ธนาคารกลางเมียนมาหั่นดอกเบี้ยลงอีก 1%

ธนาคารกลางของเมียนมา(CBM) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1% ในวันนี้ (24 มีนาคม) โดยลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 1.5%ภายในระยะเวลาสองสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารจะลดลงอย่างน้อย 6.5% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะไม่เกิน 11.5pc สำหรับสินเชื่อที่มีหลักประกันและ 14.5% สำหรับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันอื่น ๆ ภายหลังหนึ่งวันหลังมีรายงานผู้ป่วย COVID-19 สองรายเป็นครั้งแรก CBM ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก 0.5pc ในวันที่ 13 มีนาคมอัตรามีผลบังคับใช้ 16 มีนาคม ตั้งแต่วันนี้ถึง 1 เมษายนอัตราเงินฝากขั้นต่ำจะเป็น 7.5% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยจะไม่เกิน 12.5% สำหรับสินเชื่อที่มีหลักประกันและ 15.5%สำหรับสินเชื่อที่มีการค้ำประกันอื่น ๆ การผ่อนคลายนโยบายการเงินของ CBM เกิดขึ้นหลังจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหลายแห่งปิดตัวลงเนื่องจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและวัตถุดิบ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีโรงงานอย่างน้อย 20 แห่งจาก 500 แห่งที่ปิดกิจการทำให้มีผู้ว่างงานมากกว่า 10,000 คน เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ด้านประกอบการท้องถิ่นกล่าวว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนก่อนที่จะเห็นผลกระทบของอัตราที่ลดลงหลังจากนั้นอาจจำเป็นต้องลดลงต่อไปอีก

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-central-bank-cuts-interest-rate-further-1.html

เวียดนามส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์พุ่งสูงขึ้นไปยังสหรัฐฯ ในช่วง 2 เดือนแรก

จากรายงานของกรมศุลกากร เผยว่าเวียดนามส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปยังสหรัฐฯ ด้วยปริมาณอยู่ที่ 17,900 ตัน คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 126.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21, 3.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยราคาส่งออกเฉลี่ยของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในช่วง 2 เดือนแรก อยู่ที่ 7,046 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับตลาดสหรัฐฯ เนเธอแลนด์และจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้ สมาคมเม็ดม่วงหิมพานต์เวียดนาม ระบุว่าอุตสาหกรรมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของเวียดนาม คาดว่าจะได้รับความลำบากในการส่งออกช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสินค้าล้นตลาด ซึ่งการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว มีความเสี่ยงหลายประการด้วยกันและเกิดความผันผวนของตลาดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ทางหน่วยงานแนะนำให้ผู้ประกอบการประเมินอย่างรอบด้านก่อนที่จะทำสัญญาซื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์(ดิบ) โดยไม่มีทางออก และควรติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แผนการผลิตเป็นไปอย่างเหมาะสมและตั้งเป้าแผนธุรกิจในปีนี้ รวมถึงแนะนำให้อุตสาหกรรมในประเทศพัฒนาคุณภาพต่อเนื่องและค่อยปรับปรุง/ซ่อมแซ่มเครื่องจักร อุปกรณ์ เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/654034/viet-nams-cashew-exports-to-us-up-in-two-months.html

“นักลงทุนต่างชาติ” เข้าไปลงทุน 8.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวียดนาม ช่วงไตรมาสแรก

จากรายงานของหน่วยงานการลงทุนในต่างประเทศ (FIA) เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 30 มี.ค. นักลงทุนต่างชาติได้เข้าไปลงทุนด้วยมูลค่า 8.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79.1 ของช่วยเดียวกันปีที่แล้ว โดยมีโครงการใหม่ที่ได้รับอนุญาตการลงทุน 758 โครงการ มูลค่าการลงทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือเทไปยังโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ด้วยมูลค่า 1.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง ในชวันที่ 20 มี.ค. เวียดนามมีเงินทุนจดทะเบียนรวม 370 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนการลงทุน 31,665 โครงการ และโครงการที่มาจาก FDI มีมูลค่า 215.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.3 ชองเงินทุนจดทะเบียนรวม ทั้งนี้ เกาหลีใต้ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยจำนวนลงทุน 8,702 โครงการ และมีมูลค่าเงินทุนจดทะเบียนสะสมรวม 68.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาญี่ปุ่น สิงคโปร์ เป็นต้น ขณะที่ โฮจิมินห์, ฮานอย, บิ่ญเซือง, ด่งนายและหวุงเต่า ล้วนเป็นจุดมุ่งหมายชั้นนำในการลงทุนจากต่างชาติ นอกจากนี้ การคาดการณ์ของกระทรวงวางแผนและการลงทุน มองว่าในปี 2563 เวียดนามจะดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติ 38.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังคงดำเนินจนถึงสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ และมูลค่า 38.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หากไวรัสดังกล่าวดำเนินไปจนถึงสิ้นไตรมาสที่สอง ซึ่งเทียบกับปี 2562 ที่มีมูลค่า FDI อยู่ที่ 38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเหตุนี้ เวียดนามตั้งเป้าดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติในปี 2563 อยู่ที่ 39.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อระงับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/654053/foreign-investors-pour-855b-in-vn-in-q1.html

ทรู ดิจิทัล พาร์ค จัด Live งาน TDPK Pitching Day 2020 ครั้งแรก หนุนสตาร์ทอัพป้อนอุตสาหกรรม S-Curve ชิงรางวัลรวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท

ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพส่งไอเดียและผลงานธุรกิจในหัวข้อ “10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ 10 S-Curve” ที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่ยุคดิจิทัล 4.0 ชิงรางวัลรวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท พร้อมการสนับสนุนด้านต่างๆ จากทรู ดิจิทัล พาร์ค ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวของธุรกิจ อาทิ พื้นที่นั่งทำงานฟรี (Co-Working Space) และ ช่องทางสื่อสารโปรโมตธุรกิจ เป็นต้น โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพร่วมตัดสินผลงาน และมอบรางวัลแก่สตาร์ทอัพ ทั้งนี้ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้านเทคโนโลยี พร้อมสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง โดยในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ได้ปรับรูปแบบการจัดงาน Pitching Day ตามมาตรการ Social Distancing ใช้เทคโนโลยีถ่ายทอดสดกิจกรรม Pitching ผ่านระบบออนไลน์ ออกทางช่อง Facebook ของทรู ดิจิทัล พาร์ค และ แพล็ตฟอร์ม ของ ทรู ไอดี ให้ทั้งสตาร์ทอัพและบุคคลทั่วไป สามารถชมการนำเสนอผลงานได้ในพื้นที่ต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องรวมตัวในที่เดียวกันเพื่อลดความหนาแน่นของผู้เข้าร่วมงาน พร้อมมีมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อ COVID-19 สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้ามาทำงานและประชุมภายในโครงการ

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/prg/3108360

Ezbuylao.com พัฒนาศักยภาพ E-Commerce ในสปป.ลาว

ในโลกปัจจุบันการค้าปลีกออนไลน์หรือที่เรารู้จักในชื่ออีคอมเมิร์ซ กำลังเฟื่องฟูในหลายประเทศทั่วโลกเช่นเดียวกับสปป.ลาวที่พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ในประเทศหันมาซื้อขายออนไลน์กันมากถึงและด้วยการส่งเสริมของภาครัฐทำให้อีคอมเมิร์ซในสปป.ลาวเติบโตได้อย่างดี จุดนี้เองทำให้บริษัท ซีเคซีโกลบอล จำกัดบริษัทจากเวียดนามที่ประกอบธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซโดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเป็นรากฐานที่มั่นคงของบริษัท เห็นโอกาสที่จะพัฒนาการค้าออนไลน์ในสปป.ลาว ปัจจุบัน บริษัท ซีเคซีโกลบอล ได้ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า  ‘Ezbuylao.com’ เป็นแพลตฟอร์มด้านการค้าปลีกออนไลน์ในสปป.ลาวมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพของบริษัทและพฤติกรรมการจับจ่ายออนไลน์ที่มีมากขึ้น การเข้ามาของ Ezbuylao.com จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการ มีช่องทางจัดจำหน่ายได้มากขึ้นและยังช่วยประหยัดงบการประชาสัมพันธ์ของธุรกิจได้อีกด้วยในด้านของผู้บริโภคจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการจับจ่ายและการชำระเงินที่ง่ายขึ้นผ่านกระเป๋าเงินออนไลน์ ‘EZ’ เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสดซึ่งรับประกันความปลอดภัยสำหรับลูกค้า เมื่อทั้งฝั่งอุปสงค์และอุปทานมีการขยายตัวขนาดของเศรษฐกิจสปป.ลาวก็จะมีการขยายตัวตาม

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ezbuylao.php

Shell แต่งตั้งบริษัท เคพี จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องและอุตสาหกรรมในสปป.ลาว

“Shell” บริษัทผู้มีชื่อเสียงในด้านผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูงและสมรรถนะสูงได้แต่งตั้งบริษัท เคพี จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องและอุตสาหกรรมในสปป.ลาว ในปัจจุบันเศรษฐกิจสปป.ลาวมีการเติบโต รายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงขึ้นผู้มีรายได้ระดับกลางมีมากขึ้นทำให้มีการใช้ยานยนต์มากขึ้นรวมถึงระบบการขนส่งที่กำลังพัฒนาในขนาดนี้ ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะทำให้ ธุรกิจน้ำมันในเชิงพาณิชย์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับรถมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี จุดนี้ทำให้บริษัท เคพี เห็นโอกาสในการเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายของ Shell ที่เป็นแบรนด์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งนายเจอรัลด์ฟูผู้จัดการทั่วไปของผู้แทนจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นเชลล์เอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า “ Shell Lubricants และ KP จะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการเติบโตของสปป.ลาวในด้านเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องของเราให้มีการเติบโตไปพร้อมกับเรา”

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/Business_KP_58.php

ธนาคารช่วยเหลือลูกค้าจากผลกระทบของโควิด-19

รองผู้ว่าการธนาคารกลางเวียดนาม (State Bank of Vietnam) เรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จากตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ของเวียดนาม อาทิ Agribank, VietinBank, Vietcombank และ BIDV ให้พิจารณาถึงสถานการณ์ของตนเองในอีกอนาคตข้างหน้า เพื่อที่จะรองรับกับไวรัสต่อไป ซึ่งภาคธนาคารทั้งหมดจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกับธุรกิจเพื่อที่จะผ่านความยากลำบาก และทางผู้ว่าฯ มอบหมายธนาคารพาณิชย์ทั้ง 4 แห่ง ได้แสดงบทบาทในการผลักดันตลาดและการดำเนินนโยบายเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้และขยายเวลา ขณะที่ การประเมินความสูญเสียจากการแพร่ระบาดไปยังลูกค้านั้น ธุรกิจควรจะให้ความสนใจถึงสภาพแวดล้อมและจัดลำดับความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก การผลิตและการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าจำเป็นและสวัสดิการสังคม ทั้งนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อของธนาคารกลาง ได้ชี้ให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของไวรัส ส่งผลกระทบต่อการหยุดชะงักของกิจกรรมการดำเนินงานในธุรกิจและการเก็บหนี้ รวมถึงธนาคารทุกแห่งจำเป็นที่จะต้องดูแลการดำเนินงานขององค์กร บริษัทและลูกค้าอื่นๆ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/banks-support-customers-affected-by-covid19-411673.vov

มูลค่าผลผลิตทางการเกษตรของนครโฮจิมินห์ เพิ่มขึ้น 4.3% ในช่วงไตรมาสแรก

จากข้อมูลของกรมเกษตรและพัฒนาชนบทประจำจังหวัด เผยว่ามูลค่าผลผลิตทางการเกษตรกรรมของนครโฮจิมินห์ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นี้เป็นสัญญาในทิศทางที่เป็นบวกท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสโควิดแพร่ระบาด ด้วยเหตุนี้ ภาคเกษตรกรรมของเมืองได้เตรียมการรองรับอุปทานอาหารในท้องถิ่น ทั้งนี้ เป้าหมายของโครงการระดับประเทศที่จะส่งเสริมให้พื้นที่อาคารในชนบทได้มีการออกแบบใหม่ เพื่อที่จะเข้าสู่เฟสใหม่ โดยภายในกลางเดือนมี.ค. แต่ละชุมชนของเมืองมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 18.9 จาก 19 ของเกณฑ์การประเมินขั้นก้าวหน้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันขอปีที่แล้ว ในขณะที่ แต่ละเขตมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 7.8 จาก 9 ของเกณฑ์การประเมินขั้นก้าวหน้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hcm-citys-agricultural-production-value-up-43-percent-in-q1/170535.vnp

บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นตั้งเป้าสำรวจโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมในกัมพูชา

นักลงทุนชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งมีจุดประสงค์ในการสำรวจโอกาสทางธุรกิจเพื่อเพิ่มพอร์ตโฟลิโอธุรกิจที่มีอยู่ในประเทศของตน โดยในปี 2562 ประกาศจากสภาเพื่อการพัฒนาประเทศกัมพูชา (CDC) ซึ่งขณะนี้มีโครงการลงทุนของญี่ปุ่นที่จดทะเบียนแล้ว 143 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ พบว่าธุรกิจและภาคส่วนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ได้แก่ ภาคการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ อุปกรณ์ทางเทคนิคการแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมเกษตร การดูแลสุขภาพและการท่องเที่ยว โดยประธานสมาคมญี่ปุ่น-กัมพูชา (JCA) กล่าวว่าสมาคมกำลังวางแผนที่จะมอบหมายผู้แทนของ บริษัท ชั้นนำของญี่ปุ่นที่สนใจในการสำรวจความเป็นไปได้ทางธุรกิจและนโยบายการลงทุนของกัมพูชา ซึ่งมีกำหนดการมาเยือนอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยปีนี้จะเป็นครั้งที่สองที่ JCA ได้จัดกิจกรรมระหว่างตัวแทนธุรกิจชาวญี่ปุ่น ให้มีการพบกันกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพในกรุงพนมเปญ ซึ่งจัดโดยบริษัท ACLEDA Bank Plc จุดสนใจหลักของนักลงทุนญี่ปุ่นคือภาคเกษตรกรรม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50704619/leading-japanese-firms-set-to-explore-more-business-opportunities-here/

ดูไบมองกัมพูชาเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการส่งออก

กัมพูชาถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำหรับการส่งออกของดูไบตามรายงานของหอการค้าและอุตสาหกรรมประเทศดูไบ เป็นการบ่งชี้เพิ่มเติมของตลาดในเอเชียที่กำลังขยายตัวในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีอินโดนีเซียและมาเลเซียร่วมด้วย โดยประเทศไทยและสิงคโปร์ถือเป็นประเทศมีศักยภาพมากที่สุดสำหรับการค้าทวิภาคีในอนาคตของดูไบ ภายใต้ข้อตกลงในปี 2560 กัมพูชาส่งออกเสื้อผ้าและรองเท้าไปยังดูไบ ซึ่งคาดว่าจะขยายโอกาสในการดึงดูดภาคธุรกิจทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเน้นการเสริมสร้างการส่งออกสินค้าเกษตร โดยภาคธุรกิจของกัมพูชาอาจจะได้รับความสนใจมากขึ้นจากโอกาสที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งได้แรงหนุนจากปัจจัยหลายด้าน เช่น เขตปลอดภาษี การถือครองกรรมสิทธิ์ในต่างประเทศได้เต็มรูปแบบและ การยกเว้นภาษีนำเข้า-ส่งออก  รวมถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่เพิ่มขึ้นของกัมพูชากับดูไบบ่งบอกถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่น่าประทับใจในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อคงที่อยู่ในระดับต่ำและอัตราความยากจนลดลงเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกัมพูชาและมีส่วนเพิ่มศักยภาพต่อไปในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50704647/dubai-eyes-trade-with-asean-members-including-cambodia/