Hoa Phat Steel Pipe ส่งออกท่อเหล็กพุ่งสูงขึ้น 22.3% ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 62

บริษัทฮว่า ฟ้าด กรุ๊ป (Hoa Phat Group) ได้แตกธุรกิจท่อเหล็กเป็นบริษัทฮว่า ฟ้าด สตีลไพพ์ จำกัด ระบุว่าปริมาณการส่งออกท่อเหล็กอยู่ที่ 17,000 ตัน ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ อเมริกาเหนือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และละตินอเมริกา เป็นต้น ซึ่งในเดือนพฤศจิกายน บริษัทฯได้จำหน่ายท่อเหล็กกว่า 72,500 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้บริษัทฯนั้นเป็นซัพพลายเออร์ผลิตท่อเหล็กรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ร้อยละ 31 ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดการขายท่อเหล็กอยู่ที่ 750,000 ตัน ในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ภายในปี 2562 และมีอัตราการเติบโตร้อยละ 10 ในปี 2563

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/hoa-phats-steel-pipe-export-surges-223-pct-in-11-months-407398.vov

การนำเข้าสินค้าทุนมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในเวลาสองเดือน

ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ถึง 29 พ.ย.ในปีงบประมาณปี 62-63 มูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนสูงถึง 1,021 ล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่มูลค่าของปีที่แล้วอยู่ที่ 934.902 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกินกว่า 86.701 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีธุรกิจต่างประเทศ 35 แห่งที่ได้รับการอนุมัติมีการลงทุน 496.282 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเวลาดังกล่าวธุรกิจที่ลงทุนอยู่แล้วได้ขยายการลงทุนเป็น 18 พันล้านเหรียญสหรัฐ และการลงทุนใหม่มีมูลค่า 514.882 ล้านเหรียญสหรัฐ จำนวนการลงทุนจากต่างประเทศที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาล่ามีมูลค่าถึง 14.303 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นการลงทุนจากต่างประเทศรวม 529.189 พันล้านเหรียญสหรัฐรวมถึงการลงทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน เมียนมาตั้งเป้าที่จะได้รับเงินลงทุนจากต่างประเทศรวมกว่า 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐใน 20 ปี และมีเป้าหมายที่จะเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางภายในปี 2573

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/capital-goods-import-value-over-1bn-in-two-months

จำนวนนักท่องเที่ยวชายแดนเมียวดีเพิ่มขึ้น

นักท่องเที่ยวจากประเทศที่สามกว่า 37,000 คนเดินทางผ่านชายแดนเมียวดีของเมียนมา ใน 11 เดือนของปีนี้เพิ่มขึ้น 23,000 คนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ปี 61 มีเพียง 14,000 คนที่มาเยือนเมียนมาผ่านทางชายแดนเมียวดีและจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยใช้ e-visas เพื่อเริ่มธุรกิจและการท่องเที่ยว ในปีนี้มีนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยจำนวน 5,937 คน มีชาวเมียนมามากกว่า 26,800 คนเดินทางมาไทยด้วยวีซ่าหนังสือและมีเพียง 13,000 คนที่เดินทางกลับ เมียนมาปิดประตูชายแดนเพื่อให้กับนักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 56 และนิยมใช้ e-visas ผ่านระบบออนไลน์

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/number-of-tourist-arrival-via-myawady-border-increases

ไฮ-คูล รุกตลาดลุ่มน้ำโขง จ่อขึ้นเบอร์1ฟิล์มกรองแสง

ไฮ-คูลลั่น ปีนี้โกยรายได้ทะลุ 700 ล้าน เตรียมรุกหนักตลาด CLMV เล็งเปิดสาขา ในเวียดนามเพิ่มเท่าตัว หวังขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งลุ่มน้ำโขงใน 3 ปี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงไฮ-คูล เปิดเผยว่าแนวโน้มตลาดฟิล์มกรองแสงโดยรวมปีนี้อยู่ในภาวะที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาวะเศรษฐกิจ และตลาดรถยนต์ ที่มีอัตราการเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ แต่สำหรับไฮ-คูลกลับมีผลการดำเนินธุรกิจสวนกระแสภาวะตลาด มียอดขายของบริษัทปีนี้เติบโต 8-9% จากรายได้ที่ ตั้งเป้าไว้ทั้งปีที่ 700 ล้านบาทแบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายในประเทศ 95% และต่างประเทศ 5% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามกลยุทธ์การตลาดที่วางไว้ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย ประกอบกับการเดินหน้ารุกตลาดในประเทศไทยต่อเนื่อง และการเดินหน้าเปิดตลาดฟิล์มกรองแสงไปยังประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง หรือ CLMV  โดยเฉพาะตลาดเวียดนามถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และกลุ่มพันธมิตรที่เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายฟิล์มกรองแสงไฮ-คูล ในปีที่ผ่านมาถึง 70 ราย และปี 63 จะเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัวเป็น 160 ราย ทั้งนี้บริษัทจะต้องก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ภายใน 3 ปี หลังจากในปีที่ผ่านมา สามารถก้าวขึ้นเป็นฟิล์มกรองแสงที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 3 ในประเทศเวียดนามได้แล้ว

ที่มา: นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 12 – 15 ธ.ค. 2562

สำนักงานสถิติสปป.ลาววิจัยการเติบโตของประชากรวัยหนุ่มสาว

สำนักงานสถิติ สปป.ลาวกำลังทำการวิจัยเพื่อประเมินอัตราการเติบโตของประชากรเยาวชนในช่วงปี 58-78 เพื่อเป็นข้อมูลอันมีค่าที่จะช่วยในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งการสำรวจในปี 58 เปิดเผยว่าประชากรสปป.ลาวประกอบด้วยวัยคนหนุ่มสาวมากกว่าครึ่งหนึ่ง การสำรวจสำมะโนประชากรและเคหะครั้งที่ 4 ในปี 58 แสดงให้เห็นว่าร้อยละ 60 ของประชากรสปป.ลาวอายุต่ำกว่า 25 ปีในขณะที่ผู้ที่มีอายุระหว่าง 10 – 24 ปีถึงร้อยละ 31 ตอนนี้ 1 ใน 3 ของประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมืองและประชากรส่วนใหญ่ยังคงอาศัยอยู่ในชนบท ทั้งนี้ สปป.ลาวจะดำเนินการสำรวจสำมะโนประชากรประชากรในปี 63 โดยใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบอายุเพื่อให้ข้อมูลที่ทันสมัย อย่างไรก็ตามประชากรวัยหนุ่มสาวจะนำไปสู่โอกาสและความท้าทายสำหรับภาคสาธารณสุข การศึกษา สวัสดิการและแรงงาน โดยจะทำการวิจัยทั้งในเรื่องการเติบโตและการเปลี่ยนแปลง เช่น อัตราการเกิดการตายและการย้ายถิ่นฐาน เพื่อกำหนดแผนและนโยบายในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาของรัฐบาล จากการสำรวจสำมะโนประชากรและเคหะ ครั้งที่ 4 ในปี 58 พบว่ามีประชากรทั้งหมด 6,492,228 คน เพิ่มขึ้น 5,621,982 คนจากปี 48 ซึ่ง 3,237,458 เป็นเพศหญิง

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-12/11/c_138622972.htm

2 จังหวัดในกัมพูชาได้รับการอนุมัติให้ออกหนังสือ Form D ได้

กระทรวงพาณิชย์ประกาศว่าอีกสองจังหวัดได้เริ่มออกหนังสือ Form D หรือใบรับรองแหล่งกำเนิดของสินค้าในแต่ละพื้นที่ โดยตอนนี้จังหวัดเขาพระวิหารและจังหวัดโพธิสัตว์สามารถออกฟอร์มได้แล้ว ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ส่งออก โดยกระทรวงกำลังมอบหมายการออกแบบฟอร์ม ไปยังแผนกพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจและการส่งออกรวมถึงช่วยให้บริษัทประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งโครงการนี้มาถึง 16 จังหวัด เจ้าหน้าที่ในจังหวัดพระวิหารและจังหวัดโพธิสัตว์สามารถออกหนังสือ Form D ได้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม เป็นต้นไป โดยผู้ผลิตผู้ค้าและผู้ส่งออกในจังหวัดสามารถทำการสมัครออนไลน์เพื่อขอใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อการส่งออกโดยส่งใบสมัครผ่านทางเว็บไซต์ของแผนกการค้าจังหวัด ซึ่งผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของปราสาทเขาพระวิหารกล่าวว่านี่คือการพัฒนาที่สำคัญที่จะช่วยให้ผู้ส่งออกในท้องถิ่นส่งสินค้าเกษตรไปยังตลาดเพื่อนบ้านได้ง่ายขึ้น โดยผู้ส่งออกไม่ต้องเดินทางไปที่กระทรวงในพนมเปญอีกต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50668982/two-more-provinces-get-to-issue-d-forms/

การยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของเกษตรกรในปราสาทเขาพระวิหาร

ฤดูเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกกำลังจะสิ้นสุดลง โดยผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวกำลังรวบรวมข้าวเปลือกจากเกษตรกรผ่านโครงการการทำสัญญาระหว่างเกษตรกรและผู้ซื้อ ซึ่งเกษตรกรได้รับประโยชน์มากกว่า 5,000 ครอบครัว ในจังหวัดพระวิหาร โดยผู้ส่งออกท้องถิ่นสามราย ได้แก่ Amru Rice, Signatures of Asia และ Golden Rice ได้ทำสัญญากับชุมชนกว่า 34 แห่งในจังหวัด โดยปีนี้ในชุมชนขายข้าวอินทรีย์จำนวน 22,461 ตัน ให้แก่บริษัทคู่สัญญา ซึ่งกรมวิชาการเกษตรของเขาพระวิหารกล่าวว่าการทำฟาร์มแบบสัญญามีประโยชน์กับ 5,341 ครอบครัว โดยทำการเพาะปลูกบนพื้นที่รวม 14,769 เฮกตาร์ ซึ่งปีนี้ Amru Rice ได้ซื้อข้าว 12,841 ตัน จากการทำสัญญาโดยคิดเป็นประมาณ 75% ของเป้าหมายในปี 2019 ขณะที่ Signatures of Asia ซื้อข้าวเปลือก 1,000 ตัน หรือ 70% ของเป้าหมาย และ Golden Rice ได้บรรลุเป้าหมายในปี 2562 โดยได้ซื้อข้าวเปลือก 3,129 ตัน ในสัปดาห์นี้ ซึ่งผู้ส่งออกตกลงที่จะซื้อข้าวขาว (ไม่ใช่ข้าวหอม) ในราคา 1,200 ถึง 1,300 riel ($ 0.29 ถึง $ 0.32) ต่อกิโลกรัม ราคาข้าวหอมมะลิถูกตั้งไว้ที่ 1,450 ถึง 1,650 เรียล (0.36 ถึง $ 0.4) โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคมกัมพูชาส่งออกข้าวสารจำนวน 457,940 ตัน เพิ่มขึ้น 5%

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50669031/contract-farming-lifting-farmers-living-standards-in-preah-vihear/

โออาร์ ลุยธุรกิจNonOilในตปท. เปิดร้านเพิร์ลลี่ ที่สาขาแรกในลาว

โออาร์ เตรียมรุกขยายธุรกิจนอนออยล์ในประเทศเพื่อนบ้าน ประเดิมเปิดร้านเพิร์ลลี่ ที ในต่างประเทศสาขาแรกในlสปป.ลาว ส่วนร้านคาเฟ่อเมซอนจ่อชิงตลาดกาแฟในเวียดนาม โดยบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ โออาร์ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผนดำเนินธุรกิจ 5 ปี (2563-2567) เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการโออาร์ และคณะกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)เพื่ออนุมัติในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ โดยเบื้องต้นในส่วนของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non Oil) จะหันมาทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งนี้ นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ โออาร์ กล่าวว่า ขณะนี้ โออาร์ได้เปิดให้สินค้าหรือร้านค้าท้องถิ่นเข้ามาจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพิ่มมากขึ้น อาทิ ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เป็นต้น  ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ก่อนนี้ โออาร์ ได้ประกาศเตรียมผลักดันกลยุทธ์แผนธุรกิจระยะ 5 ปี(ปี2563-2567) จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด (Inorganic growth) ซึ่งมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจNon Oil และธุรกิจต่างประเทศให้มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% รวมทั้งมีแผนขยายสถานบริการน้ำมันในต่างประเทศ เป็น 500 แห่งในปี 2566

ที่มา : นสพ.ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 11 ธ.ค. 2562

‘กรุงฮานอย’ เป็นเมืองที่ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด ในช่วง 11 เดือนแรกปี 62

จากข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่าฮานอยยังคงเป็นเมืองที่ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุดในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 ด้วยมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของการลงทุนจากต่างชาติรวม โดยตัวเลขดังกล่าว มีมูลค่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้วอยู่ที่ 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เหตุผลที่นักลงทุนต่างชาติถึงเลือกเข้ามาลงทุนในฮานอย เนื่องมาจากโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ความพร้อมของเขตอุตสาหกรรม และการขนส่งที่สะดวก ทำให้กรุงฮานอยเป็นหนึ่งในเมืองหลวงศูนย์กลางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การค้าและบริการ รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากร ทั้งนี้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม โดยในปีนี้ มีมูลค่าการลงทุนจากต่างชาติอยู่ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าจะมีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/569661/ha-noi-attracts-highest-fdi-in-11-months.html#PcSlgw4fY54QgWt6.97

การลงทุนจากต่างประเทศพุ่งสูงขึ้น ในอุตสาหกรรมไม้แปรรูปเวียดนาม

จากรายงานของสมาคมไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้เวียดนาม เปิดเผยว่าโครงการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมไม้แปรรูปของเวียดนาม โดยในปีที่แล้ว มีผู้ประกอบการต่างชาติกว่า 529 ราย ที่มีมูลค่าการส่งออกราว 3.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.7 ของการส่งออกทั้งอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ยังมีบริษัทต่างชาติอื่นๆ อีกมากที่ให้บริการจัดเตรียมวัตถุดิบ เพื่อป้อนเข้าสู่บริษัทแปรรูปไม้และให้บริการด้านการขนส่งอีกด้วย ประกอบกับค่าจ้างแรงงานถูก การเข้าถึงวัตถุดิบได้ง่าย ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และอัตราภาษี เป็นต้น เนื่องมาจากข้อตกลงการค้าเสรี ส่งผลให้อุตสาหกรรมดังกล่าวดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ สงครามการค้าสหรัฐฯและจีน จะสร้างโอกาสใหม่ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในอุตสาหกรรมไม้แปรรูปของเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/569605/foreign-investment-increases-in-wood-processing-industry.html#d7SY8bmUk5U1KudL.97