ค้าเวียดนามปี 73 มีสัดส่วน 15% ของ GDP

ตามแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการค้าในประเทศภายในปี 64-73 มีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการค้าในประเทศมาอยู่ 15-15.5% อีก 10 ปีข้างหน้า ภายใต้แผนดังกล่าวนั้น การค้าในประเทศจะเติบโตเฉลี่ย 9-9.5% ต่อปี และรายได้ทั้งมาจากการค้าปลีกและจากการบริการผู้บริโภค 13-13.5% โดยแผนดังกล่าวจะมุ่งไปที่การสร้างแบรนด์สินค้าเวียดนาม ตลอดจนปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภค ธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้ง ส่วนราชการยังได้กำหนดให้มีการส่งเสริมการลงทุนและปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางการลงทุน เพื่อปรับให้เข้ากับหลักการการค้าใหม่ รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้มีความทันสมัยและยั่งยืน โดยเฉพาะพื้นที่ชนบท

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/domestic-trade-to-make-up-15-of-gdp-by-2030-876968.vov

เวียดนามเผย 6 เดือนแรก ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ กว่า 15 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ตามข้อมูลกระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) เผยว่านักลงทุนต่างชาติแห่เข้าลงทุนในเวียดนาม 15.27 ล้านเหรียญสหรัฐปีนี้ คิดเป็น 97.4% ของจำนวนเม็ดเงินทุนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว กระทรวงฯ รายงานว่าเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. มีเม็ดเงินทุน 9.55 พันล้านเหรียญสหรัฐ เข้าไปอัดฉีดในโครงการที่ได้รับการจดทะเบียนใหม่ จำนวน 804 โครงการ เพิ่มขึ้น 13.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่เข้าไปลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปมากที่สุด คิดเป็น 45.7% ของเงินลงทุนทั้งหมด รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ในขณะที่ สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยเม็ดเงินลงทุน 5.64 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-attracts-over-15-billion-usd-of-fdi-in-six-months/203576.vnp

กิจการเวียดนาม ก้าวลงทุนโครงการต่างประเทศ ทั้งสิ้น 21.81 พันล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงวางแผนและการลงทุน ระบุว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ นักลงทุนเวียดนามทุ่มเงินรวมทั้งสิ้น 21.81 พันล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยจำนวน 1,420 โครงการ โดยส่วนใหญ่จะเข้าไปลงทุนในโครงการภาคเหมืองแร่และภาคเกษตรกรรม และจุดหมายทางการลงทุนยอดนิยมของเวียดนาม อาทิ ประเทศสปป.ลาว กัมพูชาและรัสเซีย คิดเป็นสัดส่วน 23.7%, 13.1% และ 12.9% ตามลำดับ ทั้งนี้ จำนวนเงินลงทุนใหม่และเงินลงทุนเพิ่มเติมในต่างประเทศ ทั้งสิ้น 546.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ ทั้งหมด 15 ประเทศที่ได้รับการลงทุนจากเวียดนาม ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ สหรัฐฯ 302.8 ล้านเหรียญสหัฐ ตามมาด้วยกัมพูชา 89.1 ล้านเหรียญสหรัฐ แคนาดา 32.08 ล้านเหรียญสหรัฐ และฝรั่งเศส 32 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-firms-invest-us2181-billion-in-overseas-projects-868290.vov

‘ศักดิ์สยาม’ เร่งลงทุนขนส่งบูม ศก.ไทย ปักธงฮับอาเซียน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Empowering Thailand 2021 เคลื่อนอนาคตไทยด้วยการลงทุน” ในงานสัมมนาเรื่อง “EMPOWERING THAILAND 2021 เคลื่อนอนาคตไทยด้วยการลงทุน” ว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัส โควิด-19 ตั้งแต่ปี 2019 ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเกิดภาวะชะงักงัน โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้คาดการณ์ว่าในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 6 เนื่องจากมีวัคซีนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมมีแผนการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน เพื่อให้การคมนาคมขนส่งของประเทศมีความสะดวก ปลอดภัย และรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งทางราง เพื่อลดต้นทุนการขนส่งของประเทศ และการเตรียมความพร้อมการคมนาคมขนส่งทางอากาศรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยว ตามนโยบายของรัฐบาลที่จะเปิดประเทศ ภายใน 120 วัน หรือ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sandbox)

ที่มา : https://www.posttoday.com/economy/news/656301

ความเชื่อมั่นนักลงทุน ร้อนแรง การฉีดวัคซีนเป็นปัจจัยหนุน

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือน มิ.ย.64 ว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือเดือน ส.ค.64 อยู่ที่ 126.40 เพิ่ม 1.6% จากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 124.37 โดยมีปัจจัยหนุน คือ การฉีดวัคซีน ความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและการไหลเข้าของเงินทุน ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังยังเป็นขาขึ้น โดยมีเป้าหมายดัชนีปีนี้ไว้ที่ 1,650 จุด แต่ปัจจัยที่ยังต้องติดตาม คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน และยุโรป จากการเปิดประเทศ ส่วนปัจจัยในประเทศ คือ การจัดสรรและกระจายวัคซีนให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 100 ล้านโดสภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/investment/2110485

กัมพูชาได้รับประโยชน์จากการกระจายการลงทุนไปยังเมียนมาที่คาดว่าจะลดลง

การปฏิวัติในเมียนมาคาดส่งผลประโยชน์เชิงบวกจากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนในเมียนมาไปยัง กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย และไทย เป็นสำคัญจากปัจจัยสนับสนุนทางด้านภูมิศาสตร์ ซึ่งจากรายงานผลการศึกษาล่าสุดของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) โดย รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าการส่งออกของไทยไปยังเมียนมาคาดว่าจะลดลงสูงสุด 9.6 หมื่นล้านบาท ในปีนี้ เนื่องจากความวุ่นวายทางการเมืองของเมียนมา ซึ่งผลกระทบจากการปฏิวัติในเมียนมา 100 วันหลังการปฏิวัติครั้งที่ 4 โดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย (MIN AUNG HLAING) ได้คาดการณ์ว่า GDP ของเมียนมาในปี 2021 จะติดลบร้อยละ 10 ถึงลบร้อยละ 20 โดยไตรมาส 1/2021 เศรษฐกิจเมียนมาหดตัวร้อยละ 2.5 สูญเสีย FDI กว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีปริมาณการว่างงานกว่า 6 แสนคน ค่าเงินจ๊าดอ่อนค่าร้อยละ 18 (24/5/2564) และรายได้ของครัวเรือนเมียนมาลดลงถึงร้อยละ 83 ส่วนราคาน้ำมันเพิ่มร้อยละ 15 ราคาข้าวขายปลีกเพิ่มร้อยละ 35 ทั้งนี้ FDI ของเมียนมาที่ลดลงจะอยู่ในกลุ่ม พลังงาน อุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ น้ำมันและก๊าซ ขนส่ง และนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50864456/cambodia-stands-to-benefit-from-fdi-diversion-as-exports-to-myanmar-expected-to-drop/

เวียดนามก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนยอดนิยม จาก 140 ประเทศทั่วโลก

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) เผยเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางของการลงทุนยอดนิยมในหมู่นักลงทุนต่างประเทศกว่า 140 ประเทศทั่วโลก มีจำนวน 33,000 โครงการที่มาจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ด้วยเม็ดเงินจดทะเบียน 394 ล้านเหรียญสหรัฐ ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 แต่ว่าเวียดนามสามารถบรรลุการควบคุมการระบาดของโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ แม้ว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั่วโลก ยังไม่แสดงสัญญาการฟื้นตัวเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม แสดงให้เห็นว่าเวียดนามถือเป็น “ดินแดนที่ปลอดภัย” แก่การไหลเข้าของเม็ดเงินทุนจากต่างประเทศ ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกและธุรกิจอีกจำนวน เร่งหาโอกาสทางการลงทุนในเวียดนาม เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวต้องการกระจายห่วงโซ่อุปทาน และลดการพึ่งพาในตลาดจีน

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-emerges-as-popular-investment-destination-for-140-countries-31827.html

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเน้นย้ำการขยายการค้าการลงทุน และความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว

นายธานี ทองภักดี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หารือกับนายอันดรีย์ เบชตา (Andrii Beshta) เอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้แสดงความขอบคุณเอกอัครราชทูตยูเครนฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-ยูเครนอย่างแข็งขันตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-ยูเครน อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน เกษตรกรรม การท่องเที่ยว และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งเห็นพ้องว่า หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง การท่องเที่ยวและการค้าจะเป็นประเด็นความร่วมมือสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันผลักดัน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการหารือและแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง เพื่อช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือที่มีศักยภาพให้มีพลวัตยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยและฝ่ายยูเครนได้หารือความร่วมมือในประเด็นภูมิภาคและพหุภาคีที่สนใจร่วมกันด้วย อาทิ ความร่วมมือระหว่างอาเซียนและยูเครน และการขอเสียงสนับสนุนผู้สมัครของตนในกรอบสหประชาชาติ

ที่มา : https://www.mfa.go.th/th/content/thai-ukraine?cate=5d5bcb4e15e39c306000683d

ไทยพร้อมบังคับใช้ความตกลง ATISA เพิ่มโอกาสลงทุนบริการในอาเซียน

พาณิชย์ เผย ไทยเป็น 1 ใน 2 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้ดำเนินการให้สัตยาบันความตกลงการค้าบริการฉบับใหม่ของอาเซียน หรือ ATISA แล้ว มีผลใช้บังคับ 5 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที  โดยความตกลง ATISA เป็นความตกลงด้านการค้าบริการที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ทั้งผู้ให้บริการและนักลงทุนของไทยและสมาชิกอาเซียน ส่งเสริมบรรยากาศการค้าบริการที่สามารถคาดการณ์ได้ จึงเป็นการขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในอาเซียน ทั้งนี้ภายใต้ความตกลง ATISA ไทยมีโอกาสขยายการค้าและการลงทุนในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น บริการด้านสุขภาพ บริการด้านการท่องเที่ยวและที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง บริการด้านก่อสร้าง บริการด้านการจัดประชุม และการจัดนิทรรศการ หรือ MICE เป็นต้น

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9640000033580

สปป.ลาว-เวียดนามปฏิญาณกระชับความสัมพันธ์ความเป็นปึกแผ่นพิเศษ

ประธานาธิบดีสปป.ลาว Mr.Thongloun Sisoulith ได้ให้คำมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Mr.Nguyen Xuan Phuc ประธานาธิบดีแห่งรัฐที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ของเวียดนามเพื่อยกระดับความสัมพันธ์การร่วมมือและความเป็นปึกแผ่นพิเศษระหว่างทั้งสองประเทศให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้น หลายปีมานี้เวียดนามได้ให้การสนับสนุนต่อสปป.ลาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งความช่วยเหลือของเวียดนามในการฟื้นฟูสปป.ลาวจากภัยพิบัติ รวมถึงการช่วยสปป.ลาวในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด -19 ท่ามกลางวิกฤตการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศและโลก เวียดนามถือเป็นประเทศหนึ่งที่สปป.ลาวมีการพึ่งพาทั้งด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งเวียดนามเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับสามในสปป.ลาวรองจากจีนและไทยในปี 2563 มูลค่าลงทุนจากเวียดนามทั้งหมด 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้านการค้ามีมูลค่าอยู่ที่ 815 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_LaosViet_68.php