUDA ซึ่งบริษัทได้สรุปการสำรวจเมื่อปลายปี 2019 แสดงให้เห็นว่าจังหวัดเสียมเรียบปัจจุบันมีขยะประมาณวันละ 480 ตัน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 600 ตัน ในปี 2022 และ 1,000 ตันภายในปี 2035 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเสียมราฐให้การต้อนรับโครงการโดยเน้นว่าจะมีส่วนช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมและจัดจัดสรรไฟฟ้าประมาณร้อยลละ 10 ของการใช้พลังงานทั้งหมดในจังหวัด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50747710/feasibility-study-on-waste-to-energy-plant-in-siem-reap-province-proposed/

กัมพูชาวางแผนก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกเพิ่มเติมในสีหนุวิลล์ปีหน้า

การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก Phase 1 ในจังหวัดสีหนุวิลล์มีกำหนดเริ่มต้นในปี 2021 และคาดว่าจะใช้เวลาสามปีในการก่อสร้างจึงจะเสร็จสมบูรณ์ โดยรองผู้อำนวยการท่าเรืออัตโนมัติสีหนุวิลล์กล่าวว่าการออกแบบรายละเอียดของโครงการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการคัดเลือกบริษัทเพื่อทำการก่อสร้าง ซึ่งท่าเรือน้ำลึกที่กำลังจะก่อสร้างนี้มีความยาว 350 เมตร มีความลึกอยู่ที่ 14.50 เมตร โดยสามารถรองรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 13 เมตร และเรือขนาดกลางที่มีความจุ 5,000 TEU ได้ ซึ่งใช้เงินทุนจากการกู้ยืมเงินทางญี่ปุ่นประมาณ 209 ล้านดอลลาร์ ในเฟสแรกของท่าเรือน้ำลึกในการสร้างขึ้นด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50747703/deep-water-port-terminal-construction-at-sihanoukville-to-begin-next-year/

ปลดล็อกเฟส 4 ดันดัชนีอุตฯ ขยับขึ้นต่อเนื่อง

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมิ.ย.63 อยู่ที่ระดับ 80.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 78.4 ในเดือนพ.ค. 63 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยมีปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิด-19 ระยะที่ 3 และ 4 รวมทั้งยกเลิกคำสั่งเคอร์ฟิวส์ ขณะที่ด่านการค้าชายแดนเริ่มทยอยเปิดในหลายพื้นที่ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทย นอกจากนี้ตลอดเดือนมิ.ย.จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวันอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 100 ทั้งนี้ยังมีความกังวลต่อสภาพคล่อง และการเข้าไม่ถึงสินเชื่อโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดย่อม ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท รวมทั้งต้นทุนประกอบการสูงขึ้น คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 90.1 โดยลดลงจากระดับ 91.5 ในเดือนพ.ค. 63 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของกำลังซื้อในประเทศและการกลับมาระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระลอกสอง สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ มีอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น Made in Thailand 2. ขอให้ บสย. เข้ามาค้ำประกันสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ตามวงเงินกู้ ธปท. 5 แสนล้านบาทต่อหลังจากหมด พ.ร.ก. เงินกู้ฯ และ 3. ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในส่วนภูมิภาคโดยเฉพาะในพื้นที่ อีอีซี

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/890700?utm_source=category &utm_medium=internal_referral&utm_campaign=economic

INFOGRAPHIC : เวียดนาม-นิวซีแลนด์ ตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

ปี 2563 เป็นวันครบรอบ 45 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามและนิวซีแลนด์ ซึ่งทั้งสองประเทศพยายามกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธสาสตร์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-new-zealand-look-to-strategic-partnership/178978.vnp