สปป.ลาว เปิดทำเนียบประชุมร่วมประธานาธิบดีมองโกเลีย

นายทองลุน สีสุลิด ประธานาธิบดี สปป.ลาว และนายคูเรลสุข อุคนนา ประธานาธิบดีมองโกเลีย ร่วมการเจรจาอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบประธานาธิบดี ณ นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรแบบดั้งเดิมในด้านการเมือง การป้องกันประเทศ โครงสร้างถนนและการขนส่ง เกษตรกรรม การศึกษา และสุขภาพ ตลอดจนประเด็นความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค ในฐานะประมุขของประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลและประเทศกำลังพัฒนาเหมือนกัน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศด้วยเนื้อหาทางการค้าและเศรษฐกิจ และกระชับความร่วมมือทวิภาคี โดยในอนาคตเห็นพ้องที่จะขยายขอบเขตความสัมพันธ์ทวิภาคีเพิ่มเติมในอีก 6 ทศวรรษข้างหน้า และกระชับความร่วมมือในทุกด้านที่เป็นไปได้ เช่น การค้า เศรษฐกิจ สินค้าเกษตร การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์การขนส่ง

ที่มา : https://montsame.mn/en/read/330716

‘เวียดนาม’ เผยยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ 10 เดือนแรก โต 9.4%

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่ายอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ ในช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค. อยู่ที่ 5.1 ล้านล้านด่อง หรือประมาณ 207.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้จากการค้าปลีกสินค้ามีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 78.1% ของมูลค่าทั้งหมด เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเฉพาะรายได้จากการท่องเที่ยว มีมูลค่าอยู่ที่ 30.2 ล้านล้านด่อง เพิ่มขึ้น 47.6% เนื่องจากส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศได้มีการนำเสนอวัฒนธรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย รวมถึงกิจกรรมทางวัฒนธรรมและกีฬา เพื่อกระตุ้นความต้องการในการเดินทาง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/tenmonth-retail-sales-of-consumer-goods-services-up-94/270768.vnp

‘เวียดนาม’ เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 10 เดือนแรก โต 0.5%

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IIP) ของเวียดนาม ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัว 0.5% ในขณะที่เดือนตุลาคม เพียงเดือนเดียว ขยายตัว 4.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ คุณ Phi Thi Huong Nga หัวหน้าสำนักงานสถิติอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง กล่าวว่าถึงแม้กิจกรรมการผลิตและการดำเนินธุรกิจของธุรกิจภาคอุตสาหกรรมที่เผชิญกับความยากลำบาก แต่ก็กลับมาฟื้นตัวในเชิงบวกมากกว่าไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ นอกจากนี้ จากข้อมูลเมื่อวันที่ 1 ต.ค.66 พบว่าจำนวนคนงานในธุรกิจภาคอุตสาหกรรม ขยายตัว 1.0% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และหดตัว 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/industrial-production-index-up-05-in-ten-months/270761.vnp

เมียนมา และสาธารณรัฐประชาชนจีน ประชุมความร่วมมือโครงการเทคโนโลยีและนวัตกรรม

Dr. Myo Thein Kyaw รัฐมนตรีสหภาพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบปะกับศาสตราจารย์ Yin Hejun รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน วานนี้ การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นที่โรงแรม Wyndham Chongqing Yuelai ในเมืองฉงชิ่ง โดยเน้นไปที่วิทยาศาสตร์และการร่วมมือกันในโครงการเทคโนโลยีและนวัตกรรม ต่อมากระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งนี้มีเป้าหมายในการดำเนินการตามความพยายามที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเทคโนโลยีอาหารและนวัตกรรมเทคโนโลยีเคมีคุณภาพสูง ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการ ตลอดจนความร่วมมือในการวิจัยด้านโลหะวิทยาและวัสดุศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีการหารือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและครูอีกด้วย อย่างไรก็ดี ยังได้มีการเยี่ยมชมศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศในเมืองฉงชิ่ง ห้องปฏิบัติการ Jinfeng ในช่วงเย็น และได้เยี่ยมชมศูนย์นวัตกรรมยานพาหนะที่เชื่อมต่ออัจฉริยะของเมืองวิทยาศาสตร์ตะวันตก หู เหิงฮวา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-peoples-republic-of-china-explore-collaborative-technology-and-innovation-projects/

การลงทะเบียนข้อมูลที่จำเป็นสำหรับสถานที่จัดเก็บเมล็ดพืช กับ MyRO

กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสหพันธ์ข้าวเมียนมาร์ จัดพิธี Go-Live สำหรับเว็บไซต์ Myanmar Rice Online (MyRO) และการประชุมเกี่ยวกับแพลตฟอร์มการลงทะเบียน MyRO สำหรับโรงเก็บเมล็ดพืชที่โรงแรม Thingaha ในเมืองเนปิดอว์ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน โดยตั้งเป้าประกันการพึ่งพาตนเองในสินค้าข้าว การส่งออกอย่างเป็นระบบ ความมั่นคงด้านราคาและการลงทะเบียนการจัดเก็บเมล็ดพืชอย่างเป็นระบบและการนำระบบการเงินใบเสร็จรับเงินของคลังสินค้าไปใช้ ด้าน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีด้านการวางแผนและการคลัง กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เน้นย้ำถึงการดำเนินการตามกระบวนการทำงานของการประชุมข้าวเมียนมาร์ 2022 เช่น ระบบประกันพืชผลสำหรับเกษตรกร และการยกระดับสินค้าข้าว โดยระบบ MyRO นี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนโรงเก็บธัญพืช ใบอนุญาตผู้ส่งออก และการจดทะเบียนโรงสีข้าวผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยจะจัดให้มีระบบการลงทะเบียนที่ง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเหมือนกับการจดทะเบียนบริษัท มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นก้าวแรกสำหรับภาคส่วนสินค้าข้าวในการก้าวไปข้างหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล รัฐจะช่วยสร้างความมั่นคงทางนโยบายเพื่อให้แน่ใจว่ามีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างความสามัคคีที่มากขึ้นมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐ อย่างไรก็ตาม โครงการนำร่องดังกล่าวมีกำหนดจะเริ่มดำเนินการในเขต เนปิดอว์ ย่างกุ้ง อิรวดี พะโค และมัณฑะเลย์ MyRO จะเผยแพร่ข้อมูลสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมข้าว รวมถึงเกษตรกร พ่อค้า โรงสีข้าว ผู้ส่งออก ผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริโภค และอำนวยความสะดวกในกระบวนการลงทะเบียน ดังนั้น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในอุตสาหกรรมจึงได้รับการสนับสนุนให้ร่วมมือกันในโครงการนี้

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/registration-on-myro-required-for-grain-storage-facilities/

โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดันหนี้สาธารณะกัมพูชาขยายตัว

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต กล่าวถึงสถานการณ์หนี้สาธารณะของกัมพูชาที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจให้เกิดการเติบโต ภายใต้การควบคุมความเสี่ยงทางด้านหนี้สาธารณะ โดยปัจจุบันหนี้สาธารณะของกัมพูชามีมูลค่ารวมอยู่ที่ 10.72 พันล้านดอลลาร์ แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ต่ำ ตามรายงานของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังกัมพูชา ซึ่งหนี้สาธารณะจำนวนดังกล่าวร้อยละ 64 มาจากการกู้ยืมจากหุ้นส่วนการพัฒนาในระดับทวิภาคี รวมถึงมาจากหุ้นส่วนการพัฒนาในระดับพหุภาคีที่ร้อยละ 36 และหนี้สาธารณะในประเทศอยู่ที่ร้อยละ 0.43 สำหรับปีนี้ รัฐบาลได้วางแผนที่จะระดมทุน 200 ล้านดอลลาร์ จากการออกพันธบัตรรัฐบาล และสำหรับปีหน้ารัฐบาลกัมพูชากำลังวางแผนที่จะระดมทุนเพิ่มอีก 108 ล้านดอลลาร์ ด้วยวิธีเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะนำไปใช้ในส่วนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการชำระคืนเงินต้น รวมถึงจ่ายดอกเบี้ยให้กับพันธบัตรที่ออกในปีที่แล้ว ตามร่างกฎหมายงบประมาณแห่งชาติประจำปี 2024

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501386323/public-debt-drove-infrastructure-growth-says-pm/

กัมพูชาส่งออกข้าวสารไปยังอินโดนีเซียเป็นครั้งแรกหลังลงนาม MoU สำเร็จ

กัมพูชาส่งออกข้าวสารไปยังอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก หลังก่อนหน้าได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยทางการกัมพูชาหวังที่จะขยายตลาดส่งออกข้าวสารไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในกรณีนี้กัมพูชาส่งออกข้าวสารไปยังอินโดนีเซียประมาณ 3,500 ตัน สำหรับการขนส่งในครั้งแรก ซึ่งอินโดนีเซียตกลงที่จะนำเข้าข้าวสารจากกัมพูชาปริมาณรวมกว่า 125,000 ตัน ภายในปี 2023 สำหรับการส่งออกข้าวโดยภาพรวมของกัมพูชาในช่วง 9 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 456,581 ตัน ไปยัง 57 ประเทศ สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 327.4 ล้านดอลลาร์ ตามการรายงานของสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) โดยจีนและยุโรปยังคงเป็นตลาดสำคัญสำหรับภาคการส่งออกข้าวสารของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501386510/cambodia-exports-milled-rice-to-indonesia-for-1st-time/

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอใน EEC

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ ในโอกาสเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรม WHA ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการที่ภาครัฐและเอกชนของไทยมีความตั้งใจในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้มีมาตรฐานระดับโลก เพื่อขยายโอกาสความร่วมมือการลงทุนกับเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งนี้ ประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นอกเหนือจากการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ครบวงจรชั้นนำของโลกในปัจจุบัน โดยถือเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะกับการที่รัฐบาลได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติชุดใหม่ โดยมีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ในช่วงระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2567-2570 นับเป็นการกระตุ้นให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนจากผู้ประกอบการรายใหม่จากทั่วโลก สอดคล้องนโยบายของรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ WHA ยังพร้อมสนับสนุนการพัฒนาในเขต EEC ควบคู่ไปกับการสร้างความเป็นไปได้ในการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ อย่างมีประสิทธิภาพทั่วประเทศ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ที่จะสร้างประโยชน์ด้านการลงทุนทั้งต่อ EEC และต่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ให้ยั่งยืน

ที่มา : https://www.mitihoon.com/2023/11/06/415503/