รัฐบาล สปป.ลาว และองค์กรพันธมิตรเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมสุดยอดทุนมนุษย์ครั้งที่สอง

รัฐบาล สปป.ลาว และองค์กรพันธมิตรเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมสุดยอดทุนมนุษย์ครั้งที่สองในปีหน้า เน้นประเด็นสำคัญด้านโภชนาการ การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นจากการประชุมของกระทรวงการวางแผนและการลงทุน โดยผู้เข้าร่วมได้รับรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขที่แสดงให้เห็นว่าภาวะโภชนาการของเด็กชาวลาวลดลง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ทุนมนุษย์ซึ่งประกอบด้วยความรู้ ทักษะ และสุขภาพที่จำเป็นในการเพิ่มผลผลิตของชาติ เป็นรูปแบบทุนที่สำคัญที่สุดสำหรับการเติบโตของสังคมในปัจจุบัน สปป.ลาวยังพัฒนาทุนมนุษย์ไม่เพียงพอที่จะก้าวทันประเทศอื่นๆ โดยปัญหาด้านโภชนาการเป็นจุดที่มีความอ่อนแอเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ประมาณร้อยละ 33 ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ใน สปป.ลาว มีความสูงต่ำกว่าระดับปกติตามอายุ ในขณะที่ร้อยละ 21 มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ และร้อยละ 9 สูญเสียน้ำหนัก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณของภาวะโภชนาการไม่เพียงพอ ซึ่งส่วนใหญ่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนจนและกลุ่มชาติพันธุ์ โดยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชนบทและบนที่สูง ตามการระบุของธนาคารโลก จากปัญหาดังกล่าว รัฐบาล สปป.ลาว มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน การทำให้เด็กทุกคนได้เข้าเรียนในโรงเรียน และปรับปรุงงบประมาณด้านการศึกษา โดยการประชุมดังกล่าวนี้ จะช่วยดึงความสนใจของสาธารณชนในเรื่องการขาดการศึกษา และการประชุมสมัชชาแห่งชาติที่เพิ่งเสร็จสิ้นได้อภิปรายโดยละเอียดเกี่ยวกับนโยบายการศึกษาและเงินทุน หวังว่าการประชุมสุดยอดครั้งที่สองจะมีผลเช่นเดียวกัน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_230SecondLao_23.php

สปป.ลาว จัดงานเปิดตัวแคมเปญ Visit Laos 2024 อย่างเป็นทางการ

สปป.ลาว จัดงานเปิดตัวแคมเปญ Visit Laos 2024 อย่างเป็นทางการที่ลานพระธาตุหลวง นครหลวงเวียงจันทน์ โดยมีบุคคลสำคัญในรัฐบาล เอกอัครราชทูตต่างประเทศ และสมาชิกขององค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมงาน โดยนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว กล่าวเปิดงาน “นี่เป็นปีแห่งการมาเยือนลาว ตั้งแต่ปี 1999 ที่ลาวได้ตั้งชื่อปีแห่งการมาเยือนลาว” โครงการในปีนี้ใช้ธีม “สวรรค์แห่งวัฒนธรรม ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์” โดยมีโลโก้ช้างถือแคนเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความเจริญรุ่งเรือง รัฐบาลมองว่าการเยือนลาวเป็นงานที่สำคัญและมีความหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยนายกฯ ได้กล่าวเพิ่มเติม “ข้าพเจ้าขอเชิญชวนให้พรรคและรัฐทั้งกองทัพ ผู้ประกอบการ และประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศลาวร่วมมือกันจัดงาน Visit Laos 2024 โดยให้ความช่วยเหลือและให้บริการแก่ผู้มาเยือนจากทั่วโลกด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น นี่เป็นโอกาสในการแสดงวัฒนธรรมและประเพณีที่มีมาอย่างยาวนานของลาวให้โลกได้รับรู้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับผู้มาเยือน และกระตุ้นให้พวกเขากลับมาเยือนลาวอีกในอนาคต”

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_230VisitLaos_23.php

เปิดตัวโครงการที่ร่วมกับกองทุนความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขง ครั้งที่ 6

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้มีพิธีเปิดตัวโครงการที่จะดำเนินการโดยกองทุนพิเศษ ของความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขง ครั้งที่ 6 จัดขึ้นที่กระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และการชลประทาน ในเมืองเนปิดอว์ นาย U Min Naung รัฐมนตรีสหภาพเกษตร ปศุสัตว์ และการชลประทาน กล่าวว่าการบรรเทาความยากจนและการพัฒนาชีวิตทางเศรษฐกิจและสังคมของชาวชนบทในภูมิภาคล้านช้าง-แม่โขงมีความสำคัญ และด้วยการสนับสนุนของกองทุนพิเศษ โครงการต่างๆ ที่จะดำเนินไป โดยกระทรวงจะดำเนินการในสาขาที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินการให้สำเร็จ ภายในงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงความคืบหน้ากิจการที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการกองทุนพิเศษเมื่อปี 2564 และ 2565 หลังพิธี รัฐมนตรีสหภาพและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รองเลขาธิการสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน และแขกรับเชิญ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่ดำเนินการร่วมกับกองทุนพิเศษความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง โดยกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และชลประทานได้รับอนุญาตให้ดำเนินโครงการ 35 โครงการ ด้วยเงินทุนรวมกว่า 12.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกองทุนพิเศษความร่วมมือแม่น้ำโขง-ล้านช้าง อย่างไรก็ดี โครงการที่จะดำเนินการร่วมกับกองทุนปี 2566 ได้แก่ ภาคเกษตรกรรมและภาคสุขภาพ โดยหวังว่าจะลดความยากจนของชาวชนบท

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/projects-launched-with-6th-lancang-mekong-cooperation-fund/

ค่าเงินจ๊าดในตลาดซื้อขายที่ไม่เป็นทางการอ่อนค่าลงอยู่ที่ 3,400 จ๊าดเทียบกับดอลลาร์

ในตลาดซื้อขายที่ไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 จ๊าตอ่อนค่าลงทำให้อัตราแลกเปลี่ยนขยับตัวอยู่ในช่วง 3,400–3,425 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จาก K3,230 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน แม้ว่าธนาคารกลางเมียนมาร์ (CBM) กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงไว้ที่ 2,100 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางเมียนมาร์ ได้กำหนดกรอบการซื้อขายสกุลเงินตราต่างประเทศไว้ที่ร้อยละ 0.3 เพื่อดูแลความผันผวนระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการทำธุรกรรมการซื้อ-ขาย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 โดยกำหนดให้สถาบันการเงินรวมถึงธนาคารและการแลกเปลี่ยนเงินนอกระบบควบคุมอัตราและเปลี่ยนการซื้ออยู่ที่ 2,094 จ๊าดต่อดอลลาร์ และ 2,106 จ๊าดต่อดอลลาร์ สำหรับการขาย ทั้งนี้ แม้จะมีช่องว่างราคาที่ค่อนข้างมากระหว่างอัตราอ้างอิงของ CBM และอัตราตลาดอย่างไม่เป็นทางการ แต่ธนาคารกลางเมียนมาร์ ก็ไม่สามารถกำหนดราคาใหม่ได้ตามประกาศที่เผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม 2023 นอกจากนี้ ภายใต้มาตรา 9 ของกฎหมายการจัดการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เฉพาะนิติบุคคลที่ถือใบอนุญาตตัวแทนจำหน่ายเงินตราต่างประเทศเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศและเช็คเดินทาง ผู้ที่ถือเงินตราต่างประเทศโดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายตามประกาศของ CBM ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566 ตามประกาศ 7/2557 ลงวันที่ 30 กันยายน 2557

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/kyat-weakens-to-k3400-against-greenback-in-grey-market/

นักวิเคราะห์ มองศก.อาเซียนปี 67 กระเตื้องขึ้นแต่ยังน่าเป็นห่วง ประเมินจีดีพีไทยปีหน้าโต 3.8%

สำนักข่าว Nikkei รายงานว่านักเศรษฐศาสตร์รายหนึ่ง เปิดเผยว่าเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ในปี 2567 ยังคงอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง แม้จะมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น หลังเผชิญกับภาคการส่งออกที่ซบเซา อันเนื่องมาจากผลกระทบของปัญหาเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ด้านนักวิเคราะห์จากบีเอ็มไอ ระบุว่า ประเมินเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ไว้ดีเกินไป และได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ ลงจากการขยายตัวที่ 2.8% สู่ 2.5%”  และคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวที่ 3.8%

ที่มา : https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=LzlLeHJMeTltQm89

‘เวียดนาม’ ส่งออกผักและผลไม้สูงเป็นประวัติการณ์

สมาคมผักและผลไม้เวียดนาม (VINAFRUIT) เปิดเผยว่าภาคเกษตรกรรมประสบความสำเร็จจากยอดการส่งออกผักและผลไม้ที่ทำรายได้สูงถึง 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากความต้องการที่แข็งแกร่งของตลาดจีนและการกระจายตลาดของภาคเกษตรเวียดนาม

ทั้งนี้ ทุเรียนกลายมาเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 40% ของมูลค่าการส่งออกรวม ในขณะที่ผลไม้อื่นๆ เช่น ขนุน แตงโม ส้มโอและลำไย ทำรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมาก อยู่ที่ราว 50% – 200%

โดยจากข้อมูลของภาคเกษตรกรรม แสดงให้เห็นว่าภาคผักและผลไม้แซงหน้าการส่งออกสินค้าเกษตรแบบดั้งเดิม เช่น ข้าว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กาแฟ และมันสำปะหลัง ซึ่งความสำเร็จของการส่งออกสินค้าเกษตรเวียดนาม ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการยกระดับในเรื่องคุณภาพของสินค้า และการขยายตลาด

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/fruit-veggie-exports-soar-to-all-time-high/

‘กระแสอีคอมเมิร์ซ’ ดันยอดนักช้อปออนไลน์เวียดนาม

สำนักข่าววีเอ็นเอ็กซ์เพรส (VnExpress) ได้อ้างคำกล่าวของคุณ Tran Van Trong เลขาธิการของสมาคมอีคอมเมิร์ซเวียดนาม ว่าจากตัวเลขการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดอีคอมเมิร์ซที่เป็นผลมาจากจำนวนนักช้อปออนไลน์เพิ่มมากชึ้น ทั้งในแง่การพัฒนาทักษะการซื้อของออนไลน์และมูลค่าการซื้อ ในขณะที่นาย Dang Anh Dung รองประธานเจ้าหน้าที่บริการของลาซาด้า เวียดนาม กล่าวว่าประชากรเวียดนามที่ซื้อสินค้าออนไลน์ มีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 57 ล้านคนในปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลวง ได้แก่ ฮานอย โฮจิมินห์และดานัง เป็นต้น

นอกจากนี้ ‘อีคอมเมิร์ซ’ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของการเติบโตเศรษฐกิจดิจิทัลเวียดนาม และคาดว่าจะเติบโตสูงถึง 22% มูลค่า 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568

ที่มา : https://english.news.cn/20231123/3426c6078e824b6ea290936c3007e8c7/c.html

กัมพูชาเร่งพัฒนาถนนแห่งชาติหมายเลข 5 อำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง

กัมพูชาเร่งพัฒนาทางหลวงสายสำคัญ 2 สาย ถือเป็นส่วนขยายของถนนแห่งชาติหมายเลข 5 ซึ่งเชื่อมไปยังกรุงพนมเปญและพระตะบอง โดยคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง การขนส่งสินค้า รวมถึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเชื่อมต่อในระดับภูมิภาค ซึ่งถนนเส้นดังกล่าวมีความยาวอยู่ที่ 366 กิโลเมตร ภายใต้เงินกู้สัมปทานจำนวน 691 ล้านดอลลาร์ จากรัฐบาลญี่ปุ่น ผ่านหน่วยงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่เชื่อมเมืองหลวงจากพื้นที่เปรกดำไปยังจังหวัดบันเตียเมียนเจยที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย ขณะที่หลังจากทางการกัมพูชาได้เปิดให้บริการถนนแห่งชาติหมายเลข 5 อย่างเป็นทางการ โดยรัฐบาลกัมพูชาพร้อมที่จะดำเนินการส่งเสริมการลงทุนตามแนวถนนให้มากขึ้น เพื่อผลักดันให้จังหวัดต่างๆ เกิดการพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาของภาคประชาชน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501396473/national-road-5-to-facilitate-goods-transport-and-enhance-connectivity/