ค้าชายแดนมูเซเริ่มเป็นปกติแต่ปริมาณซื้อขายยังไม่มากนัก

การค้าชายแดนสำคัญของเมียนมา – จีนที่เขตมูเ 105 ไมล์ตอนเหนือของรัฐฉานกลับมาค้าขายได้แล้วแต่ยังมีมูลต่ามากนักเมื่อเทียบกับก่อนที่การโจมตีของกลุ่มชาติพันธ์ในหลายพื้นที่โดยผู้ก่อความไม่สงบช่วงกลางเดือนสิงหาคมาที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. เป็นต้นมา มูลค่าการค้าต่อวันอยู่ที่ 700,000 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งก่อนหน้าจะอยู่ที่เฉลี่ย 6 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน และการโจมตีดังกล่าวรถบรรทุกสินค้าถูกทิ้งไว้ในเส้นทางมัณฑะเลย์ – มูเเซหลัง ปริมาณการซื้อขาย ณ ด่านมูเซ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนการค้าชายแดนที่ชินฉ่วยฮ่อ แต่ก่อนมูลค่าการค้าเฉลี่ย 3 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวันลดลงมาอยู่ที่ 500,000 เหรียญสหรัฐ การต่อสู้ทางตอนเหนือของรัฐฉานทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักเนื่องจากอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและโลจิสติกส์ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้จะมีการก่อสร้างถนนและสะพานอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่สามารถรับน้ำหนักได้มากนักจึงจำเป็นต้องเลี่ยงใช้เส้นทางอื่น ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์และการวางแผนและการเงินได้หารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหา กลุ่มก่อความไม่สงบเริ่มโจมตีเขตมูเซ 105 ไมล์ ในช่วงปลายปี 59 ทำให้กิจการร้านค้าจำเป็นต้องหยุดชะงักลงเป็นเวลากว่า 10 วัน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/muse-trading-resumes-volume-tepid.html

สปป.ลาวให้คำมั่นว่าจะส่งเสริมการผลิตเชิงพาณิชย์

รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการผลิตทางการเกษตรเพื่อการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และตรวจสอบสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ตรวจสอบว่าสามารถผลิตในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า เนื่องจากการขาดดุลบัญชีปัจจุบันของประเทศกำลังขยายตัวท่ามกลางอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนส่งผลให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศลดลงมากขึ้น คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะช่วยให้ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด อย่างไรก็ตามภาคเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อต่อสู้กับการค้าข้ามพรมแดนที่ผิดกฎหมายเพราะผลิตภัณฑ์ที่ลักลอบนำเข้ามาฆ่าอุตสาหกรรมในท้องถิ่น

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-pledges-boost-commercial-farm-production-102904

คณะรัฐมนตรีสปป.ลาวผลักดันให้มีการจัดการอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีประสิทธิภาพ

รัฐบาลเน้นย้ำถึงความต้องการของธนาคารแห่งสปป.ลาวและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อกระชับการบริหารการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ช่องว่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างทางการและอัตราแลกเปลี่ยนในตลาด การอ่อนค่าของเงินกีบกำลังส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียงจันทน์ทำให้ราคาสูงขึ้น รายงานจากสำนักสถิติแห่งชาติสปป.ลาวยืนยันว่าค่าเสื่อมราคาของกีบนั้นมีผลกระทบด้านลบต่อราคาขายปลีก อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ชี้ให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น 0.17% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 1.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าหนึ่งในมาตรการที่ดีที่สุดในการตอบโต้ผลกระทบของค่าเสื่อมราคาคือการเพิ่มผลผลิตภายในประเทศ สินค้าสปป.ลาวที่ขายในตลาดท้องถิ่นมากขึ้นจะส่งผลให้ความต้องการสกุลเงินต่างประเทศลดลงด้วยมุมมองในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตภายในประเทศรัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษามาตรการที่สามารถกระตุ้นให้ บริษัท ในประเทศผลิตสินค้าสำหรับท้องถิ่นตลาด.

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-cabinet-pushes-effective-management-exchange-rates-102988

บริษัทสัญชาติอังกฤษเปิดแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวกับน้ำสะอาดในกัมพูชา

Bridgemount Ldt. จากสหราชอาณาจักรได้พบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกัมพูชา เพื่อประกาศความตั้งใจที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค โดยพิจารณาที่จะลงทุนในโรงงานบำบัดน้ำเสียภายในกัมพูชา ซึ่งจะปรับปรุงระบบการจัดการน้ำ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนกัมพูชาให้ดีขึ้น โดยกัมพูชาเองยินดีต้อนรับนักลงทุนในทุกภาคส่วนที่จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศเพื่อให้เกิดการพัฒนา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะอำนวยความสะดวกในขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่า บริษัท สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายภายในประเทศ โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกลุ่มรัฐวิสาหกิจน้ำปักกิ่งของจีนและ Noble Water (กัมพูชา) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานน้ำสะอาดในประเทศกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50637999/uk-firm-reveals-plans-to-invest-in-clean-water-infrastructure/

สตรีทฟู้ดจะถูกจัดในเมืองกัมปอตก่อนถึงเทศกาลบุญสมุทรของกัมพูชา

กัมปอตจะเป็นจังหวัดแรกที่มี สตรีทฟู้ด โดยเป็นพื้นที่ที่มีผู้ค้าหลายสิบรายที่นำเสนออาหารท้องถิ่น โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งรัฐฯให้การสนับสนุนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในกัมพูชามากขึ้นโดยเพิ่มการเข้าถึงอาหารท้องถิ่นคุณภาพสูงและถูกสุขลักษณะ โดยแต่ละร้านจะเน้นอาหารท้องถิ่นของแต่ละจังหวัด ซึ่งเมืองกัมปอตได้รับเลือกให้เป็นจังหวัดต้นแบบสำหรับโครงการนี้เนื่องจากจะเป็นเจ้าภาพงานเทศกาลบุญสมุทรครั้งที่ 8 ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญที่จัดขึ้นทุกปีในจังหวัดชายฝั่งที่แตกต่างกันโดยการหมุนเวียน ซึ่งในปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 20-22 ธันวาคม โดยกระทรวงคาดการณ์ว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวถึง 5 แสนคน โดยนักท่องเที่ยวเกือบ 469,000 คนเข้ามาเยือนกัมปอตตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน หรือเพิ่มขึ้น 4.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่ 57,106 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50638010/food-street-to-be-built-in-kampot-ahead-of-sea-festival/

ธสน.แนะธุรกิจแฟรนไชส์! รุกเจาะตลาดซีแอลเอ็มวี

กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา “พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ก้าวสู่สากล” ว่าคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ CLMV จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6% สูง กว่าเศรษฐกิจโลก ขณะที่กำลังซื้อจะเพิ่มขึ้นอีก 30% ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงควรหันมาให้ความสำคัญและผลักดันธุรกิจไทยไปเติบโตที่ประเทศในแถบ CLMV มากขึ้น แฟรนไชส์แบรนด์ไทยระดับพรีเมียมที่ไปเปิดตลาดต่างประเทศมี 49 แบรนด์ โดย กว่า 80% อยู่ในประเทศแถบ CLMV ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคของคนรุ่นใหม่ในประเทศ กลุ่ม CLMV เปลี่ยนไป ซึ่งผู้บริโภคต้องการสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น โดยแฟรนไชส์แบรนด์ไทยมีความแข็งแกร่งที่จะดึงดูดใจผู้บริโภคได้ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่าปีนี้คาดว่ามูลค่าตลาดธุรกิจแฟรนไชส์จะขยายตัวได้ถึง 3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนสะท้อนว่าธุรกิจแฟรนไชส์มีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยขยายตัวได้กว่า 20% ต่อปี ในแต่ละปีมีผู้ประกอบการรายใหม่เกิดขึ้นเฉลี่ย 2 หมื่นรายต่อปี.

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/tpd/3034353

นักธุรกิจรัสเซียเล็งเห็นโอกาสทำการค้าในกรุงฮานอย

จากข้อมูลของสมาคมผู้ค้าปลีกเวียดนาม (AVR) เปิดเผยว่าในวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ กรุงฮานอย เวียดนาม ได้มีการจัดโปรแกรมเกี่ยวกับการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการรัสเซียและพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นเวียดนาม โดยเป้าหมายของโปรแกรมนี้ เพื่อส่งเสริม/แนะนำสินค้ารัสเซียไปยังผู้ค้าปลีกในระดับท้องถิ่น และสร้างความสัมพันธ์ในการดำเนินธุรกิจทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งมีผู้ประกอบการรัสเซียกว่า 13 แห่งที่เข้าร่วมโครงการนี้ นอกจากนี้ จากข้อมูลทางสถิติ ระบุว่าในปี 2561 ประเทศรัสเซียอยู่ในอันดับที่ 24 จาก 129 ของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมีโครงการลงทุน 123 โครงการ ด้วยมูลค่ารวมประมาณ 932 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา :  https://en.nhandan.com.vn/business/item/7858802-russian-businesses-seek-trading-opportunities-in-hanoi.html

Grab ลงทุนในเวียดนามกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า

 ธุรกิจ Ride-Hailing ของ Grab ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการถึงรายละเอียดในการลงทุนไปยังเวียดนามกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อการส่งเสริมในด้านการขนส่ง และระบบการชำระเงิน ในระยะเวลา 5 ปี โดยจากข้อมูลของ Grab ระบุว่าการลงทุนในครั้งนี้จะสร้างโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเงิน (FinTech) และก้าวมาส่งเสริมทางด้าน Mobility Solution รวมไปถึงการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ของประเทศ ด้วยเหตุนี้ จะทำให้เพิ่มรายได้นับล้านเหรียญสหรัฐฯ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเวียดนาม ซึ่งทางธุรกิจจะดำเนินงานให้สอดคล้องกับแผนเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลเวียดนามในปี 2563 โดยทางสถิติของ GrabFood ที่ทำการสำรวจ พบว่าจำนวนการสั่งซื้ออาหารเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 ยอดต่อวัน และผู้ที่ทำพาท์เนอร์กับทาง Grab ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะมีรายได้รวมประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา :   https://vietnamnews.vn/economy/534681/grab-to-pour-500m-into-vn-over-next-5-years.html#QQbGdBlbxdid7xL2.97

รัฐบาลเมียนมาเสนอเพิ่มค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำเข้า

รัฐบาลมีแผนที่จะเพิ่มค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำเข้าเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป กระทรวงพาณิชย์เสนอโครงสร้างค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในอัตราใหม่เป็น 30,000 ถึงสูงสุด 90,000 จัต จากปัจจุบันที่ 250 ถึง 50,000 จัต สำหรับปีงบ 61-62 ที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. คาดมีรายได้ 4.167 พันล้านจัต และปัจจุบันรวบรวมได้ 3.854 พันล้าน ณ 18 ส.ค.62 การนำเข้าลดลงจากไตรมาสต่อไตรมาสตั้งแต่สิ้นปีงบประมาณ 60-61 แสดงในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 61-62 โดยสินค้าอุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแนวโน้มลดลง การนำเข้าเกือบเก้าในสิบมาจากจีน สิงคโปร์ ไทย ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และเกาหลีใต้ โดยการส่งออก 10 อันดับแรกจากปีที่แล้วเป็น เชื้อเพลิง แร่รวมถึงน้ำมัน เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ยานพาหนะ เหล็กและเหล็กกล้า พลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า ผลผลิตที่ได้จากสัตว์และผัก เส้นใยที่มนุษย์สร้างขึ้นและผ้า การนำเข้าเหล่านี้คิดเป็น 57.4% โดยมูลค่าเงินเหรียญสหรัฐจากการนำเข้าทั้งหมดสำหรับปี 61 อยู่ที่ 24.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/government-proposes-raise-import-licensing-fees.html

โกลเด้นเมียนมาวางแผนขยายเที่ยวบินไปทวายและเกาะสอง

สายการบินโกลเด้นเมียนมาร์แอร์ไลน์กำลังวางแผนที่จะขยายเที่ยวบินไปยังทวายและเกาะสองด้วยเครื่องบิน เอทีอาร์ ใหม่ โดยเครื่องบินมาถึงที่สนามบินนานาชาติย่างกุ้งจากฝรั่งเศสในวันที่ 23 ส.ค ที่ผ่านมา สายการบินให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศไปยังมัณฑะเลย์ ปูเทา มิวกินา ยองอู เฮโฮ ท่าขี้เหล็ก ล่าเสี้ยว ตั่งตแว และซิตเว โดยใช้ชุดเครื่องบินเอทีอาร์ – 72 600 จำนวน 2 ลำ โดยเครื่องบินเอทีอาร์ลำที่หนึ่งและสองเดินทางถึงเมียนมาในวันที่ 15 พ.ค. 57 และเดือนมิ.ย. 57 ตามลำดับ ปัจจุบันกำลังตั้งเป้าที่จะเปิดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศอีกครั้ง

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/golden-myanmar-airlines-plans-to-expand-its-flights-to-dawei-and-kawthoung