กรมพัฒน์ฯ ชี้ธุรกิจ “ซักอบรีด” ยังดาวรุ่ง ลงทุนไม่ผิดหวัง รับเมืองโต-คนชอบสบาย-นักท่องเที่ยวพุ่ง

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าชี้ช่องรวย แนะลงทุนทำธุรกิจ “ร้านซักรีด” รองรับการเติบโตของเมือง คนรุ่นใหม่ที่ชอบความสบาย และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ชี้ควรลงทุนในคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า ที่พักอาศัยย่านชุมชนเมือง ห้าง สถานศึกษา ที่พักของชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวแบบแบ็กแพกเกอร์ จากการสำรวจแนวโน้มการลงทุนทำธุรกิจ โดยพบว่า ธุรกิจ “ร้านซักอบรีด” และ “ธุรกิจร้านซักผ้าหยอดเหรียญ” เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างโอกาสในการทำธุรกิจให้กับผู้ที่สนใจจะมีธุรกิจเป็นของตนเอง เนื่องจากปัจจุบัน การเติบโตของสังคมเมือง ที่ต้องแข่งขันกับเวลา คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายในการดำรงชีวิต และการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยที่มีจำนวนมากขึ้น สำหรับการลงทุน ควรจะพิจารณาลงทุนทำธุรกิจตามคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล แหล่งที่อยู่อาศัยในย่านชุมชนเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว ใกล้ห้างสรรพสินค้า หอพักนักศึกษา และโรงแรมที่พัก ที่ชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางแบบแบ็กแพกเกอร์เข้ามาพักอาศัย ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโต เพราะจะมีผู้เข้ามาใช้บริการมาก ส่วนรูปแบบการลงทุน สามารถลงทุนเปิดร้านซักอบรีด ซึ่งเป็นการลงทุนโดยบุคคลธรรมดา ใช้เครื่องซักผ้าแบบบ้าน และให้บริการครบวงจร หรือลงทุนแบบร้านซักผ้าหยอดเหรียญที่มีรูปแบบธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งลงทุนแบบบุคคลธรรมดา นิติบุคคล และแฟรนไซส์ หรือร้านซักอบรีดผ่านตู้ล็อกเกอร์ ที่มีการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ โดยผู้ที่ต้องการซักผ้า สามารถนำผ้าไปใส่ไว้ที่ตู้ล็อกเกอร์ที่ใกล้ที่สุด และผู้ให้บริการจะนำผ้าไปซัก แล้วนำมาใส่คืนไว้ที่ตู้ โดยผู้ใช้บริการสามารถตรวจเช็กได้ว่าตู้อยู่ตรงไหนบ้าง เมื่อซักเสร็จแล้ว ก็มีระบบแจ้งเตือนให้ไปรับผ้า และปัจจุบัน มีการขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ผู้สนใจสามารถซื้อไปลงทุนได้ ทั้งนี้ในการลงทุนทำธุรกิจ มีปัจจัยที่ต้องพิจารณา คือ ต้องตรวจสอบทำเลที่ตั้ง โดยต้องวิเคราะห์สภาพการแข่งขันในพื้นที่ และพิจารณารูปแบบธุรกิจร้านซักผ้าที่ต้องการลงทุน และเลือกลงทุนในแบบที่เหมาะกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งต้องคำนึงว่าการลงทุนในช่วงเริ่มต้น ค่อนข้างใช้ทุนสูง เนื่องจากต้องซื้อเครื่องซักผ้า การตกแต่งร้าน แต่จะมีต้นทุนผันแปรที่ไม่สูงมาก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นค่าทำความสะอาด ค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำยาทำความสะอาด แต่หากต้องการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ ต้องศึกษาเงื่อนไข สัญญา รูปแบบการสนับสนุนจากเจ้าของแฟรนไชส์อย่างละเอียดด้วย

ที่มา: https://mgronline.com/business/detail/9620000115121

แผ่นดินไหวแขวงไชยบุรีประมาณการความเสียหาย 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ

จากกรณีแผ่นดินไหวขนาด 6.4และ5.9 ริกเตอร์ในเขตหงสาและไชยะสถานสร้างความเสียแก่ครัวเรือน 134 ครัวเรือน รวมถึงหน่วยงานราชกาล โรงพยาบาล โรงเรียน วัดและเส้นทางสัญจรต่างๆ ก็ได้รับความเสียหายโดยมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 1.1 พันล้านกีบในเขตหงสาและ 976 ล้านกีบในเขตไชยะสถานโดยกรมอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่าการเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้เกิดขึ้นทั้งหมด 18 ครั้งทั่วสปป.ลาวแต่ที่รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทียนคือเขตหงสาและไชยะสถาน สถานการณ์ ณ ปัจจุบันอยู่ในช่วงฟื้นฟูบ้านเรือนและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการเกิดแผ่นดินไหวโดยเจ้าหน้าที่ในเขตแต่ละเขตให้การช่วยเหลือโดยเน้นไปในด้านการซ่อมแซมบ้านเรือนเป็นหลักในระยะนี้

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/xayaboury-earthquake-damage-estimated-around-us221000-109184

โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “Nam Che 1 hydropower project” เปิดอย่างเป็นทางการ

โครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำ “Nam Che 1” ได้เปิดอย่างเป็นทางการหลังจากเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2560 ในแขวงไชยสมบูรณ์เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท บี. กริมเพาเวอร์ (ลาว) จำกัดกับบริษัท น้ำแจ ไฮโดร พาวเวอร์ จำกัด เป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กโดยออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากแม่น้ำงิ้วและแม่น้ำโขง โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 15MW ซึ่งโรงงานได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปีเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับสปป.ลาวโดยถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าในสปป.ลาวและยังเป็นโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วยนอกจากนี้ยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของสปป.ลาวโดยเฉพาะในแขวงไชยสมบูรณ์ โดยโรงงานเปิดทำการเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 62 ถือเป็นก้าวที่สำคัญในด้านการพัฒนาพลังงานและเศรษฐกิจที่สำคัญในอนาคตของสปป.ลาว

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/nam-che-1-hydropower-plant-officially-opened-109186

เวียดนามเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นในประเทศออสเตรเลีย

งานแสดงส่งเสริมสินค้าเวียดนามในนครเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย นับว่าเป็นงานแสดงสินค้าครั้งแรก ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยรองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวเปิดงานการส่งเสริมความร่วมมือทางด้านยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนาม-ออสเตรเลีย ในด้านความร่วมมือโอกาสเศรษฐกิจใหม่ ทั้งนี้ รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ ระบุว่างานแสดงส่งเสริมสินค้าดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการทั้ง 2 ประเทศ ได้ร่วมมือและเชื่อมโยงให้เป็นคู่ค้าที่สำคัญ นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิติการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่ามูลค่าการค้าระหว่างเมืองนครโฮจิมินห์กับออสเตรเลีย อยู่ที่ 979 ล้านเหรียญสหรัฐ จำแนกออกเป็นมูลค่าการส่งออกไปยังออสเตรเลียอยู่ที่ 578.5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า และเครื่องจักร เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/event-promoting-vietnamese-goods-held-in-australia/164485.vnp

ผู้ประกอบการเวียดนามลงทุนไปยังต่างประเทศ 460 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้

จากรายงานของหน่วยงานที่ดูแลการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ในสังกัดกระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) เปิดเผยว่าบริษัทเวียดนามลงทุนไปยังต่างประเทศ ด้วยมูลค่า 460 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการรวมทั้งสิ้น 177 โครงการ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งการลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคการค้าปลีก-ค้าส่ง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 26 ของทั้งหมด รองลงมาภาคการเกษตร ป่าไม้ประมง และวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทเวียดนามได้ลงทุนไปกว่า 31 ประเทศทั่วโลก เวียดนามได้ลงทุนไปยังประเทศออสเตรเลีย ด้วยมูลค่า 141.3 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่า 1 ใน 3 ของการลงทุนรวมไปยังต่างประเทศของเวียดนาม รองลงมาสหรัฐอเมริกา ส่วนจุดหมายหมายอื่นๆในการลงทุนของเวียดนาม ได้แก่ ประเทศสเปน กัมพูชา สิงคโปร์ และแคนาดา เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnamese-firms-invest-460-million-usd-abroad-in-11-months-406805.vov

รัฐบาลเมียนมาใช้สนธิสัญญายุติการใช้แรงงานเด็ก

รัฐบาลกำลังขอความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเมียนมา (Pyidaungsu Hluttaw) เพื่อรับรองสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่บังคับให้หยุดการใช้แรงงานเด็ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานตรวจคนเข้าเมืองและประชากรกล่าวกับที่ประชุมเมื่อวันอังคารเกี่ยวกับประเด็นสำคัญของอนุสัญญาว่าด้วยอายุขั้นต่ำ (138) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) รวมถึงการยกเลิกการใช้แรงงานเด็ก ภายใต้อนุสัญญา 138 อายุขั้นต่ำของการทำงานคือ 15 ปี แต่ประเทศที่ยังไม่พัฒนาอย่างเมียนมาซึ่งสามารถลดอายุขั้นต่ำไว้ที่ 14 ปี

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/govt-seeks-adopt-treaty-ending-child-labour.html

มัณฑะเลย์ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่าครึ่งล้านคน

10 เดือนแรกของปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 500,000 คน มาเยือนมัณฑะเลย์ และคาดมีจำนวนถึง 600,000 คนในปีนี้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นจำเป็นต้องมีการขนส่งที่ดีขึ้นและลดขั้นตอนการขอวีซ่า เนื่องจากเดือนที่เหลือของปีนี้เป็นฤดูท่องเที่ยวจำนวนอาจเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนเกือบ 400,000 คนตามด้วยชาวสเปน เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี อเมริกัน และอินเดีย สำหรับมาตรการผ่อนคลายวีซ่ามีผลบังคับใช้ไปเมื่อปีที่แล้วเพื่อความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น และมีแผนผ่อนคลายวีซ่าสำหรับชาวตะวันตกอีกด้วย ชาวยุโรปเริ่มให้ความสนใจในการมาเยือนมากขึ้นหลังจากที่เขตโบราณคดีพุกามในมัณฑะเลย์ได้รับยกระดับเป็นมรดกโลกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นแต่สำคัญคือต้องคำนึงถึงคุณภาพของนักท่องเที่ยวด้วย ดังนั้นมัณฑะเลย์จึงต้องการนักท่องเที่ยวที่เชื่อฟังกฎระเบียบและไม่ทำลายสภาพแวดล้อม

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/mandalay-attracts-over-half-million-tourists.html

การส่งออกมะม่วงไปเกาหลีใต้ได้รับการอนุมัติ

หลังจากการเจรจาเรื่องข้อกำหนดการส่งออกมาเป็นเวลานาน โดยการส่งออกมะม่วงในประเทศรอบแรกจะถึงเกาหลีใต้ก่อนสิ้นปีตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีใต้ ซึ่งการประชุมระหว่างกันในครั้งนี้ถูกจัดขึ้น ณ การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเมืองปูซานของเกาหลีใต้ โดยได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านการเกษตร ซึ่งกัมพูชาสามารถเริ่มส่งออกมะม่วงอย่างเป็นทางการไปยังตลาดเกาหลีได้ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง Veng Sakhon อธิบายว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างประเทศในภาคเกษตรกรรมและขอความช่วยเหลือจากเกาหลีในการปรับปรุงภาคการเกษตรของกัมพูชาให้ทันสมัย ซึ่งผู้บริโภคชาวเกาหลีมีความคาดหวังเป็นอย่างมากสำหรับมะม่วงของกัมพูชา โดยประธานสมาคมกำปงสปือได้ชื่นชมการทำงานของรัฐบาลในการขยายตลาดสำหรับผู้ส่งออกมะม่วง ซึ่งกำปงสปือสามารถผลิตผลไม้ได้ 500,000 ถึง 700,000 ตันต่อปี ราคาต่อกิโลกรัมอยู่ในช่วงตั้งแต่ 0.50 เหรียญสหรัฐ ถึง 0.86 เหรียญสหรัฐ ขึ้นอยู่กับคุณภาพ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50664792/mango-exports-to-south-korea-given-greenlight/

การแข่งขันแรงงานและผู้รับเหมาก่อสร้างในกัมพูชาได้เริ่มต้นขึ้น

การแข่งขันผู้รับเหมาแห่งประเทศได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างทักษะของแรงงานก่อสร้างในกัมพูชาและผู้รับเหมา จัดขึ้นโดย SCG Cambodia ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเครือซิเมนต์ไทย โดยจัดงานร่วมกับกระทรวงแรงงานและการฝึกอบรมวิชาชีพกัมพูชา ซึ่งมีผู้รับเหมาที่ได้รับการคัดเลือกจากผู้รับเหมากว่า 200 รายที่เข้าร่วมการแข่งขันประเภทต่างๆ เช่นการฉาบปูนซี การมุงหลังคาและการติดตั้งสมาร์ทบอร์ดและสมาร์ทวูด ซึ่งในพิธีเปิดงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้เข้ามาร่วมเปิดงานและกล่าวว่าการพัฒนาด้านเทคนิคและอาชีวศึกษาในประเทศต้องการการสนับสนุนจากภาคเอกชน โดยการแข่งขันจะพัฒนาทักษะของแรงงานชาวกัมพูชาและช่วยทำให้แรงงานบรรลุมาตรฐานสากลที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการฝึกอบรมทักษะการสร้างงานรวมถึงการเพิ่มผลิตผลและรายได้ ซึ่ง SCG ต้องการปรับปรุงฝีมือของผู้รับเหมาชาวกัมพูชารวมถึงคุณภาพงานก่อสร้างในประเทศกัมพูชา ที่ทำให้ผู้พัฒนาโครงการหรือบุคคลที่ต้องการสร้างบ้านสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพสูงขึ้นซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวกัมพูชาจำนวนมาก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50664639/contractor-competition-kicks-off/

บจ.อ่วมผลงาน’ทรุด’พิษศก.-เงินบาทแข็ง

ตลท. เผยบริษัทจดทะเบียนรับผลกระทบรอบด้าน เศรษฐกิจชะลอ กระทบค่าเงิน ราคาปิโตรฯ การแข่งขันรุนแรงฉุดยอดขายทรุด หนี้พุ่ง กำไรงวด 9 เดือนลดลง 15% เฉพาะไตรมาส 2 ร่วงไปกว่า 18% โดยนายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงาน ผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลักทรัพย์จดทะเบียนจำนวน 693 หลักทรัพย์ หรือคิดเป็น 97.1% จากทั้งหมด 714 หลักทรัพย์ นำส่งผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2562  มียอดขายรวม 8,623,725 ล้านบาท ลดลง 1.3% มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก 660,734 ล้านบาท ลดลง 24.6% มีกำไรสุทธิ 645,647 ล้านบาท ลดลง 15.4% จาก ช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งหมวดธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานเติบโตได้ดี คือ หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์  จากการขยายสินเชื่อส่วนบุคคล, หมวดอาหารและเครื่องดื่มจากกลุ่ม อาหารสด เครื่องดื่ม และการขยายตลาดไปกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึง หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งยอดขายและกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน

ที่มา : นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 28 พ.ย. 2562