สปป.ลาว – เอกชนจีน ลงนามบันทึกความเข้าใจ เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าลาวไปยังจีน

สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ สปป.ลาว และบริษัท Shanghai Zhe Zhe Qang Co., Ltd และ Lao Konsin International Group สัญชาติจีน ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งเสริมการส่งออกสินค้าของ สปป.ลาว ไปยังประเทศจีน โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าอุตสาหกรรม และสมุนไพรพื้นบ้าน โดยปลัดกระทรวงฯ กล่าวว่า “การลงนามดังกล่าวนี้จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือในด้านองค์ความรู้โดยเฉพาะด้านการวางแผนการผลิต การฝึกอบรม และการปรับปรุงคุณภาพสินค้าของ สปป.ลาว เพื่อให้สินค้าได้มาตรฐานการส่งออกและสามารถส่งออกไปยังประเทศจีนได้ และในที่สุดจะสามารถจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างประเทศในประเทศลาว ผ่านความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าและหัตถกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์”

ที่มา : https://kpl.gov.la/En/Detail.aspx?id=82033

เศรษฐกิจของรัฐมีแนวโน้มเติบโต มูลค่าสกุลเงินจะพุ่งสูงขึ้นหลังการคว่ำบาตรและความท้าทายทางการค้า

เช้าวานนี้ ได้มีการประชุมรัฐบาลสหภาพครั้งที่ 4/2567 จัดขึ้นที่สำนักงานประธาน SAC ในเมืองเนปิดอว์ โดยมีประธานสภาบริหารแห่งรัฐ นายกรัฐมนตรี พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย เป็นประธาน ซึ่งนายกรัฐมนตรี มิน ออง หล่ายได้เปิดเผยว่ารัฐบาลมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพด้วยหลักนิติธรรม จัดการราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้มีความยุติธรรม และรับประกันมูลค่าสกุลเงินที่แข็งแกร่งของประเทศ โดยเขากล่าวต่อว่า เมียนมากำลังเผชิญกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการปิดกั้นเส้นทางการค้าเพื่อชะลอการไหลของสินค้าโภคภัณฑ์เนื่องจากขาดความสงบสุขและเสถียรภาพที่กระทำโดยบุคคลที่ไร้ศีลธรรมบางคน อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวเพิ่มเติมในภาคส่วนอื่นๆ อีกว่า หากเกษตรกรสามารถพัฒนารูปแบบการปลูกพืชอย่างเป็นระบบ ผลผลิตทางการเกษตรจะดีขึ้นในประเทศ เพื่อรักษาความมั่นคงทางอาหาร และสนับสนุนการจัดหาอาหารให้กับประชาคมระหว่างประเทศ สำหรับในภาคส่วนน้ำมันเพื่อการบริโภค นายกรัฐมนตรียังสั่งเจ้าหน้าที่ว่า ผลผลิตพืชน้ำมันต่อเอเคอร์ที่สูงจะช่วยตอบสนองความต้องการน้ำมันสำหรับบริโภค และลดการใช้จ่ายเป็นเงินตราต่างประเทศ ในส่วนของภาคการเพาะปลูกฝ้าย นายกรัฐมนตรีชี้ว่าการผลิตเส้นด้ายคุณภาพจากสำลีที่บ้านสามารถลดปริมาณการนำเข้าเส้นด้ายและสิ่งทอได้ นอกจากนี้ เขาเน้นย้ำถึง การเพิ่มพื้นที่ป่าในพื้นที่หมู่บ้านที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า และในภาคการศึกษา พลเอกอาวุโสกล่าวว่าโรงเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานในบางภูมิภาคกำลังเผชิญกับความล่าช้าในการเรียนรู้ด้วยเหตุผลหลายประการ และจำเป็นต้องเตรียมการสำหรับการเปิดโรงเรียนอีกครั้งและการกลับมาเรียนอีกครั้ง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/prospects-brighten-state-economy-set-to-thrive-currency-value-to-surge-in-post-sanctions-and-trade-challenges/

นักการทูตจีนเยือนกัมพูชา พร้อมดันโครงการ BRI

รัฐมนตรีต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการประสานงานระหว่างรัฐบาล (ICC) ครั้งที่ 7 ระหว่าง จีน-กัมพูชา ซึ่งมีเป้าหมายในการดำเนินโครงการภายใต้โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่วันที่ 21-23 เมษายน นำโดยรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรองประธานสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) เป็นประธานร่วมในการประชุม ซึ่งการปรากฏตัวของรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ชี้ให้เห็นถึงการให้ความสำคัญด้านการส่งเสริมการบูรณาการทางด้านเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน เช่นเดียวกับการยึดมั่นในพันธกรณีของจีนในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนที่เผชิญหน้าประเทศต่างๆ ภายในภูมิภาคเพื่อให้บรรลุผลประโยชน์ร่วมกันและการพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501475828/top-chinese-diplomat-in-kingdom-to-push-bri-projects/

ศุลกากรกัมพูชาตรวจยึดเนื้อสัตว์ผิดกฎหมาย พร้อมเผาทำลายกว่า 7.5 ตัน

กรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา (GDCE) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เผาทำลายเนื้อสัตว์กว่า 7,595 กิโลกรัม ซึ่งนำเข้าโดยไม่มีเอกสาร รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อีกทั้งการขนส่งที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้คุณภาพเสียหาย โดยรายละเอียดกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปราบปราม 2 คดี คดีที่ 1 ตรวจยึดและเผาทำลายเนื้อไก่และเครื่องในไก่ราว 395 กิโลกรัม ที่ถูกลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมายผ่านทางชายแดน ขณะที่คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบสวนและปราบปรามการลักลอบขนสินค้าเข้าเขต 5 ได้ตรวจยึดเครื่องในไก่และขาเป็ดจำนวน 7,200 กิโลกรัม และเผาทำลาย หลังจากปราบปรามและยึดจากผู้ค้า ซึ่งขนส่งโดยรถยนต์โดยสาร 2 คัน เข้ามายังกัมพูชาอย่างผิดกฎหมาย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501476170/more-than-7-5-tonnes-of-damaged-chicken-meat-chicken-parts-and-duck-legs-destroyed/

ไทย สปป.ลาว และออสเตรเลีย ร่วมฉลองครบรอบ 30 ปีของการเปิดสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 1

ตัวแทนของประเทศไทย สปป.ลาว และออสเตรเลีย เข้าร่วมงานฉลองการก่อสร้างสะพานมิตรภาพลาว-ไทยแห่งแรก ซึ่งเปิดใช้มาตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2537 เพื่อสร้างสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพที่ยั่งยืนระหว่างทั้งสามประเทศ โดยสะพานแห่งนี้รัฐบาลออสเตรเลียได้ร่วมให้ทุนสนับสนุนการก่อสร้าง ซึ่งเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างเวียงจันทน์ สปป.ลาว กับจังหวัดหนองคายของไทย โดยตระหนักถึงความจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับปรุงการเชื่อมต่อระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน สะพานแห่งนี้ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างลาวและไทย และตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา สะพานแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการคมนาคม การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนระหว่างลาว ไทย และทั่วทั้งภูมิภาค

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_75_LaoThai_y24.php

‘NVIDIA’ ยักษ์ใหญ่ชิปรายใหญ่สหรัฐ เล็งโอกาสลงทุนเวียดนาม

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ Dau Tu (Investment) เปิดเผยว่าคณะผู้แทนของบริษัทเอ็นวิเดีย คอร์ปอเรชั่น (NVIDIA Corporation) นำโดยคุณ Keith Strier รองประธานบริษัท มีกำหนดการเดินทางเยือนเวียดนาม ระหว่างวันที่ 22-26 เม.ย. เพื่อแสวงหาโอกาสทางการลงทุนในเวียดนาม และในระหว่างการเดินทางมาเยือนในครั้งนี้ ทางบริษัทเอ็นวิเดียจะร่วมกันทำงานกับตัวแทนของภาคธุรกิจและสถาบันท้องถิ่นในการจัดตั้งศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงติดตั้งซูเปอร์คอมพิวเตอร์และถ่ายโอนการผลิตหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) บางส่วนไปยังซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะออกจำหน่ายในตลาดเวียดนาม

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/us-chip-giant-nvidia-keen-to-explore-investment-opportunities-in-vietnam-post1090597.vov

ผู้ประกอบการไร่กาแฟใน สปป.ลาว ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน-เงินเฟ้อสูง

ผู้ปลูกกาแฟใน สปป.ลาว เผชิญภาวะขาดแคลนแรงงาน หลังคนงานจำนวนมากเปลี่ยนไปทำไร่มันสำปะหลังหรือเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อแสวงหารายได้ที่สูงกว่าในประเทศไทย ผู้ปลูกกาแฟรายหนึ่งกล่าวว่า เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟ เจ้าของสวนทางตอนใต้ของ สปป.ลาว ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากค่าจ้างที่ต่ำและยังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงในประเทศ โดยคนงานไร่กาแฟในเมืองปากซอง แขวงจำปาสัก ต่างหลีกเลี่ยงงานที่จ่ายค่าจ้างเพียง 10-13 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และหันไปหางานที่มีรายได้ดีกว่าในประเทศเพื่อนบ้านแทน ส่วนคนอื่นๆ หางานทำในไร่มันสำปะหลังซึ่งมีค่าจ้างที่ดีกว่า

ทื่มา : https://www.rfa.org/english/news/laos/coffee-growers-04192024141053.html

‘ราคาข้าวเวียดนาม’ พุ่ง

สมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) รายงานว่าราคาข้าวเปลือกของเวียดนามปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเฉพาะราคาข้าวรับจากเกษตรกร เฉลี่ย 8,000 ด่องต่อกิโลกรัม และราคาข้าวรับซื้อหน้าโรงสีเฉลี่ย 9,475 ด่องต่อกิโลกรัม ในขณะที่ราคาข้าวหัก 5% อยู่ที่ 14,200 ด่องต่อกิโลกรัม ตามมาด้วยราคาข้าวหัก 15% และ 25% อยู่ที่ 13,950 ด่อง และ 13,750 ด่อง ตามลำดับ

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาราคาส่งออกข้าวของเวียดนาม พบว่าราคาข้าวหัก 5% อยู่ที่ 582 เหรียญสหรัฐต่อตัน สูงกว่าราคาข้าวไทยที่ 579 เหรียญสหรัฐต่อตัน และราคาข้าวปากีสถาน 581 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะเดียวกัน ราคาข้าวหัก 25% ของเวียดนาม อยู่ที่ 557 เหรียญสหรัฐต่อตัน เทียบกับราคาข้าวไทยจะอยู่ที่ 530 เหรียญสหรัฐต่อตัน

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnamese-rice-prices-on-the-hike-post135006.html