ในรอบหนึ่งเดือนราคาเชื้อเพลิงในประเทศเพิ่ม 45-50 จัต

ราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 45 เป็น 50 จัตต่อลิตรในระยะเวลามากกว่าหนึ่งเดือนเนื่องจากราคาน้ำมันทั่วโลกพุ่งแตะระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมราคาในเดือน ก.ค. ราคา 53 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และเพิ่มเป็น 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 16 กันยายนราคาในตลาดท้องถิ่นราคาสูงสุดคือ 930 จัตสำหรับน้ำมันดีเซลหนึ่งลิตร (K4,227 ต่อแกลลอน) 940 จัตสำหรับน้ำมันดีเซลหนึ่งลิตร (K4,273 ต่อแกลลอน) K830 จัตสำหรับหนึ่งลิตรที่ 92 รอนออกเทน (K3,773 ต่อแกลลอน) และ 920 จัตสำหรับหนึ่งลิตร 95 รอนออกเทน (K4,182 ต่อแกลลอน) ราคาเพิ่มขึ้น 45 เป็น 50 จัตต่อลิตรเมื่อเทียบกับราคาในเดือนสิงหาคม

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/local-fuel-prices-increase-by-k45-k50-in-over-one-month

MIC อนุญาตให้ธุรกิจแปดประเภทรวมไปถึงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติลงทุนในเมียนมา

คณะกรรมาธิการการลงทุนของเมียนมา (MIC) อนุญาตให้ธุรกิจแปดประเภทเข้ามาลงทุน ได้แก่ ปศุสัตว์และการประมง การผลิต โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ การขนส่งและการสื่อสาร ธุรกิจเหล่านี้สามารถสร้างงานให้ท้องถิ่นมากกว่า 3,000 คน สิงคโปร์เป็นประเทศที่ติดอันดับต้น ๆ ของการลงทุน โดยธุรกิจเหล่านี้มีเม็ดเงินลงทุน 36.745 ล้านเหรียญสหรัฐและ 163,302.753 ล้านจัตเข้าสู่ประเทศ ธุรกิจทั้งหมด 1,806 แห่งจาก 50 ประเทศที่ลงทุนจนถึงสิงหาคมนี้ การลงทุนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติคิดเป็น 27.48% รองลงมาคือภาคไฟฟ้า 25.95% และภาคการผลิต 14.01% จากข้อมูลของ MIC ในวันที่ 1 ต.ค.ถึง 5 ก.ย.ของปี 61-62 มูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศสูงถึง 4,100.032 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศจะไหลเข้าสู่ 5,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 61-62 การลงทุนจากต่างประเทศสูงถึงกว่า 4,100 ล้านเหรียญสหรัฐใน 25 วันก่อนสิ้นปีปัญชี

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/mic-permits-eight-types-of-businesses-including-oil-and-natural-gas

การมีส่วนร่วมของธนาคารกลางเวียดนามต่อธนาคารในท้องถิ่นกัมพูชา

ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติกัมพูชาได้กล่าวชื่นชมธนาคารของเวียดนามที่ดำเนินงานในกัมพูชาเพื่อสนับสนุนและพัฒนาเศรษฐกิจของกัมพูชา ซึ่งในระหว่างการประชุมประจำปี ผู้ว่าการ NBC กล่าวว่าเวียดนามมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกัมพูชาโดยเฉพาะทรัพยากรมนุษย์ผ่านความช่วยเหลือด้านเทคนิค โดยเชื่อว่ากัมพูชายังคงเติบโตในอัตราที่รวดเร็วแม้จะมีความท้าทายระดับโลกหลายประการรวมถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ซึ่งธนาคารของทั้งสองประเทศเป็นกลไกที่สำคัญซึ่งกันและกันในการส่งเสริมความร่วมมือและส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการธนาคารและการเงินในประเทศกัมพูชาและเวียดนาม โดยทำการแบ่งปันประสบการณ์และค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดของอุตสาหกรรม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50643677/praise-for-vn-central-banks-contribution-to-local-banking/

RDB ของกัมพูชา เปิดสินเชื่อ “ฉุกเฉิน” รอบใหม่

ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวในกัมพูชา ธนาคารเพื่อการพัฒนาชนบทของภาครัฐ (RDB) ได้เริ่มให้เงินกู้ยืมแก่โรงสีข้าวในท้องถิ่นภายใต้กองทุนฉุกเฉินของภาครัฐ โดยเงินกู้ยืมในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้โรงสีซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในท้องถิ่น ซึ่งมีวงเงินอยู่ที่ 50 ล้านเหรียญสหรัฐเท่ากับปีที่แล้ว โดยผู้ขอสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นโรงสีขนาดกลางตั้งอยู่ในพื้นที่เพาะปลูกข้าวส่วนใหญ่ในกัมพูชา เช่น Battambang, Banteay Meanchey, Pursat, Prey Veng, and Takeo ซึ่งเงินกู้ของ RDB มีอายุสินเชื่ออยู่ที่ 12 เดือนและอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี โดย RDB ยังมีเงินทุนอีก 30 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับโรงสีข้าวในจังหวัดที่ผลิตข้าวหลัก ที่ต้องการสร้างหรือพัฒนาสถานที่เก็บสินค้าเช่นคลังสินค้าหรือไซโลในการเก็บสินค้า ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีกัมพูชาส่งออกข้าวสาร 281,538 ตันเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50643674/rdb-opens-new-round-of-emergency-loans/

ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์กังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดการลงทุนของจีน

คนในวงการอสังหาริมทรัพย์กังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการตัดสินใจของจีนในการจำกัดการไหลออกของเงินทุนที่ผลต่อกัมพูชา โดยเมื่อ 2 ปีก่อนจีนได้ดำเนินนโยบายกำหนดข้อจำกัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนขาออก เพื่อจัดการเกี่ยวกับการไหลออกของเงินทุนและลดความเสี่ยงต่อระบบการเงินของจีนจากการลงทุนในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ซึ่งกัมพูชามีจำนวนเงินลงทุนโดยตรงจากจีนในภาคอสังหาริมทรัพย์กว่า 40% จึงมีโอกาสได้รับผลกระทบ แต่อย่างไรก็ตามข้อจำกัดด้านเงินทุนที่ไหลออกของจีนอาจจะส่งผลดีเนื่องจากจะเป็นการลดสัดส่วนของเงินทุนไม่ให้ไปอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่งมากจนเกินไป โดยตามบทความใน South China Morning Post การลงทุนโดยตรงของจีน (ODI) ลดลง 9.6% มาอยู่ที่ 143.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2018 ซึ่งจากการสำรวจความตั้งใจในการลงทุนของนักลงทุนจีนของ CBRE เมื่อปีที่แล้วการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนลดลง 80% สู่ 75 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50643320/real-estate-experts-concerned-about-chinas-investment-restrictions/

Kith Meng ได้รับเลือกเป็นประธาน CCC อีกครั้ง

Kith Meng ได้รับเลือกเป็นประธานหอการค้ากัมพูชาด้วยการสนับสนุนจากประธานในจังหวัดต่างๆของกัมพูชา 15 คน โดยจะมีการดำเนินการหลายอย่างเพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลของภาคเอกชน ซึ่งคาดหวังว่าประธานสภาจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในหลายภาคส่วนในกัมพูชา เพื่อให้กัมพูชาเป็นเป้าหมายการลงทุนที่ดีของนักลงทุน โดยบทบาทของหอการค้ากัมพูชาคือการพูดในนามของภาคเอกชนในการเจรจากับรัฐบาลและปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ซึ่งความรับผิดชอบหลักคือการจัดการฟอรัมระหว่างภาครัฐและเอกชนซึ่งเป็นกลไกหลักที่รัฐบาลใช้ในการลดอุปสรรคการทำธุรกิจและปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50643673/kith-meng-re-elected-as-ccc-president/

หน่วยงานการผลิตทางการเกษตรสปป.ลาวจำหน่ายเมล็ดข้าวเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมการผลิต ภายใต้กรมส่งเสริมวิชาการและแปรรูปการเกษตร กระทรวงเกษตรและป่าไม้กล่าวว่าหน่วยงานมีร้านจำหน่ายเมล็ดข้าว 1,500 ตัน ในเดือนพ.ย. ถึงช่วงฤดูแล้ง มี.ค. พร้อมที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในแขวงคำม่วน สุวรรณเขต อัตตะปือ สาละวัน จำปาสัก และ เซกอง ที่เสียหายกว่า 130,500 ไร่ ซึ่งกำลังรอคำขอโดยตรงจากการประเมินของหน่วยงานท้องถิ่น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะสามารถจัดหาเมล็ดพันธุ์ให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรเนื่องจากพื้นที่น้ำท่วมบางแห่งไม่พร้อมที่จะปลูกข้าวในฤดูแล้ง นอกจากนี้หน่วยงานจะยังคงร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาเพื่อปรับปรุงพันธุ์ข้าวโดยการเพิ่มจำนวนพันธุ์ที่มีอยู่ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจว่าเกษตรกรสามารถเข้าถึงเมล็ดพันธุ์ได้มากขึ้น อีกทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรนำเทคนิคและอุปกรณ์การปลูกพืชใหม่มาใช้ในการปลูกข้าวโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดต้นทุนการผลิต

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Authorities_206.php

เวียดนามเผยราคาส่งออกกาแฟร่วงตามสภาพเศรษฐกิจโลก

จากรายงานของหน่วยงานด้านการเกษตรแปรรูปและพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรเวียดนาม (The Agro Processing and Market Development Authority) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 ปริมาณการส่งออกกาแฟของเวียดนามอยู่ที่ 1.17 ตัน คิดเป็นมูลค่าราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 11.8 และ 21.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ ซึ่งเยอรมันและสหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้ากาแฟรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 13.7 และ 9 ตามลำดับ อันที่จริงแล้ว ราคากาแฟของเวียดนามที่ลดลง เป็นผลมาจากแนวโน้มของราคากาแฟทั่วโลกลดลง นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกาแฟ ระบุว่าธุรกิจกาแฟเวียดนามได้ทำการส่งออกไปยัง 80 ประเทศ ด้วยมูลค่ารวมมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 14 และร้อยละ 10.4 ของมูลค่าการส่งออกกาแฟทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ส่งออกส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะเป็นเมล็ดกาแฟ (Coffee beaens) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90 ดังนั้น กำไรที่ได้มาจะไม่ได้สามารถเทียบกับยอดมูลค่าการส่งออกได้ รวมไปถึงทางหน่วยงานฯ มองว่าราคากาแฟในช่วงระยะสั้นนั้นจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากผลผลิตกาแฟลดลงในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ และใยระยะกลาง-ยาว จะมีความต้องการกาแฟเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการผลักดันการนำเข้ากาแฟมากขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/535429/coffee-export-prices-plummet.html#a5vyTodulqym1mml.97