กัมพูชาและไทย ประกาศร่วมมือยกระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

กัมพูชาและไทย ประกาศความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกัน ผ่านการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยคำมั่นสัญญานี้เกิดขึ้นระหว่าง ฮุน เซน ประธานพรรคประชาชนกัมพูชา และคุณแพทองทา ชินวัตร ประธานพรรคเพื่อไทย ในการหารือระดับทวิภาคี ด้าน สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของกัมพูชา ซึ่งเน้นไปที่การแสวงหาสันติภาพ การเปลี่ยนสนามรบเดิมให้เป็นเขตพัฒนา และการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ชายแดนให้กลายเป็นเขตแดนแห่งสันติภาพ ด้านคุณแพทองทา เดินทางเยือนกัมพูชาเป็นเวลา 2 วัน (18-19 มี.ค.) ตามคำเชิญของ สมเด็จฯ ฮุน เซน โดยการเยือนครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อหวังการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501458226/cambodia-thailand-to-boost-economic-growth-though-connectivity/

‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ชี้เศรษฐกิจเวียดนามโตตามคาด

ผู้เชี่ยวชาญ เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในไตรมาสแรกของปี 2567 จะขยายตัว 5.5% เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ธนาคารยูโอบี (ประเทศสิงคโปร์) ประเมินตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวไปในทิศทางที่เป็นบวก โดยการส่งออกของเวียดนามขยายตัวและภาคอุตสาหกรรม 17.6% และ 5.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของเวียดนาม อยู่ในทิศทางที่เป็นบวก เนื่องจากดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ในช่วงเดือน ม.ค. และ ก.พ. บ่งชี้ให้เห็นว่าภาคอุตสากรรมแข็งแกร่ง แม้ว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnamese-economy-proceeding-as-predicted-experts/283125.vnp

‘จีน’ ตลาดส่งออกไม้สับรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม

เวียดนามส่งออกไม้สับ (Wood Chip) ไปยังตลาดต่างประเทศ 13 แห่งในปี 2566 โดยตลาดจีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ นับว่าเป็นตลาดส่งออกไม้สับสำคัญของเวียดนาม และจากข้อมูลทางสถิติแสดงให้เห็นว่าในปี 2566 เวียดนามส่งออกไม้สับไปยังจีน มากกว่า 9.38 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.43 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ราคาส่งออกไม้สับเฉลี่ยปรับตัวลดลงจาก 183-185 เหรียญสหรัฐต่อตันในปีที่แล้ว เหลืออยู่ที่ 140 เหรียญสหรัฐต่อตันในช่วงกลางปีนี้ ทั้งนี้ สมาคมไม้และผลิตภัณฑ์จากป่าไม้เวียดนาม เปิดเผยว่าความต้องการนำเข้าไม้สับจากตลาดจีนมีแนวโน้มที่จะลดลง ส่งผลให้ราคาส่งออกไม้สับปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมไม้สับจะยังคงแข่งขันทางด้านวัตถุดิบกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด โดยเฉพาะภาคเหนือ เนื่องจากเป็นแหล่งพื้นที่ปลูกไม้สำคัญของทั้งสองอุตสาหกรรม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1652219/china-as-viet-nam-s-largest-wood-chip-export-market.html

ราคายางค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาราคายางในเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ โดยแตะระดับกว่า 1,700 จ๊าดต่อปอนด์ในตลาดยางของรัฐมอญ โดยยางแผ่นรมควันชั้น 3 มีราคาแตะ 1,780 จ๊าดต่อปอนด์ และราคายางตากแห้งมีราคา 1,760 จ๊าดต่อปอนด์ ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ราคายางตากแห้งมีราคาเพียง 1,640 จ๊าดต่อปอนด์ และยางแผ่นรมควันชั้น 3 มีราคา 1,660 จ๊าดต่อปอนด์ ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าราคายางเพิ่มขึ้น 120 จ๊าดต่อปอนด์ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีราคายางของเมียนมาได้รับอิทธิพลจากอุปสงค์ของยางทั่วโลก และปริมาณการผลิตยางในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอุปทานในตลาด ราคายางในรัฐมอญ ซึ่งเป็นรัฐการผลิตยางที่สำคัญในเมียนมา ก็มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับปัจจัยเหล่านั้นเช่นกัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rubber-price-on-gradual-rise-2/#article-title

ราคาอ้างอิงขายส่งน้ำมันปาล์มของย่างปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์นี้

ตามการระบุของคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการนำเข้าและการจัดจำหน่ายน้ำมันบริโภค อัตราอ้างอิงการขายส่งน้ำมันปาล์มสำหรับตลาดย่างกุ้งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 5,250 จ๊าดต่อviss ในสัปดาห์นี้ ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 24 มีนาคม จากที่บันทึกไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ 5,215 จ๊าดต่อviss อย่างไรก็ดี ทางคณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันบริโภคภายใต้กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามราคา FOB ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด โดยเพิ่มค่าขนส่ง ภาษี และบริการทางธนาคาร เพื่อกำหนดอัตราอ้างอิงตลาดค้าส่งสำหรับน้ำมันบริโภคเป็นรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ทางกรมกำลังพยายามร่วมกันควบคุมความผันผวนสูงของราคาน้ำมันปาล์มในตลาดค้าปลีก และเสนอราคาที่ยุติธรรมมากขึ้นแก่ผู้บริโภค โดยประสานงานกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันบริโภคแห่งเมียนมาและบริษัทนำเข้าน้ำมัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/ygn-palm-oil-wholesale-reference-price-shows-uptick-this-week/

สปป.ลาว แสดงความยินดีกับนายวลาดีมีร์ ปูติน ที่ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย

นายทองลุน สีสุลิด ประธานาธิบดี สปป.ลาว แสดงความยินดีกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำรัสเซียอีกครั้ง ข้อความแสดงความยินดีระบุว่า “ในนามของประชาชน สปป.ลาว ทั้งหมด และในนามของข้าพเจ้าเอง ขอแสดงความยินดีอย่างสุดหัวใจต่อชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งและโอกาสที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียอีกหนึ่งสมัย ผลการเลือกตั้งสะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจและความมั่นใจของชาวรัสเซียในความสามารถและความฉลาดในการเป็นผู้นำของท่าน ฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าภายใต้การนำอันชาญฉลาดของท่าน สหพันธรัฐรัสเซียจะพัฒนาและเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่อง ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับท่าน เพื่อเสริมสร้างและเสริมสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมืออันดีของเราต่อไป บนพื้นฐานความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ ความเข้าใจร่วมกัน ความไว้วางใจ และความช่วยเหลือระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองของเรา ข้าพเจ้าขอใช้โอกาสอันมีความหมายนี้เพื่ออวยพรให้ท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุข และประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นในความพยายามอันสูงส่งของท่าน”

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_56_President_y24.php

รถไฟลาว-จีน ขนส่งผู้โดยสารแล้วกว่า 30 ล้านคน จีนตั้งเป้าหมายขนส่งให้มากขึ้นกว่านี้

รถไฟลาว-จีน ขนส่งผู้โดยสารแล้วกว่า 30.2 ล้านคน และขนส่งสินค้า 34.24 ล้านตัน ณ วันที่ 12 มีนาคม 2567 และทางการรถไฟของจีนให้คำมั่นว่าจะเพิ่มปริมาณทั้งผู้โดยสารและสินค้าให้มากกว่านี้ โดยสินค้าที่ขนส่ง ประกอบด้วย สินค้าข้ามพรมแดนมากกว่า 7.8 ล้านตัน ซึ่งหมายความว่าทางรถไฟกำลังมีบทบาทโดดเด่นมากขึ้นตามลำดับ และจำนวนการเดินทางโดยรถไฟโดยเฉลี่ยต่อวันของผู้โดยสารบนเส้นทางรถไฟของจีนเพิ่มขึ้นจาก 35 ล้านคนในช่วงแรก เพิ่มมาเป็น 51 ล้านคนในปัจจุบัน ในขณะที่จำนวนผู้โดยสารที่ขนส่งทุกวันเพิ่มขึ้นจาก 20,000 คนเป็นสูงสุด 103,000 คน ในส่วนการรถไฟของ สปป.ลาว จำนวนรถไฟโดยสารโดยเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 4 ขบวนเป็น 12 ขบวน ในขณะที่จำนวนรถไฟโดยสารความเร็วธรรมดาเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10 ขบวน จำนวนผู้โดยสารที่บรรทุกในแต่ละวันเพิ่มขึ้นจาก 720 คน เป็นสูงสุด 12,808 คน ทั้งนี้ เส้นทางรถไฟสายนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาโลจิสติกส์ การพาณิชย์ การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอื่นๆ ควบคู่ไปกับเส้นทางดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_56_Laos_China_y24.php

หนี้สาธารณะกัมพูชาแตะ 11.24 พันล้านดอลลาร์

รายงานหนี้สาธารณะกัมพูชาประจำปี 2023 โดยกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง (MEF) ซึ่งหนี้สาธารณะของกัมพูชาอยู่ที่ระดับ 11.24 พันล้านดอลลาร์ ที่ความเสี่ยงระดับต่ำสำหรับภาวะหนี้สาธารณะในปัจจุบัน โดยในรายงานระบุเสริมว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะร้อยละ 46 เป็นเงินสกุลดอลลาร์ เป็นสิทธิพิเศษถอนเงิน (SDR) ร้อยละ 19 เป็นเงินหยวนจีนร้อยละ 11 สกุลเงินเยนญี่ปุ่นร้อยละ 11 สกุลเงินยูโรร้อยละ 7 และสกุลเงินท้องถิ่น/สกุลเงินอื่นๆ ราวร้อยละ 6 ในจำนวนนี้ร้อยละ 99.5 หรือคิดเป็นมูลค่า 11.19 พันล้านดอลลาร์ เป็นหนี้สาธารณะภายนอกประเทศ ส่วนที่เหลือเป็นหนี้สาธารณะภายในประเทศ ซึ่งรายงานระบุว่าร้อยละ 64 ของหนี้สาธารณะเป็นการกู้ยืมจากพันธมิตรการพัฒนาในรูปแบบทวิภาคี ขณะที่ร้อยละ 36 มาจากพันธมิตรการพัฒนาพหุภาคี ตามมาด้วยส่วนหนี้สาธารณะภายในประเทศคิดเป็นร้อยละ 0.5 สำหรับในปี 2023 รัฐบาลกัมพูชาได้ลงนามในสัญญากู้ยืมเงินแบบผ่อนปรนดอกเบี้ยกับพันธมิตรการพัฒนามูลค่า 1.81 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับ 1,339.22 ล้าน SDR คิดเป็นร้อยละ 79 ของเพดานที่กฎหมายอนุญาต โดยวัตถุประสงค์ของการกู้ยืมเงินส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาโครงการลงทุนสาธารณะในภาคส่วนสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501457412/cambodias-public-debt-stands-at-11-24-billion/

นายกฯ ฮุน มาเนต เสนอ 9 ข้อ ยกระดับภาคการท่องเที่ยวกัมพูชา

นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ได้เสนอแนะแนวทางทั้ง 9 ข้อ เพื่อยกระดับภาคการท่องเที่ยวกัมพูชา โดยได้กล่าวถึงในระหว่างการเปิดงานเทศกาลน้ำ ครั้งที่ 8 ในจังหวัดเสียมราฐ ซึ่งแนวทางทั้ง 9 ข้อ 1.รักษาสันติภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการพัฒนา 2.การรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การดำเนินนโยบายหมู่บ้าน-ตำบล 3.ร่วมมือกันพัฒนามาตรการต่างๆอ ภายใต้แนวคิด Dynamics of Stakeholder System เพื่อบรรลุเป้าหมายของโครงการพิเศษ 4.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำ โดยเฉพาะจังหวัดรอบแม่น้ำโขงและทะเลสาบ Tonle Sap เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว เสริมสร้างการเชื่อมโยง และปรับปรุงระบบขนส่ง 5.ส่งเสริมการผลิตสินค้าการท่องเที่ยวที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว 6.ปรับปรุง “วนอุทยานพนมกุเลน” ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ 7.เรียกร้องให้กระทรวงและสถาบันที่เกี่ยวข้องทั้งหมดวางยุทธศาสตร์ส่งเสริมการจัดงานต่างๆ 8.กระทรวงต่างๆ ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อให้การเดินทางสะดวกและสะบาย และ 9. เรียกร้องให้กระทรวง สถาบัน หน่วยงานทุกระดับ รวมถึงภาคประชาชน ร่วมกันผลักดันโครงการต่างๆ ให้ประสำความสำเร็จ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501457623/pm-shares-nine-recommendations-to-enhance-tourism-sector/